Brian Tracy นักคิด นักพูดและนักเขียนชื่อดังด้านการพัฒนาตนเอง ที่มีผลงานเขียนกว่า 70 เล่ม บรรยายมาแล้วกว่า 5,000 ครั้งตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ที่สามารถช่วยให้ผู้คนนับล้านมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันเขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 450 ล้านบาท ได้ให้คำแนะนำว่า กลุ่มของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในทุก ๆ สายอาชีพ สิ่งที่ส่งผลให้พวกเขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูงที่สุดในกลุ่มของคน 20% อันดับต้น ๆ นั้น มักมาจาก Habits หรืออุปนิสัย ที่พวกเขาทำเป็นประจำกันอยู่ทุกวัน โดย Aristotle นักปราชญ์โบราณผู้เป็นอาจารย์ของอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “95% of everything you do is the result of habit.” หมายถึง สิ่งที่คุณเป็น สิ่งที่คุณทำ กว่าร้อยละ 95 นั้นเป็นผลมาจากอุปนิสัยของตัวคุณเอง
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้กลุ่มของผู้ที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จมีสัดส่วนที่น้อยนั้นเป็นเพราะ เจ้า Good Habits หรืออุปนิสัยที่ดีนั้นมันค่อนข้างทำได้ยากแต่ถ้าทำได้แล้วชีวิตจะอยู่สบาย แต่ในขณะที่ Bad Habits หรืออุปนิสัยที่แย่นั้นทำได้ง่ายแต่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก
แต่คุณคงเคยสังเกตว่าการขจัดอุปนิสัยที่แย่ ๆ นั้นค่อนข้างทำได้ยาก ซึ่ง Brian Tracy บอกว่าวิธีการที่จะกำจัดอุปนิสัยที่แย่ ๆ เหล่านั้น ไม่ใช่ให้คุณเลิกทำหรือตัดมันออกไปจากชีวิต(เพราะมันทำได้ยากมาก) แต่สิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าการกำจัดนิสัยที่แย่ก็คือ การสร้างอุปนิสัยที่ดีอันใหม่ ๆ ขึ้นมาทดแทน แล้วทำอุปนิสัยใหม่ที่ดีนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และนี่ก็คืออุปนิสัยที่พวกเขามักมีเหมือน ๆ กัน ทำเหมือน ๆ กัน ในทุก ๆ วัน ที่หลาย ๆ เรื่องดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา แต่หากทำอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยติดตัวได้แล้วล่ะก็ ความสำเร็จจะค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาหาพวกเขาเองโดยอัตโนมัติ
อุปนิสัยที่ 1 – การตั้งเป้าหมายรายวัน (Daily Goal Setting)
ก่อนนอนในแต่ละวัน ให้คุณจดเป้าหมายและสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องทำของวันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อย โดยให้คุณจดบันทึกลงในสมุดโน้ตทุกครั้ง โดยเมื่อคุณตื่นนอนตอนเช้าขึ้นมา คุณจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาคิดอีกว่า วันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง จะต้องทำอะไรก่อนอะไรหลัง เพราะคุณคิดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเรียบร้อยแล้ว และตั้งแต่คุณตื่นนอนขึ้นมา คุณก็จะมีเป้าหมายในหัว คุณจะคิดถึงเป้าหมายนั้นอยู่ตลอดเวลา คุณจะเริ่มต้นวางแผนตนเองแต่เช้าว่า จะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้เป้าหมายนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ให้คุณคิดถึงเป้าหมายในหัวทุกครั้งที่ที่กำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา จนเป้าหมายนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมา ดังคำกล่าวที่ว่า “You Are What You Think You Are” คุณจะกลายเป็นสิ่งที่คุณคิดว่าเป็น และผู้คนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จทุกคนนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนที่นึกถึงเป้าหมายของตนเองอยู่ตลอดเวลา
อุปนิสัยที่ 2 – มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ (Be Results Oriented)
หลังจากที่ตั้งเป้าหมายได้แล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำก็คือการสร้าง To Do List ว่ามีงานอะไรบ้างที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้เป้าหมายกลายเป็นจริง และสิ่งต่อมาที่เหล่าบรรดาผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงจะทำก็คือ การจัดเรียงลำดับความสำคัญของงานแต่ละงาน โดยแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภทคือ
- สำคัญและเร่งด่วน
- สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน
- ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน
- ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน
และหลังจากจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละงานได้แล้ว เคล็ดลับที่พวกเขาใช้ก็คือ พวกเขาจะตั้งคำถามกับตนเองว่า หากวันนี้สามารถเลือกทำงานได้เพียงหนึ่งอย่างจากรายการทั้งหมด พวกเขาจะเลือกทำงานใดให้สำเร็จเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โดยมีเวลาจำกัดเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น เพราะเดือนหน้าจะต้องไปทำธุระที่ต่างประเทศจนไม่สามารถทำงานนี้ได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น งานที่พวกเขาจะเลือกทำก็คือ งานที่ “สำคัญและเร่งด่วน” ซึ่งงานนี้แม้จะเป็นเพียงปริมาณ 20% ของงานทั้งหมดที่ต้องทำ แต่หากงานนี้ทำสำเร็จจะส่งผลให้เข้าใกล้เป้าหมายได้ถึง 80% เลยทีเดียว ดังนั้น จงตั้งใจและมีวินัยกับตนเองในการทำงานนี้จนกว่าจะเสร็จ ซึ่งเทคนิคนี้สามารถเปลี่ยนให้คนจนกลายเป็นคนร่ำรวยได้มาแล้วนักต่อนัก
อุปนิสัยที่ 3 – มุ่งเน้นที่บุคคล (Be People Oriented)
ความสำเร็จบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากคนอื่น ๆ โดยเฉพาะคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยอย่างมากนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ได้รับความร่วมมือจากคนอื่น ๆ ในการช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่ก่อนที่จะให้คนช่วยนั้น คำถามแรกที่ควรจะตั้งคำถามกับตนเองก่อนก็คือ เราสามารถช่วยเหลืออะไรกับใครได้บ้าง โดยมากแล้วการที่เราเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น ในท้ายที่สุดก็มีโอกาสสูงขึ้นที่ผู้อื่นจะกลับมาช่วยเหลือเราในวันใดวันหนึ่ง ดังนั้น จงให้ก่อนได้รับเสมอ
Brian Tracy ได้ยกตัวอย่างว่า หากมองในมุมของ Top Sale พวกเขาจะนึกถึงใจของลูกค้าก่อนว่า ลูกค้ามีความต้องการอะไร ลูกค้ามีปัญหาอะไร และตัวของนักขายเอง สามารถช่วยเหลือพวกเขาอย่างไรได้บ้าง แต่ในขณะที่นักขายที่ห่วยแตกนั้น จะนึกแต่เรื่องของตัวเองว่า ฉันอยากได้ยอดขายเยอะ ๆ ฉันสนใจแต่ยอดขายของฉันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งยิ่งคิดแบบนี้ ลูกค้าก็ยิ่งตีออกห่าง เพราะยิ่งคุยก็ยิ่งเหมือนกับว่า นักขายคนนั้นจะหวังแต่กอบโกยเงินจากพวกเขาเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจว่าสินค้าชิ้นนั้นมันมีประโยชน์อะไรบ้างกับตัวลูกค้า
ดังนั้นจงจำไว้ว่า “ยิ่งให้ยิ่งชนะ ยิ่งให้ยิ่งรวย”
อุปนิสัยที่ 4 – มุ่งเน้นที่สุขภาพ (Be Health Oriented)
หลายคนมุ่งแต่หาเงิน ทำงานหนัก ทำโอที เพื่อต้องการทำเงินให้มากขึ้น จนล้มป่วย แล้วสุดท้ายก็เอาเงินที่หามาได้นั้นหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าหมอ จนหมด ดังนั้นการมุ่งหาเงินเพียงอย่างเดียว จึงไม่ใช่คำตอบของความมั่งคั่งร่ำรวย ดังประโยคที่ว่า “ตายไปก็เอาเงินไปด้วยไม่ได้” ซึ่งทางเลือกที่ดีกว่าก็คือ ถ้าหากเป็นคนที่หาเงินเก่งแล้ว ก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยาวนานเพื่อใช้เงินนั้นด้วย
ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งร่ำรวยนั้น พวกเขาจะเอาใจใส่สุขภาพของตนเองเป็นอย่างมาก เพราะต่อให้มีเงินเยอะ บางโรคก็ใช้เงินรักษาไม่หาย และสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงนั้น ก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้ อยากได้ต้องสร้างเอาเอง โดยเริ่มต้นตั้งแต่การกินอาหารให้เป็นเวลา กินให้น้อยลงอย่ากินเยอะจนอ้วน และเลือกกินแต่อาหารที่ดีมีประโยชน์เช่นผักผลไม้ โดยให้เลี่ยงอาหารขยะอย่างฟาสต์ฟู้ด ต่อมาคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อร่างกายยิ่งมีแรงก็ยิ่งมีแรงทำงานหาเงินได้มากขึ้น ทำงานอะไรก็ทำได้อย่างเต็มที่ และสิ่งสุดท้ายที่หลายคนเมินหรือละเลยก็คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ หากเปรียบเทียบกับการขับรถ เราจะสังเกตได้ว่า นอกจากจะมีป้ายเตือนข้างทางว่า “เมาอย่าขับ” ยังมีอีกป้ายนึงด้วยก็คือ “ง่วงไม่ขับ” เพราะเมื่อนอนไม่พอแล้วพยายามไปขับขี่รถบนท้องถนน ความอันตรายและความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุนั้นก็ไม่แพ้คนเมาดี ๆ นั่นเอง ดังนั้น จงให้ความสำคัญกับการพักผ่อนอย่างเพียงพอในแต่ละวันเป็นเวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง แต่ที่สำคัญไปกว่าจำนวนเวลานอนก็คือ คุณภาพของการนอน โดยการนอนที่ได้คุณภาพนั้น จะต้องแวดล้อมไปด้วยความสงบ ไม่มีเสียงรบกวน ไม่มีมือถือคอยรบกวนแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถ้าเป็นไปได้ให้เอามือถือออกจากห้องนอนไปเลย ซึ่งถ้าหากใครกลัวว่าจะมีธุระด่วนกลางดึก ก็ให้บอกกับคนรอบ ๆ ตัวเอาไว้ว่าเลยว่า ถ้ามีเรื่องด่วนให้โทรมาได้เลย อย่ามัวเสียเวลาส่งข้อความ
อุปนิสัยที่ 5 – การมีวินัยในตนเอง (Self-Discipline)
การมีวินัยในตนเองนั้น ถือได้ว่าเป็นอุปนิสัยที่เป็นรากฐานสำคัญของอุปนิสัยอื่น ๆ ซึ่งถ้าหากใครมีข้อนี้แล้วนั้น จะทำให้อุปนิสัยอื่น ๆ ที่เหลือค่อย ๆ มาเองอย่างอัตโนมัติและเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเจ้าวินัยนี้มีความสามารถทำให้คุณลุกขึ้นไปทำในสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในเวลานั้นคุณจะอยากทำหรือไม่อยากทำก็ตามที แต่เจ้าวินัยก็จะส่งผลให้คุณทำสำเร็จจนได้
สุดท้ายนี้แชร์กันหน่อยครับว่า หาก ณ ตอนนี้คุณเลือกที่จะพัฒนาและสร้างอุปนิสัยใหม่ขึ้นมาสักอันหนึ่ง คุณจะเลือกสร้างอุปนิสัยอะไรกันบ้าง
Resources