คำถามยอดฮิตที่มักจะเจออยู่บ่อย ๆ สำหรับคนที่กำลังที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจก็คือ “ไม่มีเงินเริ่มต้นทำธุรกิจ จะทำยังไง?” “จะเอาเงินที่ไหนมาเริ่มต้นทำธุรกิจ?” ซึ่งในบทความนี้ Dan Lok ที่ปรึกษานักธุรกิจร้อยล้าน ก็ได้มาให้แนวทางด้วยกันถึง 4 วิธี ที่คุณสามารถใช้เป็นแหล่งหาเงินทุนในการเริ่มต้นทำธุรกิจ โดยเริ่มจากวิธีที่ง่ายที่สุด ไล่ไปหาวิธีที่ยากที่สุด แต่วิธีที่ยากที่สุด ก็เป็นแหล่งเงินทุนที่มหาศาลมากกว่าเช่นกัน
วิธีที่ 1 – แหล่งเงินทุนจากตัวคุณเอง
แน่นอนว่าในขั้นแรก เรายังไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน การที่จะไปขอเงินทุนจากแหล่งอื่น ๆ นั้น ดูเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็น เพราะใครที่ไหนเขาจะให้เงินไปทำธุรกิจกับคนที่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนกันล่ะ เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ยื่นปืนสไนเปอร์รุ่นล่าสุดให้กับคนที่ยังไม่เคยจับปืนมาก่อนเลยด้วยซ้ำ มันแหงอยู่แล้วว่า ต่อให้ส่งปืนที่ดีที่สุดให้กับมือใหม่เล็งแล้วยิงให้ถูกกลางเป้านั้น ดูเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้น ทางเลือกแรกในการหาเงินทุนก็คือ เริ่มต้นจากตัวคุณเอง ขยันทำงาน เก็บเงิน แล้วเปิดบริษัท
แต่……….
จะมีสักกี่คนที่เก็บเงินได้เป็นแสนเป็นล้าน แล้วค่อยเปิดบริษัทกัน ซึ่งมันเหมือนกับว่า ดูแล้วชีวิตที่เหลืออยู่ในชาตินี้ ก็ไม่น่าจะได้เปิดบริษัทสักกะที
Dan Lok เลยบอกเอาไว้ว่า เงินก้อนแรกในการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น ให้คุณเอาเงินของลูกค้ามาเปิดกิจการดูสิ มันง่ายกว่าการที่ค่อย ๆ เก็บเงินเยอะเลย ซึ่งการที่เราจะเอาเงินจากลูกค้ามาเปิดธุรกิจได้นั่นก็คือ “การขาย” นั่นเอง และหากคุณยังเกิดคำถามขึ้นอีกว่า แล้วจะเงินที่ไหนไปซื้อของสต็อคมาขายกันล่ะ ก็ไม่มีเงินอีกอยู่ดีนั่นแหละ แต่เดี๋ยวก่อน สิ่งที่คุณสามารถขายได้ในทันทีที่ไม่ต้องลงทุนในการสต็อคสินค้าก่อนก็คือ “สินค้าดิจิทัล” หรือสินค้าประเภทที่สามารถส่งให้ลูกค้าได้ทางอีเมลหรือออนไลน์ได้เลย เช่น อีบุ๊ค, หนังสือเสียง, วีดีโอ หรือแม้กระทั่งการบริการออนไลน์ก็สามารถทำได้เช่นกัน เช่น ออกแบบกราฟฟิคดีไซน์, ทำข้อมูล Excel, Word หรือ PowerPoint หรือจะให้ตีความได้ว่า หากคุณไม่มีสินค้าทั้งแบบจับต้องได้และแบบดิจิทัล คุณก็สามารถใช้ความรู้ความสามารถของคุณ ในการขาย Service หรือการบริการได้ เพราะมันไม่มีต้นทุนในการผลิตสินค้าเพิ่ม คุณเพียงแค่ใช้แรงกายแรงใจของคุณในการทำงานเพื่อแลกเงินได้ในทันที
และที่สำคัญก็คือ หากคุณยังไม่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้ บอกได้เลยว่า วิธีต่อ ๆ ไปนับจากนี้ ยากยิ่งกว่า และที่สำคัญก็คือ ในวิธีที่เหลือ จะต้องใช้ทักษะในการขายทั้งสิ้น เพราะทุกธุรกิจอยู่ได้ด้วยกระแสเงินสดจากการขายสินค้าหรือบริการ แม้กระทั่งองค์กรการกุศลที่ไม่หวังผลประโยชน์กำไรใด ๆ ก็ยังต้องใช้กระแสเงินสดในการดำเนินธุรกิจเลย ดังนั้น การบ้านสำหรับวิธีนี้ก็คือ คุณจำเป็นต้องฝึกและพัฒนาการขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าของคุณ
แต่เชื่อเถอะว่า เดี๋ยวคุณก็บ่นอีกแหละว่า ผมขายไม่เป็น, ผมไม่ชอบการขาย, งานขายเป็นงานที่ไม่เท่เอาซะเลย ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออาชีพไหนก็ตาม ทุกคนล้วนแล้วแต่ผ่านการขายมาแล้วแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในวัยเด็ก ที่หากคุณอยากได้ของเล่นสักชิ้นนึง คุณก็ต้องขายพ่อแม่ให้ได้ซะก่อน เพื่อที่จะให้พวกท่านควักเงินซื้อของเล่นให้คุณ, หรือจะเป็นในช่วงวัยรุ่น หากคุณอยากเข้ากลุ่มไหนที่มันเจ๋ง ๆ คูล ๆ คุณก็ต้องมีของไปโชว์กลุ่มเพื่อน เพื่อให้พวกเขารับเข้ากลุ่ม (ส่วนขายเพื่อนนั่นคนละเรื่องกันนะคร้าบบบ) หรือแม้กระทั่งตอนคุณไปสมัครงาน คุณก็จำเป็นที่จะต้องขายตัวเอง เพื่อให้บริษัทรับคุณเข้าทำงาน และเช่นกัน หากคุณอยากจีบใครสักคน คุณก็จำเป็นที่จะต้องแสดงให้อีกคนนึงเห็นว่า ทำไมเขาต้องเลือกคุณ (ไม่นับสมัยยุคหินที่ตีหัวแล้วลากเข้าถ้ำเลยนะ)
วิธีที่ 2 – แหล่งเงินทุนจากคนในครอบครัว
สำหรับวิธีนี้ หากใครเกิดเป็นลูกคนมีกะตังค์หน่อย ก็ถือว่าเริ่มต้นได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว อะไรที่มันได้มาง่าย ๆ มันก็จะมักไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน ซึ่งแม้ลูกคนรวยจะมีภาษีดีกว่าในเรื่องเงินทุนก้อนนี้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะพบว่าไปกันไม่ค่อยรอด เพราะข้ามขั้นตอนในข้อที่ 1 มานั่นก็คือ “การขาย” มาเป็น “การขอ” ในทันที ทำให้แทนที่จะขายลูกค้ากลับขอร้องให้ลูกค้าช่วยอุดหนุนแทน ซึ่งหลักในการขายสินค้าก็คือ ลูกค้าเขาไม่สนใจหรอกว่า สินค้าหรือบริการที่เรามีนั้นจะดีหรือเลิศเลอเพอร์เฟ็คแค่ไหนก็ตามที เพราะสิ่งที่พวกเขาสนใจเพียงอย่างเดียวก็คือ มันจะช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขานั้นดีขึ้นได้อย่างไรบ้างหรือช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขาได้อย่างไรบ้างต่างหาก
แต่ในส่วนของครอบครัวทั่ว ๆ ไป ที่พอจะมีให้ลูกตัวเองหยิบยืมบ้าง แต่จู่ ๆ พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะให้ในทันที ยกเว้นเสียแต่ว่า พวกเขาเห็นว่าตัวของลูกเองนั้น ได้ลองใช้วิธีในข้อที่ 1 แล้วพบว่า มันทำเงินได้จริงระดับหนึ่ง แต่ยังขาดเงินทุนในการไปสู่ขั้นต่อไปที่มันใหญ่ขึ้น ได้เงินเยอะขึ้น เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
ซึ่งก็ได้มีมหาเศรษฐีในปัจจุบันหลาย ๆ คนที่ใช้วิธีการนี้ แม้ว่าตนเองนั้นจะเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางทั่ว ๆ ไปก็ตามที แต่ด้วยความที่พวกเขาหมั่นฝึกฝนทักษะในการขายและการทำการตลาด บวกกับความขยันขันแข็ง และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สามารถใช้เงินทุนเริ่มต้นจากครอบครัว ผลักดันให้กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่โตขึ้นมาได้ในที่สุด
วิธีที่ 3 – แหล่งเงินทุนจากธนาคาร
Dan Lok เคยเล่าเรื่องในอดีตของเขาเองว่า เมื่อก่อนตอนที่เขายังมีเงินไม่มากและต้องการเงินทุนในการต่อยอดธุรกิจ เขาก็ตัดสินใจที่จะไปขอกู้เงินที่ธนาคาร แต่กลับพบว่า กู้ยังไงก็กู้ไม่ผ่านสักกะที ทั้ง ๆ ที่วงเงินสินเชื่อที่เขาร้องขอนั้น มีมูลค่าเพียงแค่หลักหมื่นเท่านั้น แต่ในขณะที่ ณ ตอนนี้เขามีทรัพย์สินเงินทองมากมาย เขากลับได้รับการติดต่อจากทางธนาคารว่า “คุณ Dan ไม่ทราบว่าช่วงนี้ต้องการใช้เงินก้อนอยู่หรือเปล่าครับ ทางธนาคารพร้อมจะปล่อยสินเชื่อให้กับคุณ Dan ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าทั่วไป และได้วงเงินสูงกว่าเคสทั่วไปถึง 2 เท่าเลยนะครับ”
ซึ่งมันก็ไม่แปลก เพราะทางธนาคารเองนั้น ก็คือธุรกิจประเภทหนึ่งที่อยู่ได้ด้วยผลกำไรจากดอกเบี้ย ซึ่งหากนายแบงค์ประเมินแล้วว่า ผู้กู้ ไม่น่าจะหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยได้ พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับคน ๆ นั้น เพราะปล่อยกู้ไปแล้ว จะต้องขาดทุนอย่างแน่นอน แต่ในขณะที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แบงค์เองก็เล็งเห็นว่า คนเหล่านี้ หากได้เงินจากแบงค์ไป โอกาสที่จะได้กำไรนั้นสูงกว่ามาก และธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ยอย่างแน่นอนและสม่ำเสมอ ความเสี่ยงค่อนข้างน้อย
วิธีที่ 4 – แหล่งเงินทุนจากนักลงทุน
การหาเงินทุนจากช่องทางนี้เป็นแหล่งเงินทุนที่มหาศาลมาก ๆ แต่ก็แลกมาด้วยกับความยากด้วยเช่นกัน เพราะเป้าหมายของนักลงทุนนั้นมีเพียงอย่างเดียวก็คือ “การทำเงินให้ได้มากที่สุด”
พวกนักลงทุนคือคนที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาอย่างโชกโชน ตอนที่พวกเขาเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ๆ จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกเราสักเท่าไหร่ เพราะพวกเขาก็เริ่มธุรกิจจากที่ไม่มีอะไรเหมือนกัน และเมื่อพวกเขาสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ มีเงินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเขาต้องการที่จะใช้เงินทำงาน เพราะคงไม่มีใครที่จะตรากตรำทำงานหนักไปตลอดทั้งชีวิต ดังนั้น สิ่งที่พวกเขากำลังมองหาก็คือ ใครสักคนนึง ที่สามารถทำให้เงินของพวกเขาเติบโต ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขากำลังมองหาคนที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาสักระยะหนึ่งแล้ว มีการเก็บสถิติตัวเลขมาแล้ว และกำลังมองหาแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด
ซึ่งแน่นอนว่า การที่มีเพียงแค่ไอเดียดี ๆ นั้นไม่เพียงพอ ไม่ว่าคุณจะเล่าให้มันอลังการงานสร้างหรือเพ้อฝันเป็นตุเป็นตะมากแค่ไหนก็ตาม แต่คุณกลับไม่มีผลลัพธ์อะไรเลย มีเพียงแต่คำพูด มีเพียงแต่ลมปาก ก็ยากที่จะได้เงินจากนักลงทุนมืออาชีพเหล่านี้ เพราะพวกเขาดูเพียงแว๊บเดียว ก็สามารถรู้ได้แทบจะในทันทีเลยว่า ต่อให้เงินคนกลุ่มนี้ไปเป็นล้าน สิบล้าน หรือร้อยล้าน ไม่รอดแน่ ๆ เจ๊งแน่นอน
ดังนั้น หากคุณต้องการแหล่งเงินทุนจากนายทุนเหล่านี้ สิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องมีไปนำเสนอก็คือ สถิติที่ผ่านมาของธุรกิจของคุณอย่างโปร่งใสและวัดผลได้ และเมื่อเหล่าบรรดานักลงทุนได้เห็นตัวเลขเหล่านั้นบวกกับการนำเสนอแผนธุรกิจของคุณ พวกเขาก็จะยื่นข้อเสนอให้กับคุณโดยใช้เงินของพวกเขา แลกกับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากธุรกิจ และคุณก็มีหน้าที่บริหารเงินเหล่านั้นให้ธุรกิจมันเติบโตให้ได้มากที่สุด
Resource