ความสำเร็จของแต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกัน บางคนพอใจเท่านั้น ในขณะที่อีกคนอาจพอใจเท่านี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรทุก ๆ คน ควรมีจุดที่เรียกว่า Check Point ที่เป็นเหมือนกับเอาไว้เช็คว่าเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้เดินทางมาถึงไหนแล้ว ซึ่งหลาย ๆ คนอาจกำลังพบเจอกับปัญหาที่ว่า ไม่ว่าจะลงมือลงแรงไปเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนกับย่ำอยู่กับที่ วนเวียนอยู่ที่เดิม ๆ ไม่ไปไหนสักกะที และในบทความนี้ Dan Lok ที่ปรึกษานักธุรกิจร้อยล้าน ก็จะมาให้คำแนะนำในการที่คุณจะก้าวไปสู่เป้าหมาย ด้วยการเปลี่ยนนิสัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แล้วโลกของคุณก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล
นิสัยที่ดี จะนำพาคุณไปสู่การกระทำที่ดี และเมื่อทำเข้าบ่อย ๆ จนเป็นอัตโนมัติเมื่อไหร่ (หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ทำจนเป็นสันดาน) นิสัยนั้น จะนำพาคุณไปสู่การมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งแม้ว่าการก้าวไปสู่ความสำเร็จจะต้องอาศัยการบ่มเพาะนิสัยหลาย ๆ อย่าง แต่หากเปลี่ยนแปลงเพียง 1 อย่างนี้แล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่จะค่อย ๆ ตามมาทีละเล็กทีละน้อยเองโดยอัตโนมัติ
คำถามก็คือ แล้วนิสัยที่ว่านี้ มันคืออะไร?
ก่อนอื่นให้คุณลองนึกภาพตาม โดยสมมติวงกลมขึ้นมาสักวงหนึ่งแทนขอบเขตของตัวคุณ แล้วลองระบุสิ่งของหรือทรัพย์สินที่คุณมีอยู่แล้ว ณ ปัจจุบันว่ามีอะไรบ้าง เช่น
รถที่คุณมี, บ้านที่คุณอยู่, รายได้ที่คุณได้รับ ณ ปัจจุบัน, การพักร้อนภายในประเทศ เป็นต้น
จากนั้น ให้คุณเขียนสิ่งที่คุณอยากได้ อยากมี อยากทำ แต่ยังไม่ได้ครอบครอง จับต้อง หรือลิ้มรสมันมาก่อน ไว้ข้างนอกวงกลม เช่น รถคันปัจจุบันคุณอาจเป็นรถเก๋งญี่ปุ่นแต่คุณอยากได้รถยุโรปหรู ๆ สักคัน, หรือไม่ก็จากเดิมที่อยู่บ้านพ่อแม่หรืออาศัยอยู่ในห้องเช่าก็อยากขยับขยายเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นสักหลัง
สิ่งที่ Dan พยายามจะสื่อก็คือ สิ่งที่อยู่ในวงกลมนั้นคือขอบเขต “Comfort Zone” หรืออาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Income Zone” มันคือขอบเขตที่เราอยู่แล้วสบายใจเพราะออกแรงเท่าเดิมก็อยู่ได้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ก็ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเช่นกัน หรือรายได้ ณ ปัจจุบันนี้ สามารถดนบันดาลไลฟ์สไตล์ได้เท่านี้
ซึ่งหากคุณต้องการบางอย่างที่อยู่นอกพื้นที่ Comfort Zone คุณจำเป็นที่จะต้องขยายขอบเขตนั้น หรือจะเรียกว่าการออกจากกรอบเดิม ๆ ที่เป็นอยู่ และนี่คือ นิสัย 1 อย่างที่คุณจำเป็นจะต้องทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่คุณต้องการครอบครองนั่นก็คือ “Do things that make you feel uncomfortable.” “จงทำอะไรบางอย่างที่คุณรู้สึกไม่สบายใจ” พอมาถึงตรงนี้คุณอาจจะเริ่มสบถออกมาว่า “หลอกให้อ่านมาตั้งนาน เพื่อที่จะบอกว่าให้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่โอเค ไม่ชอบ เนี่ยนะ บ้าไปแล้ว อยู่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว จะทำมันไปทำไม” ซึ่งผมอาจจะตอบแทน Dan ได้ว่า ก็เชิญคุณอยู่ที่เดิมตรงนั้นต่อไป ตรูไปก่อนล่ะ
แต่อันที่จริงศัตรูตัวฉกาจที่ห้ามคุณไม่ให้กล้าลองทำในสิ่งใหม่ ๆ นั้นก็คือ “FEAR” หรือ “ความกลัว” ไม่ว่าจะเป็น กลัวในสิ่งที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน, กลัวที่จะล้มเหลว, กลัวที่จะถูกปฏิเสธ, กลัว กลัว กลัว หรือแม้กระทั่งกลัวที่จะประสบความสำเร็จ
หรือถ้าลองสมมติในเหตุการณ์จริง ก็จะได้ว่า คุณไม่กล้าจะไปเข้างานสังคมใหม่ ๆ ที่คุณไม่เคยไปมาก่อน, คุณไม่กล้าที่จะอ่านหนังสือในหมวดหมู่อื่น ๆ ที่คุณไม่เคยอ่านมาก่อน, ไม่เคยเดินทางไปในเส้นทางใหม่ ๆ, ไม่เคยดูวีดีโอที่คุณไม่เคยสนใจที่จะดูมันมาก่อน (เช่นช่องของ Blue O’Clock นี้)
ซึ่งการลองสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้ หากคุณทำเพียง 1-3 ครั้ง หรือไม่กี่สิบครั้ง นั่นไม่เรียกว่าทำเป็นนิสัย แต่หากคุณทำมันเป็นร้อย ๆ ครั้ง อย่างต่อเนื่องและเป็นอัตโนมัติ มันจะทำให้คุณได้นิสัยใหม่ติดตัวคุณไปแบบถาวร และเมื่อคุณได้ลองทำอะไรที่มันแตกต่างออกไปจากเดิม วิธีคิดของคุณก็จะไม่เหมือนเดิม และโลกของคุณก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล
ซึ่งสิ่งที่จะได้ตามมาหลังจากที่คุณก้าวออกจาก Comfort Zone ก็คือ
- คุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
- คุณจะได้ลงมือทำอะไรใหม่ ๆ
- คุณจะได้รับความรู้และทักษะใหม่ ๆ
- คุณจะได้พบปะกับผู้คนใหม่ ๆ ที่จะนำพาให้คุณไปพบกับโอกาสใหม่ ๆ
- คุณจะได้พบช่องทางการทำรายได้แบบใหม่ ๆ
จงเผชิญหน้ากับความกลัว เพราะความกลัวมันจะฉุดให้ชีวิตคุณถอยหลัง เพราะในโลกปัจจุบันที่หากใครแค่คิดที่จะหยุดอยู่กับที่ กับเท่ากับถอยหลังลงคลองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในยุคที่ต่างคนต่างแข่งขันกันพัฒนาตนเอง
ดังนั้น จงทำอะไรที่คุณไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตปกติ, จงทำในสิ่งที่คุณกลัวมัน หรือจงทำในสิ่งที่คุณรู้สึกไม่สะดวกสบาย ซึ่งให้คุณทำมันจนกว่าคุณจะไม่รู้สึกกลัวมัน ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะทำมัน เพราะถ้าหากคุณยังรู้สึกเช่นนั้นอยู่ แสดงว่าคุณยังทำมันไม่มากพอและคุณยังพัฒนาไม่มากพอ จงทำมันต่อไปจนกว่าคุณจะรู้สึกว่าสบายใจ
ที่มา