Larry Ellison เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท Oracle ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของโลก โดยในปัจจุบันเขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 5 ของโลก และนี่คือ 100 ข้อคิด 100 บทเรียน ที่เราสามารถเรียนรู้ได้เขา
- ข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาดต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเส้นทางการเดินไปสู่ความสำเร็จ
- หากคุณเกิดมาในที่ที่ลำบาก ยากเย็นแสนเข็ญ มากแค่ไหนก็ตามแล้วคุณยังไม่ตาย คุณยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ นั่นมันจะทำให้ตัวคุณนั้นแข็งแกร่งขึ้น
- ตัวของ Larry นั้น เขามีความทะเยอทะยานอย่างมากมาโดยตลอด และเป็นคนที่มีความสงสัยใคร่อยากรู้ในเรื่องต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ทันทีที่ตัวของเขาลาออกจากวิทยาลัย เขาก็ได้ย้ายไปทำงานที่ Silicon Valley ที่ถือเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี เมืองแห่งสตาร์ทอัพของโลกในทันที ในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ เพราะตัวของเขานั้นฝึกเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนในวิทยาลัยอยู่
- บริษัท Oracle นั้นเริ่มก่อตั้งจากพนักงานเพียงแค่ 4 คน โดยเป้าหมายแรกสุดในการก่อตั้งบริษัท Oracle ที่เป็นธุรกิจซอร์ฟแวร์ของเขานั้น ตอนแรกสุด เขาอยากจะสร้างบริษัทให้เติบโต มีพนักงานสัก 50 คน โดยเป็นคนที่เขาอยากทำงานด้วย เอนจอย มีความสุขกับการทำงาน มีบ้านเป็นของตัวเอง มีรถดี ๆ สักคัน จากการเป็นที่ปรึกษาด้านซอร์ฟแวร์ แต่ไป ๆ มา ๆ บริษัทมันเติบโตขึ้นจนมีพนักงานในองค์กรรวมแล้วมากกว่า 150,000 คน ได้นั้น ก็เป็นเพราะพวกเขาได้เริ่มสร้างผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองขึ้นมา แทนที่จะเป็นแค่การให้บริการเพียงเดียว
- Larry Ellison บอกว่า การที่ Oracle จะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในระบบ Cloud Database ที่ให้บริการการเก็บข้อมูลและการจัดการข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตได้นั้น เขาจะต้องเอาชนะระบบ Cloud ของบริษัท Amazon ให้ได้ซะก่อน ซึ่งการที่จะเอาชนะ Amazon ได้นั้น เขาจะต้องออกแบบให้ระบบ Cloud ของ Oracle ใช้งานได้ง่ายแบบ Amazon แต่จะต้องมีความปลอดภัยที่สูงกว่า นั่นแหละคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม
- บริษัทซอร์ฟแวร์ มีการแข่งขันที่สูงมาก และตัวของเขาก็รักในการแข่งขัน เพื่อค้นพัฒนาศักยภาพของตนเองว่ามันจะไปสุดที่ตรงจุดไหน ซึ่งการแข่งขันนั้นจะทำให้เราไปพบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่เสมือนเป็นการปลดล็อค Limit ของตัวเราเองไปอีกขั้น ซึ่งการค้นพบศักยภาพที่เกินขีดจำกัดของคนเรานั้น อาจพบได้อย่างในวงการกีฬา ที่มีการโค่นสถิติเก่าลงได้อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งในวงการการทำธุรกิจก็เช่นกัน
- ในโลกนี้มีไอเดียดี ๆ อย่างเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่การที่จะเปลี่ยนจากไอเดียดี ๆ ไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงได้นั้น มันเป็นเรื่องที่ยากอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งการที่มีใครบางคนชอบกล่าวหาว่า คนนั้นไปขโมยไอเดียจากคนนี้ ซึ่งเอาเข้าจริง เจ้าของไอเดียดี ๆ คนดังกล่าว ก็ไม่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ซะด้วยซ้ำ เพราะมันมีขั้นตอนที่ลงรายละเอียดและซับซ้อนเป็นอย่างมาก กว่าที่จะทำให้ไอเดียดี ๆ สักไอเดียหนึ่งนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้
- ผู้คนมักบอกว่าบริษัท Oracle นั้น เป็นบริษัทที่เป็นนักการขายและนักการตลาดที่ยอดเยี่ยม ที่สามารถทำให้มียอดขายที่สูงได้ขนาดนี้ แต่ทาง Larry Ellison นั้นบอกว่า บริษัท Oracle นั้น มีงบในเรื่องของการทำการขายและการทำการตลาดที่น้อยเอามาก ๆ เพราะงบในบริษัทเกือบทั้งหมดนั้น จะนำไปจ้างพนักงานที่เก่ง ๆ ตัวท็อป ๆ ของโลก มหาวิทยาลัยท็อป ๆ ของโลก มาทำงาน เพื่อให้พวกเขาได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ซอร์ฟแวร์ที่ยอดเยี่ยม ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่ในมือแล้วให้ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะลูกค้าจะซื้อสินค้าก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับสินค้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ใช่เพราะการขายและการทำการตลาดดีที่สุด
- Larry เล่าว่า ช่วงหนึ่งที่เขารู้สึกเจ็บปวดใจมากที่สุดในการสร้างบริษัท Oracle มานั้น มันเกิดขึ้นเมื่อปี 1990 ที่จู่ ๆ จากบริษัทที่เคยทำรายได้ ได้ปีละ $50 ล้านดอลล่าร์ฯ ไปเป็น $1,000 ล้านดอลล่าร์ฯ นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องไล่ผู้บริหารที่เคยทำงานร่วมกันมานานนับสิบปีออก ไม่ใช่เพราะพวกเขาบริหารไม่เก่ง บริหารไม่ดี แต่เป็นเพราะทีมผู้บริหารชุดเก่านั้น พวกเขาถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถบริหารธุรกิจที่มีไซส์ขนาด $50 ล้านดอลล่าร์ฯ แต่พอธุรกิจมันเติบโตขยายไซส์เป็นพันล้าน ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ชุดผู้บริหารใหม่ทั้งหมดที่เหมาะสมกับบริษัทระดับพันล้าน เพราะระหว่างบริษัท $50 ล้านดอลล่าร์ กับ $1,000 ล้านดอลล่าร์ฯ มันใช้ skillsets ใช้ทักษะกันคนละแบบอย่างสิ้นเชิง และนั่นมันทำให้เขาปวดใจมากที่จะต้องไปนั่งคุยกับผู้บริหารยุคบุกเบิกที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานนับสิบปี เพื่อขอให้พวกเขาลาออก หรือจำเป็นต้องไล่พวกเขาออกจากบริษัท Oracle
- Larry เล่าว่า พี่สาวของเขาเคยสอนเอาไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่เรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายเดิมที่เราเคยตั้งเอาไว้แล้ว ให้รีบขยับเป้าหมายใหม่ให้ไกลขึ้นกว่าเดิมในทันที ดังนั้นตัวของเขาจะทำการเขยิบเป้าหมายให้ไปไกลขึ้นกว่าเดิม เพราะตัวของเขาคิดว่า ในวงการธุรกิจ คุณสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้เสมอ
- Larry มองว่า ถ้าเรามีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ดีที่สุด เราก็มีหน้าที่ต้องพัฒนามัน เพื่อนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง และคุ้มครองประชาธิปไตยของเรา ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่ในมือของศัตรู
- Oracle กำลังผลักดันให้เปลี่ยนจากการใช้รหัสผ่าน (Password) มาเป็นรหัสผ่าน (Passcode) ซึ่งใช้ข้อมูลชีวมิติ(Biometric data) เช่น ใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือเสียง ในการระบุตัวตน ซึ่งจะมีความปลอดภัยกว่ามาก
- Larry เล่าว่า เพื่อจะประสบความสำเร็จในธุรกิจใหม่ ๆ อย่างรถยนต์ไฟฟ้า ต้องทำตามแนวทางของ Elon Musk คือต้องพัฒนาในทุกองค์ประกอบที่จำเป็น ตั้งแต่แบตเตอรี่ โรงงานผลิต หุ่นยนต์ สถานีชาร์จ ไปจนถึง AI ไม่ใช่ทำแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
- Larry บอกว่า ในทำนองเดียวกัน การจะเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพให้ดีขึ้นนั้น ต้องพัฒนาองค์ประกอบทั้งระบบ ไม่ใช่แค่พัฒนาโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงผู้จ่ายเงิน, แผนกพยาธิวิทยา, อุปกรณ์การแพทย์, หน่วยงานกำกับดูแล ฯลฯ ถึงจะสำเร็จได้
- Larry มองว่าปัญหาค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงเกินไป จนอาจล้มละลายได้นั้น เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยในประเทศตะวันตก เพราะประชาชนจะไม่มีความสุข และอาจเลือกผู้นำที่ไม่เหมาะสมเข้ามา ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันหาทางลดค่าใช้จ่าย และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นให้ได้
- Larry เชื่อว่าพวกเขาเข้ามาทำงานด้าน healthcare เพราะเป็นพันธกิจทางศีลธรรม เขารู้สึกว่า “ถ้าเราสามารถทำได้ เรามีหน้าที่ต้องทำ” เพื่อนำเทคโนโลยีของ Oracle มาช่วยสร้างผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีขึ้น และลดค่าใช้จ่ายลง เขามองว่านี่คือภารกิจสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเวลานี้
- Generative AI คือ AI รูปแบบใหม่ที่สามารถสร้างเนื้อหา ภาพ เสียง หรือวิดีโอที่ดูเหมือนมนุษย์เป็นผู้สร้าง มันถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรม คล้ายกับที่สปุตนิก ดาวเทียมดวงแรกของโลก เคยสร้างความตื่นตัวไปทั่วโลกเมื่อปี 1957 และจุดชนวนให้เกิดการแข่งขันด้านอวกาศระหว่างสหรัฐกับสหภาพโซเวียต Generative AI ก็น่าจะสร้างผลกระทบในระดับใกล้เคียงกัน จนผู้นำประเทศต่างๆ ต้องหันมาให้ความสนใจ และเร่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์
- แม้การพัฒนา AI จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องจัดการ เช่น ความปลอดภัย จริยธรรม และการเข้ากันได้กับกฎหมาย แต่ประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับ ก็เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมทุ่มเททรัพยากรอย่างมหาศาลลงไป เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วย AI
- Oracle กำลังร่วมมือกับพันธมิตรในการนำ AI มาใช้เพื่อแก้ปัญหาด้านการเกษตรและอาหาร โดยพัฒนาโรงเรือนอัจฉริยะที่ปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ช่วยประหยัดน้ำและที่ดิน ปลูกใกล้ผู้บริโภค ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงขึ้น
- Oracle ยังพัฒนาเครือข่ายเสียงและภาพเคลื่อนไหวที่ทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อช่วยหน่วยกู้ภัยในการเผชิญเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ พนักงานดับเพลิง หรือแพทย์ฉุกเฉิน ให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น และลดความผิดพลาดลง
- Larry เชื่อว่าระบบคลาวด์ในอนาคตควรจะเปิดกว้างและเชื่อมต่อถึงกันได้ง่าย ไม่ใช่ปิดกั้นกัน ลูกค้าควรได้ใช้ประโยชน์จากหลายคลาวด์พร้อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ข้อมูลจะต้องเป็นของลูกค้าเอง ไม่ควรมีค่าธรรมเนียมในการย้ายข้อมูลระหว่างคลาวด์ Oracle จึงตั้งใจสร้างระบบคลาวด์ที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้กับทุกคลาวด์อย่างแท้จริง
- Oracle ได้พัฒนารถตำรวจอัจฉริยะรุ่นใหม่ร่วมกับ Tesla ซึ่งมีระบบกล้อง เซ็นเซอร์ และจอแสดงผลในตัว พร้อมด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งทนทาน มอบความปลอดภัยและสมรรถนะที่เหนือชั้น โดยเชื่อมต่อกับระบบเสียงและภาพเคลื่อนไหวของ Oracle เพื่อช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่
- Larry Ellison เชื่อว่าจุดแข็งของระบบคลาวด์ Oracle คือการที่เขาสามารถออกแบบและควบคุมองค์ประกอบทุกอย่างด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งส่วนของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เครือข่าย ไปจนถึงส่วนของซอฟต์แวร์ เช่น ระบบปฏิบัติการและโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นเป็นหนึ่งเดียวตามมาตรฐานของ Oracle เอง จึงทำให้สามารถนำระบบอัตโนมัติ (automation) เข้ามาช่วยดูแลควบคุมได้เกือบทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าด้วยมือจากผู้เชี่ยวชาญ ส่งผลให้ระบบคลาวด์ของ Oracle มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่า ใช้ต้นทุนดำเนินการที่ต่ำกว่า และมีความเสถียรปลอดภัยมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ต้องประกอบระบบจากส่วนต่าง ๆ หลากหลายยี่ห้อ
- Larry ตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 21 ปี เพื่อเดินทางจากชิคาโก้ไปแคลิฟอร์เนีย โดยใช้ชีวิตกับสิ่งที่เขารัก คือการล่องแก่ง ปีนหน้าผา สอนปีนเขา และเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปด้วย แสดงให้เห็นว่าการใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทำในสิ่งที่รัก มีความสำคัญมากกว่าการเรียนจบปริญญา
- เขาพบว่าการเขียนโปรแกรมนั้น แม้จะไม่ได้รักมากเท่าการผจญภัย แต่ก็ทำให้เขารู้สึกสนุกและภูมิใจในตัวเอง เหมือนตอนที่แก้โจทย์คณิตศาสตร์หรือเล่นหมากรุกได้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาชอบก่อนจะเข้าสู่วัยรุ่น บ่งชี้ว่าเขามีพรสวรรค์และความสุขกับการคิดแก้ปัญหาเชิงตรรกะมาตั้งแต่เด็ก
- ความขัดแย้งระหว่าง Larry กับอดีตภรรยา เกิดจากเธอต้องการให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบและเลิกทำในสิ่งที่เสี่ยงอันตราย ในขณะที่ Larry นั้น เขากลับค้นพบความหลงใหลในการแล่นเรือใบและอยากซื้อเรือ และเมื่อเขาเล่าให้เธอฟัง เธอกลับด่าว่าเป็นความคิดที่โง่ที่สุด ก่อนจะไล่เขาออกจากบ้านและขอหย่า ซึ่งเหตุการณ์เจ็บปวดนี้ทำให้ Larry ตระหนักได้ว่า ความฝันของเขากับภรรยานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาจึงไม่ควรสับสนระหว่างสองสิ่งนี้อีกต่อไป และควรมุ่งมั่นไล่ตามความฝันของตัวเองอย่างไม่ลดละ
- หลังจากที่ Larry หย่าร้างไป เขาก็พยายามหางานด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่เขารักพอ ๆ กับการแล่นเรือใบ แต่ก็ไม่เจอบริษัทที่ใช่สักที เขาจึงตัดสินใจสร้างบริษัทของตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะได้ควบคุมสภาพแวดล้อมการทำงานตามความต้องการของตนเอง โดยมีเป้าหมายคือการสร้างงานในฝันให้กับตัวเอง ด้วยการรวมทีมโปรแกรมเมอร์ฝีมือดีที่สุดในซิลิคอนวัลเลย์เข้ามาไว้ด้วยกัน
- Larry เรียกการสร้างบริษัทตัวเองครั้งแรกว่า เป็นการพยายามสร้างงานในฝันของตัวเอง (create the perfect job) แต่น่าแปลกที่เมื่อบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เขากลับต้องเลิกเขียนโปรแกรม ซึ่งเป็นงานที่เขารักไปโดยปริยาย เพราะต้องมาทุ่มเทเวลาไปกับการบริหารจัดการ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดและปรารถนาแต่แรก แสดงให้เห็นว่า ความสำเร็จของธุรกิจนั้น บางครั้งก็แลกมาด้วยการที่เราต้องเสียสละความสุขส่วนตัวไปบ้างก็เป็นได้
- Larry ฝากข้อคิดให้ทุกคนกล้าที่จะทดลองทำในสิ่งต่าง ๆ ให้เยอะ ๆ เข้าไว้ จงอย่ากลัวที่จะท้าทายสถานภาพเดิม ๆ ที่เป็นอยู่ อย่าไปสนคำท้วงติงของผู้เชี่ยวชาญหรือพวกนักวิชาการ จงใช้เวลาค้นหาตัวตนที่แท้จริงให้เจอ แทนที่จะพยายามเป็นในแบบที่คนอื่นต้องการ จงใช้ชีวิตเพื่อความฝันของตัวเอง ไม่ใช่ความฝันของคนอื่น และมุ่งมั่นสู่เป้าหมายอันสูงสุดเพื่อที่จะยกระดับชีวิตของตนเองและทำให้โลกนี้ดีขึ้น
- Larry เรียกไอเดียสร้างโปรแกรมฐานข้อมูลแบบใหม่ (Relational Database) ของเขาว่า “ความคิดบ้าๆ” เพราะผู้เชี่ยวชาญต่างบอกว่าทำไม่ได้ แต่เขากลับมองว่านี่คือโอกาสสร้างนวัตกรรมครั้งสำคัญ บางครั้ง สิ่งที่คนมองว่าเป็นความหยิ่งหรือความบ้า อาจแท้จริงแล้วคือการสร้างสรรค์นวัตกรรมก็เป็นได้
- หลังจากที่ Oracle ก่อตั้งมาได้หลายสิบปี มีพนักงานหลายแสนคน และมีมูลค่ากิจการหลายแสนล้านดอลลาร์ ถึงวันนี้ Larry Ellison เขาก็ยังมองว่า งานด้านวิศวกรรมคือสิ่งเดียวที่เขาจดจ่ออยู่เสมอมา เพราะเขาเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั่นแหละคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ
- คนรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในอนาคต Larry คิดว่าจะมาจากทั่วโลก ไม่ใช่แค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพราะจีน อินเดีย รัสเซีย บราซิล สแกนดิเนเวีย ล้วนมีศักยภาพในการผลิตบุคลากรด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมจำนวนมาก เหนือกว่าสหรัฐอเมริกาเสียอีก
- ถึงแม้ Oracle จะได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่เก่งด้านการขายและการตลาด แต่ Larry ย้ำว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรมเป็นหลัก โดยมีการจ้างวิศวกรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกมากที่สุด และ Larry เองก็ยังคงดูแลงานด้านวิศวกรรมโดยตรงมาโดยตลอดหลายสิบปี เพราะเขาเชื่อว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด จะนำมาซึ่งความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดเช่นกัน
- Larry คาดการณ์ว่า ในอนาคตข้างหน้า ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกย้ายขึ้นไปไว้บน “cloud” หรือ อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลข้อมูล การเก็บโปรแกรม หรือการใช้งานต่าง ๆ ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพาที่เรามีอยู่ เช่น มือถือ หรือแท็บเล็ต จะกลายเป็นเพียงจุดเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเหล่านั้นเท่านั้น ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น เหมือนกับการเสียบปลั๊กไฟ หรือเปิดก๊อกน้ำ โดยไม่ต้องสนใจว่าข้างหลังมีกระบวนการอะไรซับซ้อนเกิดขึ้นบ้าง
- Larry ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่รัฐบาลควรออกกฎหมายบังคับให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายต้องเรียกเก็บค่าบริการในอัตราเดียวกันจากลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันแบบไหนก็ตาม เขามองว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ให้บริการ เพราะเสมือนบังคับให้ร้านค้าต้องขายของทุกอย่างในราคาเท่ากันหมด ทั้งที่ของแต่ละชิ้นมีต้นทุนต่างกัน การกำหนดราคาแบบนี้จะทำให้ผู้ให้บริการขาดทุน และไม่มีกำไรเหลือมาลงทุนเพิ่ม ทำให้บริการอินเทอร์เน็ตโดยรวมมีแนวโน้มแย่ลงในระยะยาว จึงสวนทางกับเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ทุกคนใช้เน็ตได้อย่างเท่าเทียม
- ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีเพิ่มมากขึ้นและมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ การป้องกันตัวเองด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแนวป้องกันที่เจาะไม่ได้ หรือการใช้ระบบ AI วิเคราะห์และกำจัดภัยคุกคามแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหลักการที่นำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวันได้ ในการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ
- Larry ย้ำถึงความสำคัญของการออกแบบระบบให้มีความปลอดภัยตั้งแต่ต้น (security by design) โดยเฉพาะการแยกส่วนที่เป็นระบบควบคุมออกจากส่วนที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ เพื่อป้องกันการรุกรานหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำไปประยุกต์ใช้กับการออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแม้แต่การจัดระบบชีวิตส่วนตัวได้ ในการจำกัดการเข้าถึงของบุคคลอื่นในสิ่งที่เราไม่ต้องการ
- ในโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต การใช้ประโยชน์จาก cloud ในการย้ายภาระงานทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปไว้บนระบบที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงกว่า จะช่วยให้เราโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญกว่า เช่นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเป็นหลักการที่นำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนหรือการใช้ชีวิตได้ ในการเลือกใช้บริการที่น่าเชื่อถือ เพื่อลดความยุ่งยากและความเสี่ยงลง
- ระบบ Oracle Autonomous Database เป็นระบบที่ใช้ AI ในการปรับแต่ง บำรุงรักษา และป้องกันตัวเองแบบอัตโนมัติ ช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่ AI จะเข้ามาช่วยแบ่งเบางานที่ซ้ำซากน่าเบื่อ หรือต้องการความแม่นยำสูง ทำให้มนุษย์มีเวลาไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์และใช้ทักษะขั้นสูงมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวในการทำงานและพัฒนาตนเองให้พร้อมสำหรับอนาคต
- Larry และทีมงานใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาให้ระบบ Oracle มีระดับการทำงานอัตโนมัติที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นระบบ autonomous อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมหรือการปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ นั้น ต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เราไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้ในชั่วข้ามคืน จึงเป็นบทเรียนในการทุ่มเทเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในสิ่งที่เราตั้งใจ
- Larry เปรียบเทียบให้เห็นว่า ในอนาคต AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบได้ดีกว่าผู้เชี่ยวชาญที่สุดในสาขานั้น ๆ เหมือนกับที่คอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะแชมป์โลกหมากรุกได้แล้วในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอีกเครื่องยืนยันว่า เราจำเป็นต้องปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI ให้ได้ เพื่อไม่ให้ตกขบวนความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- ถึงแม้ Oracle จะนำ AI มาใช้ในระบบ Autonomous Database แต่ Larry มองว่ามันจะไม่ไปแย่งงานของผู้ดูแลระบบ เพราะยังมีความต้องการบุคลากรด้าน IT อีกมาก ในโลก AI จะเป็นตัวช่วยให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่าได้มากกว่า ดังนั้นแทนที่จะกลัวการถูกแย่งงาน เราควรมองหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการทำงานของเรา
- ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสินค้าหรือบริการกับคู่แข่งอย่างตรงไปตรงมาผ่านการทดสอบจริง ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าแค่คำโฆษณาชวนเชื่อ เพราะลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นและสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลจริงได้ ดังนั้นในฐานะผู้บริโภคเราควรเปิดรับข้อมูลจากหลายแหล่งและลองทดสอบด้วยตัวเองบ้าง ก่อนตัดสินใจเลือกสินค้าหรือบริการใด ๆ
- Larry ให้ตัวอย่าง Autonomous Database ที่ทนต่อการโจมตีและสามารถซ่อมแซมตัวเองได้โดยไม่หยุดให้บริการ ต่างจากระบบของ Amazon ที่ต้องปิดตัวลงชั่วคราว สะท้อนถึงความสำคัญของ “ความพร้อมใช้งาน” (availability) ที่มีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้และต้นทุนค่าเสียโอกาส ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราต้องคำนึงถึงในการดำเนินธุรกิจหรือการพึ่งพาบริการออนไลน์ต่าง ๆ ควรเลือกใช้ระบบที่มีเสถียรภาพและความพร้อมใช้งานสูง หากเกิดปัญหาแล้วสามารถกู้คืนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้งานให้น้อยที่สุด
- Larry ฝากข้อคิดว่า เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI หรือ Cloud ที่ Oracle และบริษัทไอทียักษ์ใหญ่กำลังแข่งขันกันพัฒนานั้น มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าและผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความปลอดภัย ลดความยุ่งยาก เพิ่มประสิทธิภาพ หรือลดต้นทุน เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตและทำธุรกิจได้ดีขึ้น ฉะนั้นเราในฐานะผู้บริโภคก็ควรเปิดใจยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ต่อต้านหรือกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะสุดท้ายแล้วเทคโนโลยีคือเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเราเอง
- ในโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจ การมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งจะผลักดันให้เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่หยุดนิ่ง เพื่อสร้างความได้เปรียบ
- ในการสร้างนวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ ๆ บางครั้งอาจต้องเผชิญกับคำวิจารณ์ว่าเป็นความคิดบ้า ๆ เพราะไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่ถ้าเรายังเชื่อมั่นและลงมือทำ สิ่งที่ดูเหมือนบ้า ๆ วันนี้ อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคตก็ได้
- ความสำเร็จของ Oracle ส่วนหนึ่งมาจากการที่พวกเขาพัฒนา applications และ infrastructure ไปพร้อม ๆ กัน ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งที่ทำแค่ด้านใดด้านหนึ่ง
- เทคโนโลยี AI และ Machine Learning เป็นเทรนด์สำคัญที่จะเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถของแอปพลิเคชันและบริการต่าง ๆ ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การนำเสนอข้อมูลแบบ personalized แบบส่วนบุคคล และการสั่งการด้วยเสียง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ในบางธุรกิจ เช่น ธนาคารหรือองค์กรขนาดใหญ่ การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านไปใช้เทคโนโลยีใหม่อาจต้องใช้เวลานาน เพราะมีความเสี่ยงและผลกระทบสูง แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ดังเช่นตัวอย่างของธนาคารและองค์กรใหญ่ ๆ ที่เลือกใช้บริการคลาวด์ของ Oracle
- การอัปเดตและเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ให้กับระบบอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง เช่น การเพิ่มฟังก์ชันการทำงานในส่วนการผลิต(Manufacturing) ให้รองรับขั้นตอนการผลิตที่หลากหลาย จะช่วยให้ระบบจัดการธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น(ERP) และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
- ข้อมูลของลูกค้าที่เรามี หากเรานำมารวบรวมและใช้ให้เกิดประโยชน์ จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้มาก ตัวอย่างเช่นที่ Oracleได้ใช้ข้อมูลลูกค้าจากทั้งในองค์กรและภายนอก มาสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า
- กระบวนการทำงานสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์และบริบทที่เปลี่ยนไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคล่องตัว
- User interface หรือหน้าจอการใช้งานสำหรับ user ที่ดีนั้นไม่เพียงสวยงาม แต่ต้องใช้งานง่าย เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกส่วน เพื่อให้ผู้ใช้เรียนรู้ได้ไว ลดความสับสน
- นวัตกรรมเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ให้เราเสมอ ไม่ว่าจะเป็น AI, Machine Learning, Voice Interface, Visual Builder ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เปิดโอกาสให้เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่ก่อนหน้านี้เราทำไม่ได้
- การสร้าง Ecosystem หรือระบบนิเวศให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อ ส่งผ่านข้อมูล และใช้งานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความยุ่งยากในการทำงานข้ามแพลตฟอร์มหรือระบบ
- การทำให้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางของการทำงาน การตัดสินใจ และกระบวนการต่าง ๆ ผ่าน Data Warehouse, Analytics, AI เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างข้อได้เปรียบทางธุรกิจในยุคนี้
- การใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางของการทำงาน การตัดสินใจ และกระบวนการต่าง ๆ ผ่านคลังข้อมูล (Data Warehouse), การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics), และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในยุคนี้
- หากลูกค้าประสบความสำเร็จ เราก็จะประสบความสำเร็จไปด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการมุ่งมั่นช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมาย ด้วยการส่งมอบคุณค่า แก้ปัญหาให้ลูกค้า และอยู่เคียงข้างพวกเขาในทุกสถานการณ์
- การแข่งขันไม่ได้มีแค่คู่แข่งในตลาดเดียวกัน แต่เป็นการแข่งขันกับตัวเองในการสร้างสิ่งที่ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ๆให้กับลูกค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง
- วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ระยะยาวจะชี้นำทิศทางขององค์กร การลงทุนทางเทคโนโลยีและบุคลากร จึงต้องสอดรับกับเป้าหมายใหญ่ในระยะยาว ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบสั้น ๆ
- ความร่วมมือเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ทั้งภายในทีมและระหว่างพาร์ทเนอร์ การเปิดกว้างแบ่งปันข้อมูล แนวคิด และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่จะทำคนเดียว
- ยุคที่มีระบบปิดกั้นการใช้งานในโลกเทคโนโลยีกำลังจะสิ้นสุด การเชื่อมต่อแบบเปิด (Open Standard) จะเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า เพราะจะมีทางเลือกมากขึ้น ผู้ให้บริการเองก็จะมุ่งพัฒนาคุณภาพมากกว่าการครอบครองตลาด
- การสร้างระบบที่รวมข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยไว้ในที่เดียวจะช่วยให้เกิดประโยชน์มหาศาล ทั้งการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายขึ้นโดยเฉพาะในยามฉุกเฉิน และการใช้ Big Data ในการวิจัยและพัฒนายารักษาโรค แต่ต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวด้วย
- ระบบสาธารณสุขที่ดีต้องเน้นที่ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่เน้นแค่โรงพยาบาลหรือผู้ให้บริการ ระบบที่ออกแบบมาให้ผู้ป่วยและแพทย์มีปฏิสัมพันธ์กันง่ายขึ้น ส่งผลให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น
- ปัญหาค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะล้มละลาย ไม่ได้มีแค่ในสหรัฐฯ แต่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกตะวันตก ถ้าเราไม่สามารถออกแบบระบบสาธารณสุขใหม่ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากกว่าเดิม มันอาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของสังคมได้ในอนาคต
- ระบบ AI ที่ผสานอยู่ในซอฟต์แวร์การแพทย์ เช่น ช่วยวิเคราะห์ภาพเอ็กซเรย์ จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้แม่นยำมากขึ้น ลดความผิดพลาดจากการพึ่งสายตาหรือประสบการณ์ของแพทย์เพียงอย่างเดียว ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลามากขึ้น
- ระบบสุขภาพยุคใหม่ไม่ควรออกแบบมาให้ใช้งานได้เฉพาะโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองที่มีทรัพยากรและผู้เชี่ยวชาญมากมาย แต่ต้องออกแบบระบบที่ใช้ประโยชน์จากคลาวด์ ให้สามารถเข้าถึงได้จากชนบทห่างไกล หรือประเทศที่ยากจนด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ
- การทำให้ระบบดูแลสุขภาพที่หลากหลายสามารถแลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูลร่วมกันได้ จำเป็นต้องมีมาตรฐานกลาง (common standard) ที่ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล บริษัทประกัน หรือบริษัทเทคโนโลยี การพัฒนามาตรฐานกลางร่วมกันและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างระบบสุขภาพที่เชื่อมโยงและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- AI ที่ฝึกฝนมาจากข้อมูลสาธารณะ (public data) สามารถเพิ่มความฉลาดได้อีก หากนำไปฝึกฝนต่อด้วยข้อมูลส่วนบุคคล (private data) แต่ต้องทำอย่างปลอดภัยและไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของใครออกไป การทำเช่นนี้จะช่วยให้ AI ให้คำแนะนำที่ตรงใจและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น
- เทคโนโลยี AI จะเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ของวงการ IT ที่อาจจะสำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา เทียบเท่ากับการประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ ดังนั้นการรีบนำ AI มาใช้กับข้อมูลขององค์กร จะช่วยให้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่และทันการณ์
- เทคโนโลยี AI, Machine Learning และ Cloud ไม่ได้เป็นเพียงฟีเจอร์เสริมของฐานข้อมูล แต่จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของทุกระบบในอนาคต เพราะมันช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นไปได้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา การวิเคราะห์ การให้คำแนะนำ ฯลฯ
- แม้สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาจะสร้างผลกระทบในวงกว้าง แต่ก็เป็นตัวเร่งให้เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ในรูปแบบการทำงาน ทำให้ “Work From Home” กลายเป็นเรื่อง New Normal ที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน ดังนั้นการมีระบบดิจิทัลที่รองรับการทำงานทางไกลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกธุรกิจ
- การกระจายตัวของที่ทำงานและที่อยู่อาศัยออกจากเมืองใหญ่ จะเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้คนไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันแล้ว พวกเขาจึงมีอิสระในการเลือกที่อยู่ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ ชนบท หรือต่างประเทศ ระบบคลาวด์และแอปพลิเคชันออนไลน์จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้
- การบริการลูกค้าในอนาคต จะวัดกันที่ผลลัพธ์มากกว่าตัวชี้วัดเชิงปริมาณอย่างจำนวนสายที่รับหรือระยะเวลาในการคุย
- ในอนาคต ระบบอัตโนมัติอย่าง AI จะเข้ามาช่วยงานขายและบริการมากขึ้น ทั้งในแง่ของการแนะนำลูกค้าใหม่ที่มีแนวโน้มจะซื้อ การหาข้อมูลอ้างอิงที่เกี่ยวข้องมานำเสนอ ไปจนถึงการสื่อสารกับลูกค้าผ่าน chatbot หรือระบบ voice command ซึ่งจะช่วยให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่ามากกว่า
- เมื่อเทคโนโลยีหรือแนวคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้น ก็มักจะมีแรงต้านและความกังวลว่ามันจะมาแย่งงานเรา แต่ที่จริงแล้วมันเป็นโอกาสให้เรื่องเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อไปสร้างคุณค่าในด้านอื่นที่ AI หรือระบบอัตโนมัติทำไม่ได้
- การที่ระบบสามารถปรับแต่งและเรียนรู้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้ด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้มันเก่งและตอบโจทย์ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับที่ Oracle Autonomous Database เรียนรู้ที่จะเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ดีกว่าทีมงานที่ทำมานานกว่า 20 ปี
- การที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ทรัพยากรร่วมกับคนอื่น (shared resources) หรือใช้ทรัพยากรส่วนตัว (dedicated) ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด
- การเก็บข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์สาธารณะอาจเป็นความกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับบางองค์กร ดังนั้นทางเลือกในการสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัวไว้ใช้เอง จึงช่วยให้หลายองค์กรสามารถนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ได้ โดยยังคงความปลอดภัยตามมาตรฐานขององค์กร
- การใช้ระบบอัตโนมัติในการดูแลรักษาและอัพเดทระบบ ไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดทรัพยากรบุคคลเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดจากการทำงานแบบ manual ซึ่งช่วยให้ระบบมีเสถียรภาพและปลอดภัยมากขึ้น เพราะเครื่องจักรไม่มีอารมณ์และความคิดชั่วร้ายเหมือนมนุษย์
- แม้ในระยะสั้น การย้ายระบบจากแบบเก่ามาเป็นแบบใหม่ที่ทันสมัยกว่า อาจใช้เวลาและต้องปรับตัว แต่ในระยะยาวแล้ว มันจะช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดต้นทุน และอยู่รอดในโลกยุคดิจิทัลได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องกล้าเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
- เทคโนโลยีคลาวด์ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ครบถ้วนเหมือนอยู่ในออฟฟิศ ผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้แม้ในยามวิกฤต โดยไม่ต้องพึ่งพาการเข้าออฟฟิศเหมือนแต่ก่อน
- ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำงาน ความสัมพันธ์ของพนักงานกับนายจ้าง บริษัทกับซัพพลายเออร์ หรือบริษัทกับลูกค้า การมีระบบที่ปรับตัวได้อย่างคล่องตัวและสม่ำเสมอ จะเป็นกุญแจสำคัญให้ธุรกิจสามารถรับมือและคว้าโอกาสได้ทันท่วงทีท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
- แม้องค์กรจะมีระบบเทคโนโลยีและบุคลากรที่เก่งกาจแค่ไหน แต่หากขาดวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำที่ดี องค์กรก็อาจพลาดโอกาสและก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ผู้นำที่ดีจำต้องมีความกล้าคิดนอกกรอบ กล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง และชักจูงให้ทีมงานเชื่อมั่นและทุ่มเทไปกับเป้าหมายที่ท้าทายนั้นได้
- ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความหลากหลายมากขึ้น องค์กรควรเลือกใช้ระบบที่ผ่านการทดสอบและได้รับการยืนยันจากบุคคลที่สามว่ามีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เช่น ระบบ Oracle Cloud ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยชั้นนำ
- องค์กรที่ให้ความสำคัญกับระบบคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ ควรมองว่ามันไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่มาเสริมการทำงาน แต่คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจ โดยต้องมีการวางแผนระยะยาว จัดสรรทรัพยากรและพัฒนาบุคลากรให้เหมาะสม เพื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- การเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งองค์กรในครั้งเดียว เราสามารถเริ่มทดลองทำกับบางส่วนก่อน เช่น บางหน่วยงาน บางโปรเจกต์ เพื่อเก็บเกี่ยวบทเรียนและความคุ้มค่า ก่อนตัดสินใจขยายผลในภาพรวม
- การนำระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยงานด้านทรัพยากรบุคคลจะทำให้เราสามารถวัดประสิทธิภาพของพนักงานได้แม่นยำขึ้น เช่น การวัดผลงาน, การฝึกอบรม, การสื่อสาร ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารและพัฒนาบุคลากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ในอนาคต AI จะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยองค์กรตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้น โดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์ และสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่คาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าได้ ตัวอย่างเช่น การใช้ AI สร้างแผนการผลิตให้เพียงพอกับอุปสงค์ในอนาคต เป็นต้น
- Oracle เชื่อมั่นในพลังของการแข่งขันที่จะกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีหรือมาตรฐานกลาง เพราะเข้าใจว่าการร่วมมือกันจะสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมโดยรวมได้มากกว่า วิสัยทัศน์แบบนี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการแข่งขันและความร่วมมือได้เป็นอย่างดี
- ระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ควรออกแบบให้ใช้งานง่ายในทุก ๆ ส่วน ตั้งแต่การติดตั้ง การใช้งาน การอัพเกรด ไปจนถึงการย้ายระบบ เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเป็นของตนเองเสมอไป ดังนั้นระบบที่ใช้งานง่ายจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการบริหารจัดการ
- การที่องค์กรยอมลงทุนด้านไอทีในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เนื่องจากต้นทุนต่ำกว่าปกติและคู่แข่งส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน ทำให้องค์กรที่ลงทุนจะได้เปรียบเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว เช่น การที่ Oracle ยังคงจ้างพนักงานฝีมือดีจากทั่วโลกแม้ในช่วงที่เกิดวิกฤต
- ระบบปัญญาประดิษฐ์แบบเรียนรู้ด้วยตนเอง (self-learning AI) จะเข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เช่น การวินิจฉัยโรคของแพทย์, การกำหนดโทษของผู้พิพากษา, หรือการเลือกหุ้นลงทุนของนักลงทุน โดย AI จะคอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วและแนะนำทางเลือกที่เหมาะสม แต่ยังคงให้อำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่กับมนุษย์
- ในอนาคต บริษัทที่ไม่เก่งเรื่องไอทีจะเสียเปรียบค่อนข้างมาก เพราะ AI กำลังกลายมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นแม้ไม่ใช่บริษัทด้านเทคโนโลยี ก็ควรหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยี AI เพื่อนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ไม่ใช่แค่มองว่าเป็นแผนกสนับสนุนเท่านั้น
- การเก็บข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดให้อยู่ในระบบเดียวและเชื่อมโยงกัน จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจและลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้พนักงานทุกแผนกเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในการทำงานได้จากจุดเดียว ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาระหว่างแผนก
- องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่แล้วเพื่อสร้างการเติบโต แทนที่จะไปหาข้อมูลใหม่ ๆ เช่น การนำข้อมูลลูกค้าปัจจุบันมาวิเคราะห์ เพื่อหาโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการเสริม (cross sell / up sell) หรือนำข้อมูลปฏิบัติการมาวิเคราะห์เพื่อลดของเสีย เป็นต้น การมองข้อมูลเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าขององค์กรที่ต้องดูแล รักษา และใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด
- ในยุคที่ความรู้กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ การหาพนักงานที่เก่งและฉลาดจากทุกมุมโลกมาร่วมทีมจะช่วยให้ธุรกิจพัฒนาได้เร็วขึ้น Oracle ใช้กลยุทธ์นี้ในการแข่งขันกับคู่แข่ง ด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนทั่วโลกที่มาเข้าโครงการ Oracle Academy เพื่อปูทางหาพนักงานฝีมือดีในอนาคต
- ในการวางกลยุทธ์และตัดสินใจทางธุรกิจนั้น การมีข้อมูลที่แม่นยำและทันสมัยคือสิ่งสำคัญ แต่ในความเป็นจริงเราไม่อาจรู้ได้ทุกอย่างโดยสมบูรณ์ ยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ เลือกใช้ข้อมูลที่ดีที่สุดที่หาได้ในเวลานั้น ผนวกกับประสบการณ์และสัญชาตญาณของผู้นำ เพื่อกำหนดทิศทางที่เหมาะสมที่สุด พร้อมกับติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนให้ทันท่วงที หากมีอะไรเปลี่ยนแปลง
- Larry Ellison สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของความฝัน ที่เราต้องมีความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละเพื่อไล่ตามมันให้ได้ ต่อให้ผู้อื่นมองว่าเป็นไปไม่ได้หรือดูบ้าบิ่นเพียงใด เขายังสอนให้เรากล้าที่จะล้มเหลว กล้าที่จะลองผิดลองถูก เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่เคยล้มเหลวมาก่อน ขอแค่เวลาเราล้ม อย่าลืมลุกขึ้นมาสู้ใหม่
Resources
- https://www.youtube.com/live/OgIZIBDChsg?si=DE5IdpyqSc7aWO9v
- https://www.youtube.com/live/63DmgBN1rSI?si=ovdfRbOKFmNEoOEF
- https://youtu.be/_lK1w7KGuNs?si=CeH-SIZMGyzhabCr
- https://youtu.be/rmrxN3GWHpM?si=LRN-1BD6jhNjGg5h
- https://youtu.be/b5qZVk0F_yg?si=KXVDD1Bh4eJBdgqL
- https://youtu.be/PJmd4wOlhP4?si=RTaHcY5Asqa9JXjR
- https://youtu.be/MDGyUe7UVeQ?si=FfeS9naMSpZuoRLD
- https://www.youtube.com/live/4yobT4rtmeo?si=-ffPCul7APXXutyG
- https://youtu.be/e8-MhlcDso0?si=3zNvlBl0ErCJY9l2
- https://youtu.be/cJxmowxEsRA?si=0wNZnTojAEmnGTQy
- https://youtu.be/vf_8dkBSIj0?si=etNrc5YdPDsmuKTf
- https://youtu.be/YwN_q5g9HKE?si=UTAXByrXNIgmA3f-