Site icon Blue O'Clock

100 ข้อคิด จาก Albert Einstein อัจฉริยะ นักฟิสิกส์ ผู้คิดค้นทฤษฎีเปลี่ยนโลก

Albert Einstein

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ คือ นักฟิสิกส์ และผู้สร้างทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่ได้รับรางวัลโนเบล เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคศตวรรษที่ 20

และนี่คือ 100 ข้อคิด ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเขา

  1. จินตนาการนั้นสำคัญกว่าความรู้
  2. เนื่องจากผมไม่มีความสามารถพิเศษ ซึ่งสิ่งที่ผมมีคือความอยากรู้อยากเห็นอย่างจริงจัง ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือ การอย่าหยุดสงสัย เพราะความอยากรู้อยากเห็นมันมีเหตุผลในตัวของมันเองอยู่เสมอ
  3. ข้อมูลไม่ใช่ความรู้ เพราะแหล่งความรู้เพียงอย่างเดียวก็คือ ประสบการณ์
  4. สันติภาพนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้กำลัง แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้าใจซึ่งกันและกัน
  5. อย่าพยายามที่จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่จงพยายามที่จะเป็นบุคคลที่มีคุณค่า
  6. ความแตกต่างระหว่างความโง่เขลากับการเป็นอัจฉริยะก็คือ ความอัจฉริยะนั้นมีขีดจำกัด แต่ความโง่เขลานั้นไม่
  7. วิธีการวัดระดับสติปัญญานั้น ก็คือการวัดจากความสามารถในการปรับตัว เปลี่ยนแปลง ในโลกที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
  8. การศึกษานั้นไม่ใช่การเรียนรู้เกี่ยวกับความจริง แต่การเรียนรู้เป็นการฝึกจิตใจให้รู้จักคิด
  9. ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่มีความสุข ให้คุณเอาใจผูกติดไว้ที่เป้าหมาย ไม่ใช่ผู้คนหรือสิ่งของ
  10. คนใดที่ไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน แสดงว่าคน ๆ นั้น ไม่เคยลองทำอะไรในสิ่งใหม่ ๆ ดูเลย
  11. สิ่งที่สวยงามที่สุดก็คือสิ่งที่เราได้ค้นพบกับความลึกลับ มันคือแหล่งที่มาของศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงทั้งหมดทั้งมวล
  12. สิ่งที่เราเรียกว่าความจริงนั้น เป็นเพียงชุดข้อมูลของการรับรู้ และการตีความเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลเกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา ความจริงเป็นเพียงภาพลวงตา แม้ว่าความจริงนั้นมันจะคงอยู่ตลอดไปก็ตามที ดังนั้น ความจริง คือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เพราะแต่ละคนตีความหมายของคำว่าความจริงแตกต่างกันออกไป
  13. Logic หรือตรรกะ จะนำพาคุณจากจุด A ไปยังจุด B ส่วนจินตนาการนั้นจะสามารถนำพาคุณไปได้ในทุก ๆ ที่
  14. การมีทัศนคติที่อ่อนแอ จะส่งผลให้กลายเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่อ่อนแอ
  15. 3 กฎเหล็กในการทำงาน: ข้อแรก ทำเรื่องที่ซับซ้อนให้ง่ายเข้าไว้, ข้อที่สองเปลี่ยนความขัดแย้งเป็นความสามมัคคี และข้อที่สาม ท่ามกลางความยากลำบากใด ๆ นั้น จะมีโอกาสซ่อนตัวอยู่เสมอ
  16. ผมพูดกับทุกคนทุกระดับเหมือนกันหมด ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคนเก็บขยะหรือจะเป็นอธิการบดีของโรงเรียนก็ตามที
  17. คนที่ไม่ฉลาดก็สามารถรู้ได้ ซึ่งประเด็นที่สำคัญก็คือ ขอแค่มีเพียงความเข้าใจในสิ่ง ๆ นั้น
  18. สิ่งที่บ่งบอกถึงความฉลาดที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่ความรู้ แต่เป็นจินตนาการต่างหาก
  19. เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเราได้ โดยใช้ความคิดแบบเดิมกับตอนก่อนที่เราได้เคยใช้ก่อนการสร้างมันขึ้นมา
  20. ผมไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องของอนาคตเลย เพราะมันมาเร็วมาก ความหมายก็คือ อนาคตเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เขาจึงโฟกัสที่การใช้เวลา ณ ปัจจุบัน
  21. วิทยาศาสตร์มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์เอามาก ๆ ถ้าหากคนเราไม่จำเป็นต้องใช้มันในการหาเลี้ยงชีพ ความหมายก็คือ คนเรามักจะทำงานได้ดีและมีความสุข หากไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
  22. มีอยู่สองสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด นั่นก็คืออย่างแรก universe และอย่างที่สองคือความโง่เขลาของมนุษย์ ซึ่งอย่างแรกผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
  23. ทุกสิ่งทุกอย่างควรทำให้มันเรียบง่ายเข้าไว้เท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ต้องง่ายจนเกินความจริง
  24. คุณค่าที่แท้จริงของมนุษย์เรานั้นถูกกำหนดโดยวัดค่าจากคน ๆ นั้นว่า สามารถเข้าใจและรับรู้ความเป็นจริงกับโลกภายนอกที่อยู่นอกเหนือจากโลกภายในของตนเอง
  25. โลกนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายสำหรับการอยู่อาศัย ที่ไม่ใช่เพราะมีคนไม่ดี แต่เป็นเพราะมีคนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรสักอย่างกับมันเลยต่างหาก
  26. มันไม่ใช่ว่าผมเป็นคนที่ฉลาด แต่เป็นเพราะผมหมกมุ่นอยู่กับปัญหาต่าง ๆ มานานมากพอ โดยคนส่วนใหญ่มักพูดว่า ความเฉลียวฉลาดนั้นคือสิ่งที่ทำให้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพวกเขาคิดผิด เพราะสิ่งที่ถูกต้องก็คือ การมีอุปนิสัยที่ดีในการเป็นนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก
  27. การแสวงหาความจริงกับความงดงามนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เรายังคงความเป็นเด็กอยู่เสมอ
  28. ความรู้น้อยนั้นเป็นสิ่งอันตราย รู้มากเกินไปก็เช่นกัน
  29. ผมไม่เคยสอนลูกศิษย์ของผม ผมแค่เพียงพยายามจัดหาสิ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ในเงื่อนไขที่กำหนด
  30. ถ้าหากคุณยังอธิบายสิ่งนั้นแบบง่าย ๆ ที่แม้แต่เด็ก 6 ขวบให้เข้าใจไม่ได้ แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจสิ่งนั้นมันมากพอ
  31. วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคตก็คือ การสร้างมันขึ้นมาเองเลย
  32. นักปราชญ์แก้ไขปัญหา, ส่วนอัจฉริยะนั้นป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น
  33. ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สามารถนับหรือวัดค่าได้ ความหมายก็คือ หลายอย่างไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยปริมาณ เพราะบางอย่างไม่สามารถจับต้องได้ หรืออยู่ในวิสัยที่สามารถวัดได้ยาก เช่น อารมณ์ ความสัมพันธ์ และประสบการณ์ของมนุษย์เรา
  34. พลังที่ทรงพลังมากที่สุดในจักรวาลนี้ก็คือ พลังของดอกเบี้ยทบต้น
  35. สิ่งที่เข้าใจยากที่สุดในโลกก็คือ ภาษีเงินได้
  36. สิ่งที่แตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เพราะขาดความแข็งแกร่ง, ไม่ใช่เพราะขาดความรู้ แต่คือการขาดความตั้งใจต่างหาก
  37. ผมไม่รู้หรอกว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ผู้คนจะต่อสู้กันด้วยอะไร แต่ผมรู้ว่า สงครามโลกครั้งที่ 4 ผู้คนจะต่อสู้กันด้วยท่อนไม้และก้อนหิน
  38. จงเรียนรู้จากเมื่อวาน, ใช้ชีวิตเพื่อวันนี้, มีความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้ และสิ่งสำคัญก็คือ จงอย่าหยุดตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
  39. คุณค่าของความสำเร็จคือการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
  40. มันคือศิลปะขั้นสูง ที่คุณครูนั้นพยายามถ่ายทอดความรู้อย่างมีความสุข อย่างสร้างสรรค์ออกมา เพื่อถ่ายทอดให้แก่นักเรียน
  41. โลกที่เราสร้างขึ้นนั้น เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นมาจากความคิดของพวกเรา ดังนั้นโลกของเรามันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเราไม่เปลี่ยนความคิด
  42. สิ่งเดียวที่ขัดขวางการเรียนรู้ของผมก็คือ ระบบการศึกษาที่ผ่านมาของผม
  43. สิ่งที่มีคุณค่าในสังคมมนุษย์นั้น ขึ้นอยู่กับโอกาสในการพัฒนาของแต่ละคนในสังคม
  44. ถ้าคุณต้องการให้ลูก ๆ ของคุณนั้นฉลาด ให้อ่านนิทานให้ลูก ๆ ฟัง และถ้าคุณต้องการให้พวกเขาฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม ให้คุณอ่านนิทานให้พวกเขาฟังเยอะ ๆ
  45. หนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดจากการได้รับคำชมสรรเสริญนั้นก็คือ การตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป
  46. คนที่เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงนั้น พวกเขาจะยอมรับไปตรง ๆ เลยว่า พวกเขารู้หรือไม่รู้อะไรบ้าง
  47. ผมมักครุ่นคิดอยู่นานแสนนาน บ้างเป็นเดือน บ้างก็คิดเป็นปี และมักจะคิดผิดอยู่ราว ๆ 99 ครั้ง และในที่สุดครั้งที่ 100 ผมก็คิดถูกจนได้
  48. ความลับของความคิดสร้างสรรค์ก็คือ การรู้วิธีการซ่อนแหล่งที่มาของคุณ
  49. ชีวิตก็เหมือนกับการขี่จักรยาน ที่ต้องรักษาสมดุล ในระหว่างที่กำลังก้าวไปข้างหน้า
  50. ลองมองธรรมชาติให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น แล้วจากนั้นคุณก็จะเริ่มเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
  51. ผู้ใดที่ประมาทในเรื่องแม้เพียงเล็กน้อยนั้น ไม่สามารถไว้วางใจในเรื่องที่สำคัญมากกว่าได้
  52. เมื่อใดก็ตามที่ เรายอมรับขีดจำกัดในตัวเอง เราก็สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นไปได้
  53. ถ้าเรารู้แล้วว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นคืออะไร นั่นมันหมายถึงว่า เราไม่สามารถเรียกสิ่งนั้นว่าการวิจัยได้
  54. การศึกษามันคือสิ่งที่เหลืออยู่ หลังจากที่เราได้ลืมสิ่งที่เรียนรู้ในโรงเรียนไปแล้ว
  55. ผมใช้ชีวิตแบบสันโดษ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดในช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่มันกลับหอมหวานในปีที่ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่
  56. การมีชีวิตเพื่อผู้อื่นเท่านั้น คือชีวิตที่คุ้มค่ากับที่เกิดมา
  57. เราไม่สามารถหมดหวังสิ้นหวังในความเป็นมนุษย์ได้ เนื่องจากตัวเราเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน
  58. คนเรานั้นควรมองในสิ่งที่ตนเป็น ไม่ใช่ในสิ่งที่น่าจะเป็น
  59. ศาสนา, ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ ล้วนแล้วแต่เป็นกิ่งก้านสาขาที่แตกออกมาจากต้นไม้ต้นเดียวกัน
  60. เรื่องของฟิสิกส์ มันควรจะเป็นเรื่องที่สามารถเล่าให้แม้แต่เด็กเสิร์ฟฟังก็สามารถเข้าใจได้
  61. การเมืองเป็นเรื่องประเดี๋ยวประด๋าว แต่สมการนั้นจะอยู่ไปอีกนานแสนนาน
  62. เราจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีคิดแบบใหม่ เพื่อที่จะให้มนุษยชาตินั้นยังคงดำรงอยู่รอดได้
  63. การปลดปล่อยพลังงานปรมาณูนั้นไม่ได้สร้างปัญหาใหม่ แต่มันทำให้ต้องแก้ไขปัญหาที่มีอยู่แล้วเร่งด่วนขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
  64. ผมไม่เชื่อว่าอารยธรรมของมนุษย์นั้นจะถูกลบล้างในสงครามที่มีระเบิดปรมาณู แต่นั่นก็อาจทำให้คนจำนวน 2 ใน 3 ของโลกเสียชีวิต
  65. มีอยู่ด้วยกันสองวิธีในการใช้ชีวิตของคุณ วิธีแรกคือให้ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเป็นปาฏิหาริย์เลยสักอย่าง และอีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้ทำราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคือปาฏิหาริย์
  66. อย่ามัวไปจดจำ ท่องจำ ในสิ่งที่คุณสามารถค้นหามันได้ ความหมายก็คือ เราควรมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้วิธีการค้นหาและใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการท่องจำเพียงอย่างเดียว
  67. คำถามหนึ่งที่ทำให้ผมมักจะมึนงงกับมันก็คือ การที่ถามว่าระหว่างตัวผมกับคนอื่นใครกำลังเป็นคนบ้ากันแน่
  68. ผู้มีอำนาจที่มีความเชื่อที่ผิด ๆ นั้น เป็นศัตรูตัวฉกาจของความจริง
  69. เราทุกคนต่างรู้ว่าแสงนั้นเดินทางได้เร็วกว่าเสียง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนจึงดูผ่องใสเห็นมาแต่ไกล ก่อนที่เราจะได้ยินคน ๆ นั้นพูดซะอีก
  70. ผมจำเป็นที่จะต้องละทิ้งในสิ่งที่ผมเคยเป็นอยู่ เพื่อที่ผมจะได้กลายเป็นตัวผมอีกคนหนึ่งที่กำลังจะเป็น
  71. ทำเพราะรักนั้นย่อมดีกว่าทำเพราะมันเป็นแค่เพียงหน้าที่
  72. สิ่งที่ถูกต้องนั้นมักไม่เป็นที่นิยม และสิ่งที่เป็นที่นิยมมักไม่ถูกต้องเสมอไป
  73. ความอัจฉริยะนั้นมาจากพรสวรรค์ 1% และจากพรแสวง 99%
  74. ถ้า A คือการประสบความสำเร็จในชีวิต สมการก็คงจะเป็น A = x+y+z โดย x คือ การทำงาน, y คือ การเล่น และ z คือ การสงบปากสงบคำ หรือหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นที่เกิดจากคำพูด
  75. เวลาเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
  76. วิธีให้กำลังใจตัวเองที่ดีที่สุดคือการให้กำลังใจคนอื่น
  77. ผู้ใดที่หยุดความสงสัยและไม่ได้รู้สึกตะลึงหรือประหลาดใจกับสิ่งใดอีกต่อไปแล้วล่ะก็ ก็เหมือนกับว่าคน ๆ นั้นได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว แม้ว่าตาของพวกเขาจะเปิดอยู่ก็ตามที
  78. ผมเชื่อในการสร้างมาตรฐานให้แก่รถยนต์ แต่ผมไม่เชื่อในการสร้างมาตรฐานแก่มนุษย์ ความหมายก็คือ คนเรานั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนกัน มีความเป็นปัจเจกบุคคล มีความหลากหลาย ซึ่งไม่ควรถูกบังคับให้ทำตามกรอบหรือแบบแผนเฉกเช่นสิ่งอื่น ๆ ที่มักจะเหมือน ๆ กัน
  79. นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ก็คือศิลปินดี ๆ นี่เอง เพราะพวกเขาสามารถวาดจินตนาการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
  80. วิทยาศาสตร์จะรุ่งเรืองได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีเสรีในการพูดเท่านั้น
  81. ผมจะสอนในเรื่องของสันติภาพมากกว่าเรื่องของสงคราม และผมจะปลูกฝังความรักมากกว่าความเกลียดชัง
  82. ทุกคนล้วนแล้วเป็นอัจฉริยะในแบบของตน แต่ถ้าหากคุณตัดสินปลาจากความสามารถในการปีนต้นไม้ ปลามันก็จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตโดยที่มันเชื่อว่ามันนั้นไม่มีความสามารถเอาซะเลย
  83. ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกคนที่เคยปฏิเสธผม เป็นเพราะพวกเขาปฏิเสธ ผมก็เลยทำมันเองซะเลย
  84. จงอย่ายอมแพ้ในสิ่งที่คุณต้องการที่จะทำมันจริง ๆ ซึ่งคนที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่นั้นมีพลังมากกว่าคนที่มีแต่ข้อเท็จจริง
  85. เมื่อคุณหยุดเรียนรู้ ก็เท่ากับว่าชีวิตคุณใกล้จบสิ้นแล้ว
  86. เรือจะปลอดภัยเสมอเมื่อมันขึ้นอยู่บนฝั่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดประสงค์ที่มันได้ถูกสร้างขึ้นมา เพราะเรือต้องออกจากฝั่ง
  87. ความวิกลจริต ก็คือ การพยายามทำแต่สิ่งเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็คาดหวังว่าจะผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิม
  88. โทสะ นั้นจะอยู่ในแต่ในอกของคนเขลาเท่านั้น
  89. คนอ่อนแอแก้แค้น คนเข็มแข็งให้อภัย คนมีปัญญาปล่อยวาง
  90. บางครั้งคนเราก็ยอมจ่ายแพงเพื่อสิ่งที่ได้มาโดยเปล่าประโยชน์
  91. คุณค่าของคนควรอยู่ในสิ่งที่เขาให้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาได้รับ
  92. ครูส่วนใหญ่มักเสียเวลาไปกับการตั้งคำถามที่มีจุดประสงค์เพื่อค้นหาในสิ่งที่นักเรียนไม่รู้ ในขณะที่ศิลปะในการตั้งคำถามที่แท้จริงนั้นคือการค้นหาสิ่งที่นักเรียนรู้หรือสามารถรู้ได้
  93. ผมแทบไม่คิดสิ่งต่าง ๆ เป็นคำพูดเลย ในขณะที่มีความคิดเกิดขึ้นในหัว แล้วหลังจากนั้นผมค่อย ๆ พยายามตีความในสิ่งที่คิดออกมาเป็นคำพูดในภายหลัง
  94. จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น จนกว่าจะมีบางสิ่งเริ่มเคลื่อนไหว
  95. ผมยอมเป็นโง่ที่มองโลกในแง่บวก ซะดีกว่าการเป็นคนที่เอาแต่มองโลกในแง่ร้ายแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ตามที
  96. การค้นหาความจริงนั้นมีค่ามากกว่าการครอบครองสิทธิ์ไว้คนเดียว
  97. ปัญญานั้น ไม่ใช่ผลที่ได้มาจากการเรียนรู้ภายในโรงเรียน แต่มาจากการศึกษาและใช้ความพยายามตลอดช่วงชีวิตที่กว่าจะได้มา
  98. ในฐานะมนุษย์นั้น พวกเราได้รับสติปัญญาที่มากพอที่จะรู้ได้ว่า สติปัญญาที่เรามีอยู่นั้น ไม่เพียงพอต่อการเผชิญหน้ากับสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลได้
  99. มีเพียงคนที่พยายามทำในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเท่านั้น ที่จะสามารถทำในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้
  100. คุณจะไปโทษแรงโน้มถ่วงไม่ได้ หากคุณกำลังตกหลุมรักใครสักคนอยู่

Resources

Exit mobile version