Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Quote

100 ข้อคิด จาก Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของโลก

Larry Ellison เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท Oracle ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของโลก โดยในปัจจุบันเขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 5 ของโลก และนี่คือ 100 ข้อคิด 100 บทเรียน ที่เราสามารถเรียนรู้ได้เขา

  1. ข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาดต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเส้นทางการเดินไปสู่ความสำเร็จ
  2. หากคุณเกิดมาในที่ที่ลำบาก ยากเย็นแสนเข็ญ มากแค่ไหนก็ตามแล้วคุณยังไม่ตาย คุณยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ นั่นมันจะทำให้ตัวคุณนั้นแข็งแกร่งขึ้น
  3. ตัวของ Larry นั้น เขามีความทะเยอทะยานอย่างมากมาโดยตลอด และเป็นคนที่มีความสงสัยใคร่อยากรู้ในเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ทันทีที่ตัวของเขาลาออกจากวิทยาลัย เขาก็ได้ย้ายไปทำงานที่ Silicon Valley ที่ถือเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี เมืองแห่งสตาร์ทอัพของโลกในทันที ในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ เพราะตัวของเขานั้นฝึกเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนในวิทยาลัยอยู่
  4. บริษัท Oracle นั้นเริ่มก่อตั้งจากพนักงานเพียงแค่ 4 คน โดยเป้าหมายแรกสุดในการก่อตั้งบริษัท Oracle ที่เป็นธุรกิจซอร์ฟแวร์ของเขานั้น ตอนแรกสุด เขาอยากจะสร้างบริษัทให้เติบโต มีพนักงานสัก 50 คน โดยเป็นคนที่เขาอยากทำงานด้วย เอนจอย มีความสุขกับการทำงาน มีบ้านเป็นของตัวเอง มีรถดี ๆ สักคัน จากการเป็นที่ปรึกษาด้านซอร์ฟแวร์ แต่ไป ๆ มา ๆ บริษัทมันเติบโตขึ้นจนมีพนักงานในองค์กรรวมแล้วมากกว่า 150,000 คน ได้นั้น ก็เป็นเพราะพวกเขาได้เริ่มสร้างผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองขึ้นมา แทนที่จะเป็นแค่การให้บริการเพียงเดียว
  5. Larry Ellison บอกว่า การที่ Oracle จะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในระบบ Cloud Database ที่ให้บริการการเก็บข้อมูลและการจัดการข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตได้นั้น เขาจะต้องเอาชนะระบบ Cloud ของบริษัท Amazon ให้ได้ซะก่อน ซึ่งการที่จะเอาชนะ Amazon ได้นั้น เขาจะต้องออกแบบให้ระบบ Cloud ของ Oracle ใช้งานได้ง่ายแบบ Amazon แต่จะต้องมีความปลอดภัยที่สูงกว่า นั่นแหละคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม
  6. บริษัทซอร์ฟแวร์ มีการแข่งขันที่สูงมาก และตัวของเขาก็รักในการแข่งขัน เพื่อค้นพัฒนาศักยภาพของตนเองว่ามันจะไปสุดที่ตรงจุดไหน ซึ่งการแข่งขันนั้นจะทำให้เราไปพบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่เสมือนเป็นการปลดล็อค Limit ของตัวเราเองไปอีกขั้น ซึ่งการค้นพบศักยภาพที่เกินขีดจำกัดของคนเรานั้น อาจพบได้อย่างในวงการกีฬา ที่มีการโค่นสถิติเก่าลงได้อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งในวงการการทำธุรกิจก็เช่นกัน
  7. ในโลกนี้มีไอเดียดี ๆ อย่างเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่การที่จะเปลี่ยนจากไอเดียดี ๆ ไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงได้นั้น มันเป็นเรื่องที่ยากอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งการที่มีใครบางคนชอบกล่าวหาว่า คนนั้นไปขโมยไอเดียจากคนนี้ ซึ่งเอาเข้าจริง เจ้าของไอเดียดี ๆ คนดังกล่าว ก็ไม่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ซะด้วยซ้ำ เพราะมันมีขั้นตอนที่ลงรายละเอียดและซับซ้อนเป็นอย่างมาก กว่าที่จะทำให้ไอเดียดี ๆ สักไอเดียหนึ่งนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้
  8. ผู้คนมักบอกว่าบริษัท Oracle นั้น เป็นบริษัทที่เป็นนักการขายและนักการตลาดที่ยอดเยี่ยม ที่สามารถทำให้มียอดขายที่สูงได้ขนาดนี้ แต่ทาง Larry Ellison นั้นบอกว่า บริษัท Oracle นั้น มีงบในเรื่องของการทำการขายและการทำการตลาดที่น้อยเอามาก ๆ เพราะงบในบริษัทเกือบทั้งหมดนั้น จะนำไปจ้างพนักงานที่เก่ง ๆ ตัวท็อป ๆ ของโลก มหาวิทยาลัยท็อป ๆ ของโลก มาทำงาน เพื่อให้พวกเขาได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ซอร์ฟแวร์ที่ยอดเยี่ยม ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่ในมือแล้วให้ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะลูกค้าจะซื้อสินค้าก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับสินค้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ใช่เพราะการขายและการทำการตลาดดีที่สุด
  9. Larry เล่าว่า ช่วงหนึ่งที่เขารู้สึกเจ็บปวดใจมากที่สุดในการสร้างบริษัท Oracle มานั้น มันเกิดขึ้นเมื่อปี 1990 ที่จู่ ๆ จากบริษัทที่เคยทำรายได้ ได้ปีละ $50 ล้านดอลล่าร์ฯ ไปเป็น $1,000 ล้านดอลล่าร์ฯ นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องไล่ผู้บริหารที่เคยทำงานร่วมกันมานานนับสิบปีออก ไม่ใช่เพราะพวกเขาบริหารไม่เก่ง บริหารไม่ดี แต่เป็นเพราะทีมผู้บริหารชุดเก่านั้น พวกเขาถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถบริหารธุรกิจที่มีไซส์ขนาด $50 ล้านดอลล่าร์ฯ แต่พอธุรกิจมันเติบโตขยายไซส์เป็นพันล้าน ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ชุดผู้บริหารใหม่ทั้งหมดที่เหมาะสมกับบริษัทระดับพันล้าน เพราะระหว่างบริษัท $50 ล้านดอลล่าร์ กับ $1,000 ล้านดอลล่าร์ฯ มันใช้ skillsets ใช้ทักษะกันคนละแบบอย่างสิ้นเชิง และนั่นมันทำให้เขาปวดใจมากที่จะต้องไปนั่งคุยกับผู้บริหารยุคบุกเบิกที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานนับสิบปี เพื่อขอให้พวกเขาลาออก หรือจำเป็นต้องไล่พวกเขาออกจากบริษัท Oracle
  10. Larry เล่าว่า พี่สาวของเขาเคยสอนเอาไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่เรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายเดิมที่เราเคยตั้งเอาไว้แล้ว ให้รีบขยับเป้าหมายใหม่ให้ไกลขึ้นกว่าเดิมในทันที ดังนั้นตัวของเขาจะทำการเขยิบเป้าหมายให้ไปไกลขึ้นกว่าเดิม เพราะตัวของเขาคิดว่า ในวงการธุรกิจ คุณสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้เสมอ
  11. Larry มองว่า ถ้าเรามีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ดีที่สุด เราก็มีหน้าที่ต้องพัฒนามัน เพื่อนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง และคุ้มครองประชาธิปไตยของเรา ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่ในมือของศัตรู
  12. Oracle กำลังผลักดันให้เปลี่ยนจากการใช้รหัสผ่าน (Password) มาเป็นรหัสผ่าน (Passcode) ซึ่งใช้ข้อมูลชีวมิติ(Biometric data) เช่น ใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือเสียง ในการระบุตัวตน ซึ่งจะมีความปลอดภัยกว่ามาก
  13. Larry เล่าว่า เพื่อจะประสบความสำเร็จในธุรกิจใหม่ ๆ อย่างรถยนต์ไฟฟ้า ต้องทำตามแนวทางของ Elon Musk คือต้องพัฒนาในทุกองค์ประกอบที่จำเป็น ตั้งแต่แบตเตอรี่ โรงงานผลิต หุ่นยนต์ สถานีชาร์จ ไปจนถึง AI ไม่ใช่ทำแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
  14. Larry บอกว่า ในทำนองเดียวกัน การจะเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพให้ดีขึ้นนั้น ต้องพัฒนาองค์ประกอบทั้งระบบ ไม่ใช่แค่พัฒนาโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงผู้จ่ายเงิน, แผนกพยาธิวิทยา, อุปกรณ์การแพทย์, หน่วยงานกำกับดูแล ฯลฯ ถึงจะสำเร็จได้
  15. Larry มองว่าปัญหาค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงเกินไป จนอาจล้มละลายได้นั้น เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยในประเทศตะวันตก เพราะประชาชนจะไม่มีความสุข และอาจเลือกผู้นำที่ไม่เหมาะสมเข้ามา ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันหาทางลดค่าใช้จ่าย และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นให้ได้
  16. Larry เชื่อว่าพวกเขาเข้ามาทำงานด้าน healthcare เพราะเป็นพันธกิจทางศีลธรรม เขารู้สึกว่า “ถ้าเราสามารถทำได้ เรามีหน้าที่ต้องทำ” เพื่อนำเทคโนโลยีของ Oracle มาช่วยสร้างผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีขึ้น และลดค่าใช้จ่ายลง เขามองว่านี่คือภารกิจสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเวลานี้
  17. Generative AI คือ AI รูปแบบใหม่ที่สามารถสร้างเนื้อหา ภาพ เสียง หรือวิดีโอที่ดูเหมือนมนุษย์เป็นผู้สร้าง มันถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรม คล้ายกับที่สปุตนิก ดาวเทียมดวงแรกของโลก เคยสร้างความตื่นตัวไปทั่วโลกเมื่อปี 1957 และจุดชนวนให้เกิดการแข่งขันด้านอวกาศระหว่างสหรัฐกับสหภาพโซเวียต Generative AI ก็น่าจะสร้างผลกระทบในระดับใกล้เคียงกัน จนผู้นำประเทศต่างๆ ต้องหันมาให้ความสนใจ และเร่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์
  18. แม้การพัฒนา AI จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องจัดการ เช่น ความปลอดภัย จริยธรรม และการเข้ากันได้กับกฎหมาย แต่ประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับ ก็เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมทุ่มเททรัพยากรอย่างมหาศาลลงไป เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วย AI
  19. Oracle กำลังร่วมมือกับพันธมิตรในการนำ AI มาใช้เพื่อแก้ปัญหาด้านการเกษตรและอาหาร โดยพัฒนาโรงเรือนอัจฉริยะที่ปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ช่วยประหยัดน้ำและที่ดิน ปลูกใกล้ผู้บริโภค ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงขึ้น
  20. Oracle ยังพัฒนาเครือข่ายเสียงและภาพเคลื่อนไหวที่ทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อช่วยหน่วยกู้ภัยในการเผชิญเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ พนักงานดับเพลิง หรือแพทย์ฉุกเฉิน ให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น และลดความผิดพลาดลง
  21. Larry เชื่อว่าระบบคลาวด์ในอนาคตควรจะเปิดกว้างและเชื่อมต่อถึงกันได้ง่าย ไม่ใช่ปิดกั้นกัน ลูกค้าควรได้ใช้ประโยชน์จากหลายคลาวด์พร้อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ข้อมูลจะต้องเป็นของลูกค้าเอง ไม่ควรมีค่าธรรมเนียมในการย้ายข้อมูลระหว่างคลาวด์ Oracle จึงตั้งใจสร้างระบบคลาวด์ที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้กับทุกคลาวด์อย่างแท้จริง
  22. Oracle ได้พัฒนารถตำรวจอัจฉริยะรุ่นใหม่ร่วมกับ Tesla ซึ่งมีระบบกล้อง เซ็นเซอร์ และจอแสดงผลในตัว พร้อมด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งทนทาน มอบความปลอดภัยและสมรรถนะที่เหนือชั้น โดยเชื่อมต่อกับระบบเสียงและภาพเคลื่อนไหวของ Oracle เพื่อช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่
  23. Larry Ellison เชื่อว่าจุดแข็งของระบบคลาวด์ Oracle คือการที่เขาสามารถออกแบบและควบคุมองค์ประกอบทุกอย่างด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งส่วนของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เครือข่าย ไปจนถึงส่วนของซอฟต์แวร์ เช่น ระบบปฏิบัติการและโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นเป็นหนึ่งเดียวตามมาตรฐานของ Oracle เอง จึงทำให้สามารถนำระบบอัตโนมัติ (automation) เข้ามาช่วยดูแลควบคุมได้เกือบทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าด้วยมือจากผู้เชี่ยวชาญ ส่งผลให้ระบบคลาวด์ของ Oracle มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่า ใช้ต้นทุนดำเนินการที่ต่ำกว่า และมีความเสถียรปลอดภัยมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ต้องประกอบระบบจากส่วนต่าง ๆ หลากหลายยี่ห้อ
  24. Larry ตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 21 ปี เพื่อเดินทางจากชิคาโก้ไปแคลิฟอร์เนีย โดยใช้ชีวิตกับสิ่งที่เขารัก คือการล่องแก่ง ปีนหน้าผา สอนปีนเขา และเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปด้วย แสดงให้เห็นว่าการใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทำในสิ่งที่รัก มีความสำคัญมากกว่าการเรียนจบปริญญา
  25. เขาพบว่าการเขียนโปรแกรมนั้น แม้จะไม่ได้รักมากเท่าการผจญภัย แต่ก็ทำให้เขารู้สึกสนุกและภูมิใจในตัวเอง เหมือนตอนที่แก้โจทย์คณิตศาสตร์หรือเล่นหมากรุกได้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาชอบก่อนจะเข้าสู่วัยรุ่น บ่งชี้ว่าเขามีพรสวรรค์และความสุขกับการคิดแก้ปัญหาเชิงตรรกะมาตั้งแต่เด็ก
  26. ความขัดแย้งระหว่าง Larry กับอดีตภรรยา เกิดจากเธอต้องการให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบและเลิกทำในสิ่งที่เสี่ยงอันตราย ในขณะที่ Larry นั้น เขากลับค้นพบความหลงใหลในการแล่นเรือใบและอยากซื้อเรือ และเมื่อเขาเล่าให้เธอฟัง เธอกลับด่าว่าเป็นความคิดที่โง่ที่สุด ก่อนจะไล่เขาออกจากบ้านและขอหย่า ซึ่งเหตุการณ์เจ็บปวดนี้ทำให้ Larry ตระหนักได้ว่า ความฝันของเขากับภรรยานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาจึงไม่ควรสับสนระหว่างสองสิ่งนี้อีกต่อไป และควรมุ่งมั่นไล่ตามความฝันของตัวเองอย่างไม่ลดละ
  27. หลังจากที่ Larry หย่าร้างไป เขาก็พยายามหางานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่เขารักพอ ๆ กับการแล่นเรือใบ แต่ก็ไม่เจอบริษัทที่ใช่สักที เขาจึงตัดสินใจสร้างบริษัทของตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะได้ควบคุมสภาพแวดล้อมการทำงานตามความต้องการของตนเอง โดยมีเป้าหมายคือการสร้างงานในฝันให้กับตัวเอง ด้วยการรวมทีมโปรแกรมเมอร์ฝีมือดีที่สุดในซิลิคอนวัลเลย์เข้ามาไว้ด้วยกัน
  28. Larry เรียกการสร้างบริษัทตัวเองครั้งแรกว่า เป็นการพยายามสร้างงานในฝันของตัวเอง (create the perfect job) แต่น่าแปลกที่เมื่อบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เขากลับต้องเลิกเขียนโปรแกรม ซึ่งเป็นงานที่เขารักไปโดยปริยาย เพราะต้องมาทุ่มเทเวลาไปกับการบริหารจัดการ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดและปรารถนาแต่แรก แสดงให้เห็นว่า ความสำเร็จของธุรกิจนั้น บางครั้งก็แลกมาด้วยการที่เราต้องเสียสละความสุขส่วนตัวไปบ้างก็เป็นได้
  29. Larry ฝากข้อคิดให้ทุกคนกล้าที่จะทดลองทำในสิ่งต่าง ๆ ให้เยอะ ๆ เข้าไว้ จงอย่ากลัวที่จะท้าทายสถานภาพเดิม ๆ ที่เป็นอยู่ อย่าไปสนคำท้วงติงของผู้เชี่ยวชาญหรือพวกนักวิชาการ จงใช้เวลาค้นหาตัวตนที่แท้จริงให้เจอ แทนที่จะพยายามเป็นในแบบที่คนอื่นต้องการ จงใช้ชีวิตเพื่อความฝันของตัวเอง ไม่ใช่ความฝันของคนอื่น และมุ่งมั่นสู่เป้าหมายอันสูงสุดเพื่อที่จะยกระดับชีวิตของตนเองและทำให้โลกนี้ดีขึ้น
  30. Larry เรียกไอเดียสร้างโปรแกรมฐานข้อมูลแบบใหม่ (Relational Database) ของเขาว่า “ความคิดบ้าๆ” เพราะผู้เชี่ยวชาญต่างบอกว่าทำไม่ได้ แต่เขากลับมองว่านี่คือโอกาสสร้างนวัตกรรมครั้งสำคัญ บางครั้ง สิ่งที่คนมองว่าเป็นความหยิ่งหรือความบ้า อาจแท้จริงแล้วคือการสร้างสรรค์นวัตกรรมก็เป็นได้
  31. หลังจากที่ Oracle ก่อตั้งมาได้หลายสิบปี มีพนักงานหลายแสนคน และมีมูลค่ากิจการหลายแสนล้านดอลลาร์ ถึงวันนี้ Larry Ellison เขาก็ยังมองว่า งานด้านวิศวกรรมคือสิ่งเดียวที่เขาจดจ่ออยู่เสมอมา เพราะเขาเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั่นแหละคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ
  32. คนรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในอนาคต Larry คิดว่าจะมาจากทั่วโลก ไม่ใช่แค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพราะจีน อินเดีย รัสเซีย บราซิล สแกนดิเนเวีย ล้วนมีศักยภาพในการผลิตบุคลากรด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมจำนวนมาก เหนือกว่าสหรัฐอเมริกาเสียอีก
  33. ถึงแม้ Oracle จะได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่เก่งด้านการขายและการตลาด แต่ Larry ย้ำว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรมเป็นหลัก โดยมีการจ้างวิศวกรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกมากที่สุด และ Larry เองก็ยังคงดูแลงานด้านวิศวกรรมโดยตรงมาโดยตลอดหลายสิบปี เพราะเขาเชื่อว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด จะนำมาซึ่งความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดเช่นกัน
  34. Larry คาดการณ์ว่า ในอนาคตข้างหน้า ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกย้ายขึ้นไปไว้บน “cloud” หรือ อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลข้อมูล การเก็บโปรแกรม หรือการใช้งานต่าง ๆ ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพาที่เรามีอยู่ เช่น มือถือ หรือแท็บเล็ต จะกลายเป็นเพียงจุดเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเหล่านั้นเท่านั้น ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น เหมือนกับการเสียบปลั๊กไฟ หรือเปิดก๊อกน้ำ โดยไม่ต้องสนใจว่าข้างหลังมีกระบวนการอะไรซับซ้อนเกิดขึ้นบ้าง
  35. Larry ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่รัฐบาลควรออกกฎหมายบังคับให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายต้องเรียกเก็บค่าบริการในอัตราเดียวกันจากลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันแบบไหนก็ตาม เขามองว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ให้บริการ เพราะเสมือนบังคับให้ร้านค้าต้องขายของทุกอย่างในราคาเท่ากันหมด ทั้งที่ของแต่ละชิ้นมีต้นทุนต่างกัน การกำหนดราคาแบบนี้จะทำให้ผู้ให้บริการขาดทุน และไม่มีกำไรเหลือมาลงทุนเพิ่ม ทำให้บริการอินเทอร์เน็ตโดยรวมมีแนวโน้มแย่ลงในระยะยาว จึงสวนทางกับเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ทุกคนใช้เน็ตได้อย่างเท่าเทียม
  36. ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีเพิ่มมากขึ้นและมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ การป้องกันตัวเองด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแนวป้องกันที่เจาะไม่ได้ หรือการใช้ระบบ AI วิเคราะห์และกำจัดภัยคุกคามแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหลักการที่นำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวันได้ ในการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ
  37. Larry ย้ำถึงความสำคัญของการออกแบบระบบให้มีความปลอดภัยตั้งแต่ต้น (security by design) โดยเฉพาะการแยกส่วนที่เป็นระบบควบคุมออกจากส่วนที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ เพื่อป้องกันการรุกรานหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำไปประยุกต์ใช้กับการออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแม้แต่การจัดระบบชีวิตส่วนตัวได้ ในการจำกัดการเข้าถึงของบุคคลอื่นในสิ่งที่เราไม่ต้องการ
  38. ในโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต การใช้ประโยชน์จาก cloud ในการย้ายภาระงานทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปไว้บนระบบที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงกว่า จะช่วยให้เราโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญกว่า เช่นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเป็นหลักการที่นำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนหรือการใช้ชีวิตได้ ในการเลือกใช้บริการที่น่าเชื่อถือ เพื่อลดความยุ่งยากและความเสี่ยงลง
  39. ระบบ Oracle Autonomous Database เป็นระบบที่ใช้ AI ในการปรับแต่ง บำรุงรักษา และป้องกันตัวเองแบบอัตโนมัติ ช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่ AI จะเข้ามาช่วยแบ่งเบางานที่ซ้ำซากน่าเบื่อ หรือต้องการความแม่นยำสูง ทำให้มนุษย์มีเวลาไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์และใช้ทักษะขั้นสูงมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวในการทำงานและพัฒนาตนเองให้พร้อมสำหรับอนาคต
  40. Larry และทีมงานใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาให้ระบบ Oracle มีระดับการทำงานอัตโนมัติที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นระบบ autonomous อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมหรือการปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ นั้น ต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เราไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้ในชั่วข้ามคืน จึงเป็นบทเรียนในการทุ่มเทเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในสิ่งที่เราตั้งใจ
  41. Larry เปรียบเทียบให้เห็นว่า ในอนาคต AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบได้ดีกว่าผู้เชี่ยวชาญที่สุดในสาขานั้น ๆ เหมือนกับที่คอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะแชมป์โลกหมากรุกได้แล้วในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอีกเครื่องยืนยันว่า เราจำเป็นต้องปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI ให้ได้ เพื่อไม่ให้ตกขบวนความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
  42. ถึงแม้ Oracle จะนำ AI มาใช้ในระบบ Autonomous Database แต่ Larry มองว่ามันจะไม่ไปแย่งงานของผู้ดูแลระบบ เพราะยังมีความต้องการบุคลากรด้าน IT อีกมาก ในโลก AI จะเป็นตัวช่วยให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่าได้มากกว่า ดังนั้นแทนที่จะกลัวการถูกแย่งงาน เราควรมองหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการทำงานของเรา
  43. ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสินค้าหรือบริการกับคู่แข่งอย่างตรงไปตรงมาผ่านการทดสอบจริง ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าแค่คำโฆษณาชวนเชื่อ เพราะลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นและสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลจริงได้ ดังนั้นในฐานะผู้บริโภคเราควรเปิดรับข้อมูลจากหลายแหล่งและลองทดสอบด้วยตัวเองบ้าง ก่อนตัดสินใจเลือกสินค้าหรือบริการใด ๆ
  44. Larry ให้ตัวอย่าง Autonomous Database ที่ทนต่อการโจมตีและสามารถซ่อมแซมตัวเองได้โดยไม่หยุดให้บริการ ต่างจากระบบของ Amazon ที่ต้องปิดตัวลงชั่วคราว สะท้อนถึงความสำคัญของ “ความพร้อมใช้งาน” (availability) ที่มีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้และต้นทุนค่าเสียโอกาส ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราต้องคำนึงถึงในการดำเนินธุรกิจหรือการพึ่งพาบริการออนไลน์ต่าง ๆ ควรเลือกใช้ระบบที่มีเสถียรภาพและความพร้อมใช้งานสูง หากเกิดปัญหาแล้วสามารถกู้คืนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้งานให้น้อยที่สุด
  45. Larry ฝากข้อคิดว่า เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI หรือ Cloud ที่ Oracle และบริษัทไอทียักษ์ใหญ่กำลังแข่งขันกันพัฒนานั้น มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าและผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความปลอดภัย ลดความยุ่งยาก เพิ่มประสิทธิภาพ หรือลดต้นทุน เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตและทำธุรกิจได้ดีขึ้น ฉะนั้นเราในฐานะผู้บริโภคก็ควรเปิดใจยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ต่อต้านหรือกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะสุดท้ายแล้วเทคโนโลยีคือเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเราเอง
  46. ในโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจ การมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งจะผลักดันให้เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่หยุดนิ่ง เพื่อสร้างความได้เปรียบ
  47. ในการสร้างนวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ ๆ บางครั้งอาจต้องเผชิญกับคำวิจารณ์ว่าเป็นความคิดบ้า ๆ เพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่ถ้าเรายังเชื่อมั่นและลงมือทำ สิ่งที่ดูเหมือนบ้า ๆ วันนี้ อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคตก็ได้
  48. ความสำเร็จของ Oracle ส่วนหนึ่งมาจากการที่พวกเขาพัฒนา applications และ infrastructure ไปพร้อม ๆ กัน ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งที่ทำแค่ด้านใดด้านหนึ่ง
  49. เทคโนโลยี AI และ Machine Learning เป็นเทรนด์สำคัญที่จะเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถของแอปพลิเคชันและบริการต่าง ๆ ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การนำเสนอข้อมูลแบบ personalized แบบส่วนบุคคล และการสั่งการด้วยเสียง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  50. ในบางธุรกิจ เช่น ธนาคารหรือองค์กรขนาดใหญ่ การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านไปใช้เทคโนโลยีใหม่อาจต้องใช้เวลานาน เพราะมีความเสี่ยงและผลกระทบสูง แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ดังเช่นตัวอย่างของธนาคารและองค์กรใหญ่ ๆ ที่เลือกใช้บริการคลาวด์ของ Oracle
  51. การอัปเดตและเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ให้กับระบบอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง เช่น การเพิ่มฟังก์ชันการทำงานในส่วนการผลิต(Manufacturing) ให้รองรับขั้นตอนการผลิตที่หลากหลาย จะช่วยให้ระบบจัดการธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น(ERP) และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
  52. ข้อมูลของลูกค้าที่เรามี หากเรานำมารวบรวมและใช้ให้เกิดประโยชน์ จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้มาก ตัวอย่างเช่นที่ Oracleได้ใช้ข้อมูลลูกค้าจากทั้งในองค์กรและภายนอก มาสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า
  53. กระบวนการทำงานสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์และบริบทที่เปลี่ยนไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคล่องตัว
  54. User interface หรือหน้าจอการใช้งานสำหรับ user ที่ดีนั้นไม่เพียงสวยงาม แต่ต้องใช้งานง่าย เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกส่วน เพื่อให้ผู้ใช้เรียนรู้ได้ไว ลดความสับสน
  55. นวัตกรรมเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ให้เราเสมอ ไม่ว่าจะเป็น AI, Machine Learning, Voice Interface, Visual Builder ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เปิดโอกาสให้เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่ก่อนหน้านี้เราทำไม่ได้
  56. การสร้าง Ecosystem หรือระบบนิเวศให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อ ส่งผ่านข้อมูล และใช้งานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความยุ่งยากในการทำงานข้ามแพลตฟอร์มหรือระบบ
  57. การทำให้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางของการทำงาน การตัดสินใจ และกระบวนการต่าง ๆ ผ่าน Data Warehouse, Analytics, AI เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างข้อได้เปรียบทางธุรกิจในยุคนี้
  58. การใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางของการทำงาน การตัดสินใจ และกระบวนการต่าง ๆ ผ่านคลังข้อมูล (Data Warehouse), การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics), และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในยุคนี้
  59. หากลูกค้าประสบความสำเร็จ เราก็จะประสบความสำเร็จไปด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการมุ่งมั่นช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมาย ด้วยการส่งมอบคุณค่า แก้ปัญหาให้ลูกค้า และอยู่เคียงข้างพวกเขาในทุกสถานการณ์
  60. การแข่งขันไม่ได้มีแค่คู่แข่งในตลาดเดียวกัน แต่เป็นการแข่งขันกับตัวเองในการสร้างสิ่งที่ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ๆให้กับลูกค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง
  61. วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ระยะยาวจะชี้นำทิศทางขององค์กร การลงทุนทางเทคโนโลยีและบุคลากร จึงต้องสอดรับกับเป้าหมายใหญ่ในระยะยาว ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบสั้น ๆ
  62. ความร่วมมือเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ทั้งภายในทีมและระหว่างพาร์ทเนอร์ การเปิดกว้างแบ่งปันข้อมูล แนวคิด และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่จะทำคนเดียว
  63. ยุคที่มีระบบปิดกั้นการใช้งานในโลกเทคโนโลยีกำลังจะสิ้นสุด การเชื่อมต่อแบบเปิด (Open Standard) จะเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า เพราะจะมีทางเลือกมากขึ้น ผู้ให้บริการเองก็จะมุ่งพัฒนาคุณภาพมากกว่าการครอบครองตลาด
  64. การสร้างระบบที่รวมข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยไว้ในที่เดียวจะช่วยให้เกิดประโยชน์มหาศาล ทั้งการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายขึ้นโดยเฉพาะในยามฉุกเฉิน และการใช้ Big Data ในการวิจัยและพัฒนายารักษาโรค แต่ต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวด้วย
  65. ระบบสาธารณสุขที่ดีต้องเน้นที่ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่เน้นแค่โรงพยาบาลหรือผู้ให้บริการ ระบบที่ออกแบบมาให้ผู้ป่วยและแพทย์มีปฏิสัมพันธ์กันง่ายขึ้น ส่งผลให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น
  66. ปัญหาค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะล้มละลาย ไม่ได้มีแค่ในสหรัฐฯ แต่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกตะวันตก ถ้าเราไม่สามารถออกแบบระบบสาธารณสุขใหม่ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากกว่าเดิม มันอาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของสังคมได้ในอนาคต
  67. ระบบ AI ที่ผสานอยู่ในซอฟต์แวร์การแพทย์ เช่น ช่วยวิเคราะห์ภาพเอ็กซเรย์ จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้แม่นยำมากขึ้น ลดความผิดพลาดจากการพึ่งสายตาหรือประสบการณ์ของแพทย์เพียงอย่างเดียว ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลามากขึ้น
  68. ระบบสุขภาพยุคใหม่ไม่ควรออกแบบมาให้ใช้งานได้เฉพาะโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองที่มีทรัพยากรและผู้เชี่ยวชาญมากมาย แต่ต้องออกแบบระบบที่ใช้ประโยชน์จากคลาวด์ ให้สามารถเข้าถึงได้จากชนบทห่างไกล หรือประเทศที่ยากจนด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ
  69. การทำให้ระบบดูแลสุขภาพที่หลากหลายสามารถแลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูลร่วมกันได้ จำเป็นต้องมีมาตรฐานกลาง (common standard) ที่ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล บริษัทประกัน หรือบริษัทเทคโนโลยี การพัฒนามาตรฐานกลางร่วมกันและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างระบบสุขภาพที่เชื่อมโยงและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  70. AI ที่ฝึกฝนมาจากข้อมูลสาธารณะ (public data) สามารถเพิ่มความฉลาดได้อีก หากนำไปฝึกฝนต่อด้วยข้อมูลส่วนบุคคล (private data) แต่ต้องทำอย่างปลอดภัยและไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของใครออกไป การทำเช่นนี้จะช่วยให้ AI ให้คำแนะนำที่ตรงใจและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น
  71. เทคโนโลยี AI จะเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ของวงการ IT ที่อาจจะสำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา เทียบเท่ากับการประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ ดังนั้นการรีบนำ AI มาใช้กับข้อมูลขององค์กร จะช่วยให้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่และทันการณ์
  72. เทคโนโลยี AI, Machine Learning และ Cloud ไม่ได้เป็นเพียงฟีเจอร์เสริมของฐานข้อมูล แต่จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของทุกระบบในอนาคต เพราะมันช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นไปได้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา การวิเคราะห์ การให้คำแนะนำ ฯลฯ
  73. แม้สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาจะสร้างผลกระทบในวงกว้าง แต่ก็เป็นตัวเร่งให้เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ในรูปแบบการทำงาน ทำให้ “Work From Home” กลายเป็นเรื่อง New Normal ที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน ดังนั้นการมีระบบดิจิทัลที่รองรับการทำงานทางไกลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกธุรกิจ
  74. การกระจายตัวของที่ทำงานและที่อยู่อาศัยออกจากเมืองใหญ่ จะเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้คนไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันแล้ว พวกเขาจึงมีอิสระในการเลือกที่อยู่ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ ชนบท หรือต่างประเทศ ระบบคลาวด์และแอปพลิเคชันออนไลน์จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้
  75. การบริการลูกค้าในอนาคต จะวัดกันที่ผลลัพธ์มากกว่าตัวชี้วัดเชิงปริมาณอย่างจำนวนสายที่รับหรือระยะเวลาในการคุย
  76. ในอนาคต ระบบอัตโนมัติอย่าง AI จะเข้ามาช่วยงานขายและบริการมากขึ้น ทั้งในแง่ของการแนะนำลูกค้าใหม่ที่มีแนวโน้มจะซื้อ การหาข้อมูลอ้างอิงที่เกี่ยวข้องมานำเสนอ ไปจนถึงการสื่อสารกับลูกค้าผ่าน chatbot หรือระบบ voice command ซึ่งจะช่วยให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่ามากกว่า
  77. เมื่อเทคโนโลยีหรือแนวคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้น ก็มักจะมีแรงต้านและความกังวลว่ามันจะมาแย่งงานเรา แต่ที่จริงแล้วมันเป็นโอกาสให้เรื่องเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อไปสร้างคุณค่าในด้านอื่นที่ AI หรือระบบอัตโนมัติทำไม่ได้
  78. การที่ระบบสามารถปรับแต่งและเรียนรู้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้ด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้มันเก่งและตอบโจทย์ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับที่ Oracle Autonomous Database เรียนรู้ที่จะเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ดีกว่าทีมงานที่ทำมานานกว่า 20 ปี
  79. การที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ทรัพยากรร่วมกับคนอื่น (shared resources) หรือใช้ทรัพยากรส่วนตัว (dedicated) ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด
  80. การเก็บข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์สาธารณะอาจเป็นความกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับบางองค์กร ดังนั้นทางเลือกในการสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัวไว้ใช้เอง จึงช่วยให้หลายองค์กรสามารถนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ได้ โดยยังคงความปลอดภัยตามมาตรฐานขององค์กร
  81. การใช้ระบบอัตโนมัติในการดูแลรักษาและอัพเดทระบบ ไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดทรัพยากรบุคคลเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดจากการทำงานแบบ manual ซึ่งช่วยให้ระบบมีเสถียรภาพและปลอดภัยมากขึ้น เพราะเครื่องจักรไม่มีอารมณ์และความคิดชั่วร้ายเหมือนมนุษย์
  82. แม้ในระยะสั้น การย้ายระบบจากแบบเก่ามาเป็นแบบใหม่ที่ทันสมัยกว่า อาจใช้เวลาและต้องปรับตัว แต่ในระยะยาวแล้ว มันจะช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดต้นทุน และอยู่รอดในโลกยุคดิจิทัลได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องกล้าเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
  83. เทคโนโลยีคลาวด์ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ครบถ้วนเหมือนอยู่ในออฟฟิศ ผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้แม้ในยามวิกฤต โดยไม่ต้องพึ่งพาการเข้าออฟฟิศเหมือนแต่ก่อน
  84. ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำงาน ความสัมพันธ์ของพนักงานกับนายจ้าง บริษัทกับซัพพลายเออร์ หรือบริษัทกับลูกค้า การมีระบบที่ปรับตัวได้อย่างคล่องตัวและสม่ำเสมอ จะเป็นกุญแจสำคัญให้ธุรกิจสามารถรับมือและคว้าโอกาสได้ทันท่วงทีท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
  85. แม้องค์กรจะมีระบบเทคโนโลยีและบุคลากรที่เก่งกาจแค่ไหน แต่หากขาดวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำที่ดี องค์กรก็อาจพลาดโอกาสและก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ผู้นำที่ดีจำต้องมีความกล้าคิดนอกกรอบ กล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง และชักจูงให้ทีมงานเชื่อมั่นและทุ่มเทไปกับเป้าหมายที่ท้าทายนั้นได้
  86. ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความหลากหลายมากขึ้น องค์กรควรเลือกใช้ระบบที่ผ่านการทดสอบและได้รับการยืนยันจากบุคคลที่สามว่ามีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เช่น ระบบ Oracle Cloud ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยชั้นนำ
  87. องค์กรที่ให้ความสำคัญกับระบบคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ ควรมองว่ามันไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่มาเสริมการทำงาน แต่คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจ โดยต้องมีการวางแผนระยะยาว จัดสรรทรัพยากรและพัฒนาบุคลากรให้เหมาะสม เพื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  88. การเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งองค์กรในครั้งเดียว เราสามารถเริ่มทดลองทำกับบางส่วนก่อน เช่น บางหน่วยงาน บางโปรเจกต์ เพื่อเก็บเกี่ยวบทเรียนและความคุ้มค่า ก่อนตัดสินใจขยายผลในภาพรวม
  89. การนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยงานด้านทรัพยากรบุคคลจะทำให้เราสามารถวัดประสิทธิภาพของพนักงานได้แม่นยำขึ้น เช่น การวัดผลงาน, การฝึกอบรม, การสื่อสาร ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารและพัฒนาบุคลากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  90. ในอนาคต AI จะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยองค์กรตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้น โดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์ และสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่คาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าได้ ตัวอย่างเช่น การใช้ AI สร้างแผนการผลิตให้เพียงพอกับอุปสงค์ในอนาคต เป็นต้น
  91. Oracle เชื่อมั่นในพลังของการแข่งขันที่จะกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีหรือมาตรฐานกลาง เพราะเข้าใจว่าการร่วมมือกันจะสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมโดยรวมได้มากกว่า วิสัยทัศน์แบบนี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการแข่งขันและความร่วมมือได้เป็นอย่างดี
  92. ระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ควรออกแบบให้ใช้งานง่ายในทุก ๆ ส่วน ตั้งแต่การติดตั้ง การใช้งาน การอัพเกรด ไปจนถึงการย้ายระบบ เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเป็นของตนเองเสมอไป ดังนั้นระบบที่ใช้งานง่ายจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการบริหารจัดการ
  93. การที่องค์กรยอมลงทุนด้านไอทีในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เนื่องจากต้นทุนต่ำกว่าปกติและคู่แข่งส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน ทำให้องค์กรที่ลงทุนจะได้เปรียบเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว เช่น การที่ Oracle ยังคงจ้างพนักงานฝีมือดีจากทั่วโลกแม้ในช่วงที่เกิดวิกฤต
  94. ระบบปัญญาประดิษฐ์แบบเรียนรู้ด้วยตนเอง (self-learning AI) จะเข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เช่น การวินิจฉัยโรคของแพทย์, การกำหนดโทษของผู้พิพากษา, หรือการเลือกหุ้นลงทุนของนักลงทุน โดย AI จะคอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วและแนะนำทางเลือกที่เหมาะสม แต่ยังคงให้อำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่กับมนุษย์
  95. ในอนาคต บริษัทที่ไม่เก่งเรื่องไอทีจะเสียเปรียบค่อนข้างมาก เพราะ AI กำลังกลายมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นแม้ไม่ใช่บริษัทด้านเทคโนโลยี ก็ควรหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยี AI เพื่อนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ไม่ใช่แค่มองว่าเป็นแผนกสนับสนุนเท่านั้น
  96. การเก็บข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดให้อยู่ในระบบเดียวและเชื่อมโยงกัน จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจและลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้พนักงานทุกแผนกเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในการทำงานได้จากจุดเดียว ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาระหว่างแผนก
  97. องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่แล้วเพื่อสร้างการเติบโต แทนที่จะไปหาข้อมูลใหม่ ๆ เช่น การนำข้อมูลลูกค้าปัจจุบันมาวิเคราะห์ เพื่อหาโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการเสริม (cross sell / up sell) หรือนำข้อมูลปฏิบัติการมาวิเคราะห์เพื่อลดของเสีย เป็นต้น การมองข้อมูลเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าขององค์กรที่ต้องดูแล รักษา และใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด
  98. ในยุคที่ความรู้กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ การหาพนักงานที่เก่งและฉลาดจากทุกมุมโลกมาร่วมทีมจะช่วยให้ธุรกิจพัฒนาได้เร็วขึ้น Oracle ใช้กลยุทธ์นี้ในการแข่งขันกับคู่แข่ง ด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนทั่วโลกที่มาเข้าโครงการ Oracle Academy เพื่อปูทางหาพนักงานฝีมือดีในอนาคต
  99. ในการวางกลยุทธ์และตัดสินใจทางธุรกิจนั้น การมีข้อมูลที่แม่นยำและทันสมัยคือสิ่งสำคัญ แต่ในความเป็นจริงเราไม่อาจรู้ได้ทุกอย่างโดยสมบูรณ์ ยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ เลือกใช้ข้อมูลที่ดีที่สุดที่หาได้ในเวลานั้น ผนวกกับประสบการณ์และสัญชาตญาณของผู้นำ เพื่อกำหนดทิศทางที่เหมาะสมที่สุด พร้อมกับติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนให้ทันท่วงที หากมีอะไรเปลี่ยนแปลง
  100. Larry Ellison สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของความฝัน ที่เราต้องมีความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละเพื่อไล่ตามมันให้ได้ ต่อให้ผู้อื่นมองว่าเป็นไปไม่ได้หรือดูบ้าบิ่นเพียงใด เขายังสอนให้เรากล้าที่จะล้มเหลว กล้าที่จะลองผิดลองถูก เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่เคยล้มเหลวมาก่อน ขอแค่เวลาเราล้ม อย่าลืมลุกขึ้นมาสู้ใหม่

Resources