มีคำพูดหนึ่งที่ Ramit Sethi เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าคุณกำลังคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สมมติว่าถ้าคุณตกงาน ถูกเลิกจ้าง นั่นแปลว่าคุณกำลังคิดก้าวหน้ากว่าคนอื่น ๆ มากมายแล้วล่ะ”
Ramit Sethi นักเขียนหนังสือขายดีระดับโลกอย่าง “I Will Teach You To Be Rich” : ผมจะสอนให้คุณรวย และเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินชื่อดัง ที่สร้างธุรกิจมูลค่าหลายล้านดอลลาร์จากการสอนผู้คนให้มีอิสรภาพทางการเงิน โดยเนื้อหานี้เขาได้แบ่งปันเคล็ดลับเกี่ยวกับการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ซึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกกังวลและกลัวว่าอาจจะตกงานได้
แต่จากประสบการณ์ของ Ramit ที่เขาได้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายครั้ง ทำให้เขาได้เรียนรู้กฎข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือ
“Live to fight another day” “จงมีชีวิตอยู่เพื่อสู้ต่อไปในวันข้างหน้า”
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนแล้วค่อยทำการตั้งรับ แต่ให้เราลงมือวางแผนเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะถ้ามันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อย่างน้อย คุณก็มีแผนการรับมือพร้อมไว้อยู่แล้ว
โดย Ramit Sethi ได้นำเสนอวิธีการรับมือที่ชื่อว่า CEO METHOD
Ramith บอกว่า แทนที่จะแนะนำให้คุณนั้นทำการตัดค่าใช้จ่ายทุกอย่างแบบไม่เลือกหน้า ที่เหมือนกับคำแนะนำทั่ว ๆ ไป
แต่ในขณะที่ Ramit เขามีวิธีที่ทรงพลังกว่า นั่นคือ CEO METHOD ซึ่งเป็นแนวทางการจัดการเงินในช่วงเศรษฐกิจถดถอยที่เขาคิดค้นขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันดังนี้ก็คือ:
– C = Cut costs (การตัดค่าใช้จ่าย)
– E = Earn more (การหารายได้เพิ่ม)
– O = Optimize your spending (ปรับการใช้จ่ายให้เหมาะสมที่สุด)
และด้วยวิธีการง่าย ๆ นี้ Ramit เขาบอกว่า แค่การโทรศัพท์เพียงไม่กี่ครั้ง คุณอาจจะประหยัดเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นบาท ซึ่งเงินส่วนต่างก้อนนี้สามารถนำไปเก็บเป็นเงินสำรองฉุกเฉินได้ในทันที
ทีนี้มาดูกันทีละข้อว่าแต่ละตัวนั้นทำอย่างไรกันบ้าง
C – Cut costs ตัดค่าใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด
การตัดค่าใช้จ่ายในแบบของ Ramit นั้น เขาไม่ได้แนะนำให้เราตัดค่าใช้จ่ายทุกอย่างแบบไม่เลือกหน้า แต่ให้เราเลือกตัด 2-3 หมวดหมู่ที่เรามักจะใช้จ่ายเยอะที่สุดและเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น Ramit เขาได้รับข้อความจากผู้อ่านที่เป็นคู่บ่าวสาวคู่หนึ่งที่กำลังจะแต่งงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งพวกเขากำลังลังเลว่าจะยกเลิกงานแต่งดีไหม โดยทาง Ramit ก็แนะนำว่าให้ยกเลิกไปเลย เพราะในช่วงแบบนี้ เงินในกระเป๋าของเราตอนนี้มีค่ามากกว่าเงินในอนาคต และถึงแม้คุณอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการยกเลิกไปบ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะต้องเสียเงินก้อนใหญ่ไปกับงานแต่งในอีก 6 เดือนข้างหน้า
E – Earn more หารายได้เพิ่มอย่างสร้างสรรค์
อย่าได้คิดว่าในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีนั้น จะไม่มีโอกาสในการหารายได้เพิ่ม เพราะตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ผู้คนก็ยังคงจ่ายเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้า เพื่อความบันเทิง หรือแม้แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่ดี
โดย Ramit เขาได้ยกตัวอย่างนักเรียนในคลาสของเขา ที่ได้ตัดสินใจเริ่มสอนวาดรูปออนไลน์ จากเดิมที่เคยสอนเฉพาะออฟไลน์ ดังนั้น แม้จะเป็นช่วงเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็ยังมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ
O – Optimize your spending ปรับการใช้จ่ายให้เหมาะสมที่สุด
นี่คือเคล็ดลับที่คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้ และเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการประหยัดเงินโดยทันที โดย Ramit แนะนำให้เราโทรศัพท์ไปหา 5 บริษัทเหล่านี้:
1. บริษัทโทรศัพท์มือถือ
2. บริษัทเคเบิลทีวี
3. บริษัทบัตรเครดิต
4. บริษัทเงินกู้นักศึกษา (ถ้ามี)
5. เจ้าของบ้านที่เราเช่าอยู่
โดยให้เราโทรไปบอกพวกเขาว่า “คุณรู้ไหม ผมเป็นลูกค้าที่ดีมาหลายปีแล้ว แต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้มันยากลำบากมาก ผมอยากทราบว่าคุณมีทางเลือกอะไรให้ผมบ้าง?”
ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้อ่านหลาย ๆ คนของ Ramit พบว่า แค่โทรศัพท์ไปครั้งเดียว ก็สามารถประหยัดเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นบาทเลยทีเดียว บางคนได้ส่วนลดค่าบริการลงถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเงินที่ประหยัดได้นี้ก็สามารถเอาไปเก็บเป็นเงินสำรองฉุกเฉินได้อีกด้วย
เตรียมพร้อมรับมือกับการถูกเลิกจ้าง
Ramit เขาได้เน้นย้ำว่าเราต้องเริ่มด้วยการยอมรับความจริง โดยให้มองดูสถานการณ์รอบ ๆ ตัวเองและถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า “อุตสาหกรรมของเราที่เราทำงานอยู่นั้นมันมีความเสี่ยงไหม?” เพราะบางครั้งในโลกแห่งความเป็นจริงก็อาจจะไม่สวยงามอย่างที่เราคิด บางอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงที่อาจจะล้มหายตายจากไป และบางคนอาจจะต้องถูกเลิกจ้าง
ซึ่งถ้าคุณรู้สึกว่าอุตสาหกรรมที่คุณทำงานอยู่กำลังมีความเสี่ยง หรือบริษัทของคุณอาจจะเลิกจ้างพนักงาน จงอย่ารอช้า ให้คุณเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้เลย
โดย Ramit มีคำแนะนำดี ๆ ดังนี้ก็คือ:
1. **ยอมรับความจริง** – ถึงแม้มันจะเป็นความรู้สึกที่ไม่ดี แต่เราต้องยอมรับว่ามันอาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้
2. **ตัดค่าใช้จ่ายในทันที** – โดยให้มองหารายจ่าย 2-3 หมวดที่มีค่าใช้จ่ายมากที่สุดและเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น แล้วให้ทำการตัดมันออกไป
3. **บอกเครือข่าย** – แจ้งให้ทุกคนที่คุณรู้จักทราบว่าคุณกำลังมองหางานใหม่ เพราะการหางานตอนที่ยังมีงานทำอยู่นั้นง่ายกว่าตอนที่ตกงานแล้ว
4. **มองหาโอกาสใหม่ ๆ** – ให้สำรวจดูว่าคุณมีทักษะอะไรที่สามารถเปลี่ยนเป็นธุรกิจเสริมได้บ้าง
5. **ทบทวนความเชื่อเดิม ๆ** – โดยอย่าติดกับดักความคิดแบบเดิม ๆ อย่างเช่น “ฉันไม่มีเวลา” หรือ “ฉันไม่มีไอเดีย” ลองเปิดใจให้กว้างและมองหาโอกาสใหม่ ๆ
6. **เตรียมแผนสำรอง** – ลองถามตัวเองดูว่าเราจำเป็นที่จะต้องอยู่ในเมืองนี้ไหม? ต้องทำงานในอุตสาหกรรมนี้ต่อไปไหม? บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณ
สุดท้ายแล้ว Ramit เน้นย้ำว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบีบจนมุม จนเหลือแต่ทางเลือกที่แย่ ๆ การรีบวางแผนตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้คุณมีตัวเลือกที่ดีกว่าในอนาคต และอย่าลืมกฎข้อสำคัญที่สุด นั่นก็คือ “Live to fight another day” “อยู่รอดเพื่อสู้ต่อไปในวันข้างหน้า” เพราะถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์อาจจะดูแย่ แต่ในระยะยาวแล้ว จะต้องมีโอกาสที่ดี ๆ รอคุณอยู่อย่างแน่นอน