Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

2 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจคุณล่มจม รู้ไว้ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

Dan Lok ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยตอนที่เขากำลังเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ๆ เขาได้พูดคุยกับพี่เลี้ยงของเขาว่า “ทำไมลูกค้าไม่ซื้อของผมเลย” “ทำไมธุรกิจนี้มันไม่รุ่งสักกะที” “ทำไมสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยเอาซะเลย” “ทำไม ทำไม ทำไม”

จนกระทั่งพี่เลี้ยงของเขาบอกเอาไว้ว่า สาเหตุที่ธุรกิจของคุณมันห่วย นั่นก็เพราะเจ้าของบริษัทนั้นมันห่วยนั่นแหละ หรือจะแปลให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ “คุณมันห่วยนั่นเอง” เพราะธุรกิจคือสิ่งที่สะท้อนตัวตนของคนที่ก่อตั้งมันขึ้นมา ถ้ามันออกมาดี ก็แสดงว่าเจ้าของนั้นทำได้ดี และถ้าธุรกิจมันออกมาแย่ นั่นก็เพราะเจ้าของนั้นมันห่วยแตกนั่นเอง

ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินอะไรจากภายนอก ให้ลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเองก่อนว่า เราทำอะไรลงไปบ้าง ซึ่งหลายคนอาจจะมีข้ออ้างต่าง ๆ นา ๆ เพื่อให้ตัวเองดูดี เช่น “ฉันทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ณ ตอนนี้แล้ว” “ฉันขยันและทุ่มเทอย่างหนักเพื่อบริษัทนี้”

ซึ่งขั้นแรก หากคุณไม่ยอมรับว่า ความผิดพลาดที่เกิดในธุรกิจ ต้นเหตุเกิดมาจากตัวคุณก่อน คุณก็จะไม่ทำการแก้ไขปัญหาที่ตัวคุณ แต่คุณกำลังจะหาใครสักคนนึงเพื่อมารับผิดชอบในสิ่งที่ผิดพลาดนี้ แล้วคุณก็จะทำการแก้ไขปัญหาผิดจุด เพราะปัญหามันเกิดที่ตัวคุณ แต่คุณกลับไปแก้ที่คนอื่น สุดท้าย ธุรกิจมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย

และนี่ก็คือ 2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่มักล้มเหลวในการทำธุรกิจ

เหตุผลที่ 1 – เริ่มต้นด้วยเจตจำนงที่ผิด (Wrong Reasons to Start a Business)

หลายคนเริ่มต้นธุรกิจเพียงเพราะ อยากออกจากงานประจำที่น่าเบื่อ, อยากทำธุรกิจเพราะเห็นคนอื่นทำแล้วรวย, อยากทำธุรกิจเพราะอยากได้เงินเยอะ ๆ ทำงานน้อย ๆ, อยากทำธุรกิจเพราะมันน่าจะทำได้ง่าย ๆ รวยง่าย ๆ

โดย Dan ได้เปรียบเทียบการเริ่มต้นทำธุรกิจกับการขับเครื่องบิน ซึ่งคุณไม่สามารถที่จะบอกเพียงว่า ฉันมีความหลงใหลและชอบเครื่องบินเป็นอย่างมาก แต่ฉันไม่เคยขับเครื่องบินมาก่อน, ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปุ่มคำสั่งอะไรอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ, ฉันไม่รู้ว่าการจะกำหนดเป้าหมายการบินนั้นจะต้องไปที่ไหนอย่างไร เพียงแค่คิดว่ามันน่าสนุกดี ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่า คงไม่มีผู้โดยสารคนไหนอยากขึ้นเครื่องบินลำนั้นไปพร้อมกับคุณอย่างแน่นอน และคุณเองก็ไม่น่าจะมีโอกาสขับเครื่องบินเป็นครั้งที่สองหลังจากมีข่าวว่าเครื่องบินลำที่คุณขับอยู่นั้นกระแทกและระเบิดกับรันเวย์ที่ไหนสักแห่ง

ซึ่งหากดูจากสถิติของคนที่กระโดดเข้ามาทำธุรกิจก็จะพบว่า ธุรกิจกว่าร้อยละ 90 นั้น มักจะเจ๊งภายใน 5 ปีแรก และธุรกิจที่รอดส่วนใหญ่ ก็มักจะอยู่แบบพอไปรอด กระท่อนกระแท่น และไม่เติบโตอย่างยั่งยืน

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่คุณมีเจตจำนงที่ผิด เมื่อมีเจตจำนงที่ผิด คุณก็จะคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งไม่จำเป็น เช่น ทักษะในการทำธุรกิจ, ประสบการณ์ที่จำเป็นต้องมีและการฝึกฝนอย่างที่มันควรจะเป็น

ดังนั้น หากคุณตระหนักก่อนว่า จะต้องใช้ทักษะอะไรบ้างในการเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณจะทำธุรกิจแบบ Learning by Doing หรือทำธุรกิจแบบทำไปเรียนรู้ไป ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงแรก ๆ คุณจะทำอะไรหลาย ๆ อย่างผิดพลาดอย่างมากมาย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มเรียนรู้ว่า คุณจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเหมือนในอดีต ซึ่งคุณจะเริ่มผิดพลาดน้อยลง และคุณจะทำมันได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

และข้อดีอีกอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจแรกประสบความสำเร็จแล้วก็คือ คุณสามารถใช้ทักษะที่คุณได้เรียนรู้ในระหว่างการทำธุรกิจแรกที่ประสบความสำเร็จ นำมาปรับใช้กับธุรกิจใหม่ ๆ ได้ในทันที

โดย Dan ได้เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า หากคุณเรียนรู้ในการขับรถเก๋งได้เป็นอย่างดีแล้ว ในอนาคตคุณต้องการที่จะขับรถเอสยูวี, รถสปอร์ต หรือรถซุปเปอร์คาร์ได้ โดยใช้ทักษะที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะมีฟังก์ชั่นหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างออกไปจากคันเดิม แต่หลักในการขับรถของคุณ สามารถนำมาปรับใช้กับรถใหม่ได้ในทันที ที่เหลือคุณก็แค่ต้องฝึกฝนใช้รถคันใหม่ให้คล่องมือ เช่นเดียวกันกับทักษะในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการเป็นผู้นำ, ทักษะการการขาย, ทักษะการทำการตลาด, ทักษะการบริหารคน ฯลฯ ซึ่งทักษะเหล่านี้ สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจอื่น ๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์

“One Win Can Make Up For All Your Business.”

หมายถึง ไม่ว่าธุรกิจที่ผ่านมาคุณล้มเหลวมากี่ครั้งก็ตามที ขอเพียงคุณสำเร็จสักครั้งเดียวก็เกินพอ

– Dan Lok –

เหตุผลที่ 2 – ขาดทักษะในการปิดการขาย (Closing Skill)

Dan Lok สอนเอาไว้ว่า ทักษะแรกในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม ทักษะที่สำคัญที่สุดและเป็นทักษะอันดับหนึ่งที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้เชี่ยวชาญก็คือ “ทักษะการปิดการขาย” ซึ่งในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการปิดการขายเฉพาะลูกค้าเท่านั้น เพราะคุณจะต้องสามารถขายวิสัยทัศน์แก่นักลงทุน, ครอบครัว, พนักงาน, พาร์ทเนอร์ ฯลฯ เพื่อให้พวกเขา เชื่อมั่นและพร้อมที่จะเดินร่วมทางไปกับคุณ

และในเมื่อทุก ๆ ธุรกิจบนโลกใบนี้ ขึ้นอยู่กับการขายเพื่อให้เกิดกำไรที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตได้นั้น สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำให้มันเกิดขึ้นก่อนที่จะเปิดบริษัทก็คือ “การทำกำไรจากการขายที่คาดการณ์ได้” ยกตัวอย่างเช่น หากคุณสามารถทำยอดขายจากลูกค้าได้ 10,000 บาท โดยคุณอาจจะจ่ายค่าลงโฆษณาเฟสบุ๊คไป 1,000 บาท และต้นทุนในการผลิตสินค้าและส่งสินค้าอยู่ที่ 5,000 บาท ดังนั้น ณ ตอนนี้คุณมีผลกำไรแล้วทั้งสิ้น 10,000 – 5,000 – 1,000 = 4,000 บาท และนี่คือเครื่องพิสูจน์ขั้นแรกแล้วว่า ธุรกิจคุณได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว และสิ่งที่สำคัญก็คือ การขายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้มาจากดวงดีหรือฟลุ๊ค แต่จะต้องมาจากการณ์คาดการณ์ ไม่ใช่การคาดเดา เช่น หากคุณบอกว่ายอดขายที่เกิดขึ้นมานั้น ก็แค่ยิงโฆษณาเฟสบุ๊คแบบว่านไปกว้าง ๆ แล้วก็บังเอิญมีลูกค้าจ่ายเงินเข้ามา อันนี้ถือว่าดวงล้วน ๆ เพราะบนเฟสบุ๊คนั้น มีคนนับพันล้านคนที่มีความสนใจที่แตกต่างกัน แต่หากคุณบอกว่า ที่สินค้าของคุณสามารถขายได้นั้น เป็นเพราะคุณระบุกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยคุณรู้ทั้ง เพศ, อายุ, ที่อยู่อาศัย, ไลฟ์สไตล์, รายได้ และความสนใจ นี่แหละคือสิ่งที่คาดการณ์ได้ เพราะกลุ่มเป้าหมายนี้จะเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสสนใจสินค้าคุณจริง ๆ และในอนาคตคุณก็สามารถขยายธุรกิจ โดยทำการตลาดในกลุ่มนี้เพิ่มเติม เพิ่มงบประมาณในการทำการตลาด เป็นต้น

Resource