Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

3 ข้อคิด ที่อยากบอกกับคนรุ่นใหม่ ที่อยากรวย by Grant Cardone

Uncle G หรือลุงแกรนด์ nicknam ของ Grant Cardone เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ เจ้าพ่อโซเชียลมีเดีย ที่ ณ ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $600 ล้านดอลล่าร์ฯ ได้ให้ข้อคิดว่าถ้าหากเขาสามารถย้อนอายุกลับไปช่วงวัยรุ่น ในช่วงวัยทำงานใหม่ ๆ ได้ เขามีอะไรอยากจะแนะนำบ้าง

ข้อที่ 1 – Dream Big

ฝันให้ใหญ่เข้าไว้ เพราะในความเป็นจริง ตัวของเรานั้นสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดเอาไว้ซะอีก

แต่เราจะไม่สามารถฝันใหญ่ได้เลย ถ้าหากเรายังคงวนเวียนด้วยคนรอบตัวที่ฝันแต่เรื่องเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนที่เรามักจะชอบไปสังสรรค์อยู่ด้วยบ่อย ๆ

โดยในวัยเด็กของ Grant Cardone นั้น เขาเติบโตมาด้วยความยากลำบาก เขาโตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สูญเสียคุณพ่อไปตั้งแต่วัย 10 ขวบ แถมยังสูญเสียพี่ชายคนโตไปอีกคนตอนที่พี่ชายเขาอายุได้ 15 ปี

ทำให้การจินตนาการในตอนเด็กนั้น เขานึกภาพไม่ออกเลยว่า อนาคตเขาจะร่ำรวยได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวของเขาในวัยเด็กนั้นขัดสนมาก

แต่หากเขาสามารถย้อนกลับไปบอกตัวของเขาเองในวัยเด็กได้ ก็จะบอกว่า นายจงฝันให้ใหญ่เข้าไว้ นายทำได้มากกว่าที่ตัวของนายคิด นายสามารถเป็นได้มากกว่าที่นายเป็น

ซึ่งต้องยอมรับว่า ในช่วงวัยเด็กของเขานั้น มันไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มี youtube ที่จะสามารถฟังคำแนะนำจากใครได้เลยว่า เขาควรจะต้องทำอย่างไร ในขณะที่คนในยุคนี้ สามารถเข้าถึงคำแนะนำ แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้อย่างมากมาย ดังนั้นตัวของ Grant Cardone เขาก็หวังว่าผู้ฟังจะรับฟังคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จากเขา ที่เคยลำบากมาก่อน

แน่นอนว่าในตอนเรายังเด็กอยู่ การที่จะยกน้ำหนัก 80 ปอนด์ขึ้นได้นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่พอเราโตขึ้นเรากลับยกมันได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้น จงรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ฝันใหญ่ คิดใหญ่ เหมือน ๆ กัน

ข้อที่ 2 – อยู่ให้ห่างจากสิ่งแย่ ๆ

สิ่งที่แย่ในที่นี้ ไม่ว่าจะเป็น คนไม่ดี คนคิดลบ คนที่มีความฝันเล็ก และนอกจากนั้น อยู่ให้ห่างจากอบายมุขทั้งหลาย เพราะตัวเขาเล่าว่า ในช่วงวัย 15 – 25 ปี เขาเป็นคนที่ใช้ยาเสพย์ติดทุกวัน เสพย์เกินขนาดอยู่ 3 ครั้ง กว่าจะเลิกได้ก็อายุ 26 ปี ที่พึ่งออกจากสถานบำบัดนู่นเลย

ซึ่งตั้งแต่นั้น เขาก็สัญญากับตัวเองว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพย์ติดเด็ดขาด แม้กระทั้งบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ หรือแม้แต่ไวน์ ก็จะไม่แตะมันอีก

เพราะสิ่งที่เขาต้องการก็คือ การกลับมาเชื่อมั่น กลับมาเชื่อใจตนเองอีกครั้ง หลังจากที่เขาได้สูญเสียความเชื่อใจในตนเองไปอย่างหมดสิ้นในช่วงติดยา

เขาจึงคิดว่า ถ้าหากเขาต้องการให้คนอื่นเชื่อใจ ต้องการให้ครอบครัวเชื่อใจ ต้องการให้เพื่อนฝูงเชื่อใจ ต้องการให้พาร์ทเนอร์เชื่อใจ ต้องการให้ลูกค้าเชื่อใจ อย่างแรกสุด เขาจะต้องเชื่อใจ ทำให้ตนเองเป็นคนน่าเชื่อถือให้ได้เสียก่อน

ข้อที่ 3 – Pay the price today

ทุ่มเทสุดตัวในวันนี้ เพื่อสบายในวันข้างหน้า มีวินัยในตนเอง เช่นการพาตัวเองเข้าโรงยิม ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ตัวของเขานั้นไม่ชอบเอาซะเลย แต่ก็ต้องลุกไปออกกำลังกาย ซึ่งสิ่งที่จะต้องเจอแน่ ๆ ก็คือ ความเจ็บปวดในระหว่างที่ออกกำลังกาย คุณจะปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดเข่า ร่างกายคุณจะบอกกับคุณตลอดเวลาว่า “ไม่ไหวแล้ว” แต่คุณก็จำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายอย่างมีวินัย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณก็จะได้มีร่างกายที่แข็งแรง

ต่อมาคือการกิน คุณจะต้องกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งโดยส่วนตัวของเขานั้น เขาจะไม่กินพวกอาหารขยะเลย

ต่อมาคือการขยันขันแข็ง ตั้งหน้าตั้งตาขยันทำงาน แม้ว่างานนั้นคุณจะเกลียดมันก็ตามที จงขยันตื่นแต่เช้าตรู่ เข้านอนแต่หัววัน รีบลุกขึ้นไปทำงานอย่างกระปี้ประเป่าในทุก ๆ วันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น

ซึ่งราคาที่เขาจะต้องจ่ายก็คือ เขาต้องตื่นแต่เช้ามืดก่อนใคร และก่อนนอนเขาก็ต้องยับยั้งชั่งใจไม่ให้ดูหนัง ฟังเพลง เสพย์สื่อบันเทิง จนกินเวลานอน เพราะเขาจะเข้านอนก่อน 3 ทุ่มในทุก ๆ คืน

นั่นคือราคาที่เขายอมจ่าย เพื่ออนาคตในวันข้างหน้าในแบบของเขา

โดยเขามีความเชื่อว่าวันหยุดสุดสัปดาห์อย่าง Weekend นั้น เหมาะกับพวก Weak พวกที่อ่อนแอ ที่ใช้หมดไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ นอนเปื่อยเป็นผักอยู่บนโซฟากับป๊อปคอนหน้าจอทีวีจนหมดเสาร์ อาทิตย์

หรือพวกที่นอนหลัง 4 ทุ่ม นั้นคือพวกที่อ่อนแอ ที่ไม่สามารถข่มใจตัวเองให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อลุยงานต่อในวันรุ่งขึ้นได้นั้น เป็นพวกที่อ่อนแอ

โดยตัวของเขาบอกเลยว่า หากคุณลองใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ ในการทำงานเพิ่ม เรียนรู้เพิ่ม ไม่ปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ พอวันเวลาผ่านไปสัก 5 ปี แล้วนั้น คุณจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวของคุณเองในอดีต

ซึ่งถ้านับเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ จะมีวันหยุดตกเฉลี่ยปีละ 50 วัน ถ้าทำต่อเนื่อง 5 ปี ก็นับเป็น 250 วัน ถ้ารวม ๆ วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดอื่น ๆ ด้วยก็น่าจะราว ๆ 100 วัน หรือเมื่อนำไปรวมกับวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว ก็เป็นเวลาเกือบ 1 ปี เลยทีเดียว

นั่นหมายความว่า หากคุณใช้เวลาวันหยุดให้เกิดประโยชน์ ในช่วง 5 ปี คุณจะพัฒนาเพิ่มขึ้นอีก 1 ปีไปโดยปริยาย

นั่นหมายความว่า ถ้าเปรียบกับการวิ่งมาราธอน แม้ว่าตัวของเรานั้นจะทำงานเท่ากับคนอื่น ๆ แต่ในวันหยุดเราก็ยังคงวิ่งทีละเล็กทีละน้อยอยู่ในทุก ๆ วัน เราจะแซงหน้าคนอื่น ๆ ที่หยุดทำงาน หยุดวิ่งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นั่นเอง นั่นคือสิ่งที่ Grant Cardone เขายอมจ่ายในวันนี้เพื่อวันข้างหน้า

และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้มีครอบครัว คุณได้พบเจอกับคนที่คุณรัก และคุณอยากดูแลพวกเขา

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้พบกับงานที่ชอบ งานที่ใช่ งานที่เหมาะสม

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสั่งสมความน่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจในตลาดซื้อขายที่คุณอยู่

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีความใจ มีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม

เมื่อนั้น คุณก็สมควรที่จะได้รับในสิ่งที่ใดก็ตามที่ คุณสามารถจ่ายได้ คุณสามารถจ่ายมันไหว เพราะนั่นคือสิ่งที่ตัวของคุณและครอบครัวที่รักของคุณสมควรได้รับจากการที่คุณยอมจ่าย ยอมลงทุนในตนเองอย่างหนักมาก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายต่อหลายปี

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า หากคุณต้องการซื้อสิ่งใดในโลกนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วก็จำเป็นต้องใช้เงินจ่ายแทบทั้งสิ้น

และเช่นกัน โอเคแหละว่า ในความเป็นจริงนั้น เงิน ก็ไม่สามารถใช้ซื้อความสุขได้ แต่มันใช้ซื้อ Pool Villa ที่เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัว กับทีมงานของเขาได้

ดังนั้น Money Matter เงินยังคงสำคัญอยู่หากคุณต้องการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมภายในโลกนี้

Don’t wast it.

Don’t lose it.

Use it.

จงใช้เงินทำให้ตัวเองดีขึ้น และจงใช้เงินทำให้ธุรกิจของคุณดีขึ้น ใช้เงินจ้างพนักงานเพื่อทำให้ธุรกิจดีขึ้น ใช้เงินเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงานในองค์กรดีขึ้น

ทำแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ ใช้เงินทำให้ตัวเองดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ใช้เงินทำให้ธุรกิจมันดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อที่จะได้จ้างพนักงานได้เยอะ จ่ายพนักงานได้เยอะขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

ใช้เงินเพื่อเข้าถึงผู้คนใหม่ ๆ ใช้เงินเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพื่อที่จะได้รู้จักและสร้างสานสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ ใช้เงินเพื่อไปพบปะสังสรรค์ พูดคุยกับผู้คน

และตัวของ Grant Cardone เขาก็หวังว่า ในอนาคตอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะมีคนเข้ามาทักเขา แล้วบอกว่า พวกเขาดีใจที่ได้ดูวีดีโอนี้ ที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะฝันใหญ่ และไล่ล่าตามความฝันที่ยิ่งใหญ่นั้นได้สำเร็จ

Resources