Brian Tracy คือ นักธุรกิจ, นักพูดและนักเขียนด้านการพัฒนาตนเองชื่อดัง ที่ ณ ปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $15 ล้านเหรียญฯ หรือราว ๆ 500 ล้านบาท ได้มาแชร์เคล็ดลับในการฝึกการมีวินัยในตนเอง โดยคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงเขาทำกัน
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า หนึ่งในอุปนิสัยที่จะส่งผลให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จ นั้นก็คือ Self-Discipline หรือการมีวินัยในตนเอง และนอกจากนั้น เมื่อเรามีวินัยในตนเองเพิ่มมากขึ้น มันจะส่งผลดีต่อเรื่องอื่น ๆ อีกหลาย ๆ เรื่องตามมา แม้ว่าการที่คน ๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จอย่างสูงได้นั้น มักประกอบไปด้วยปัจจัยอื่น ๆ อีกเยอะแยะมากมาย แต่การมีวินัยในตนเองนั้น เป็นสิ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงนั้นมีกันทุกคน
ซึ่งการมีวินัยในตนเองนั้น จะส่งผลให้เราทำในสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่เราชอบหรือไม่ชอบก็ตามที แต่เราจะรู้อยู่แก่ใจว่า เรื่องเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายที่เราตั้งใจเอาไว้
และก็โชคดีที่เรื่องของการมีวินัยในตนเองนั้น เป็นเรื่องที่เราทุกคนสามารถฝึกฝนและเรียนรู้ที่จะทำให้มันดีขึ้นในทุก ๆ วันกันได้ จนมันสามารถกลายเป็นนิสัยติดตัวคุณให้ลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่างโดยอัตโนมัติ
เคล็ดลับที่ 1 – Time Blocking การล็อคเวลาเอาไว้
หากเรามักจะบ่นว่า ไม่ค่อยมีเวลา ดังนั้นก็ให้เราล็อคเวลาเอาไว้เลย โดยให้ล็อคเวลาในแต่ละวัน วันละ 15 นาที เพื่อโฟกัสงานที่เกี่ยวกับการทำเพื่อไปสู่เป้าหมาย โดยให้ล็อคเวลานี้เสมือนว่ามันเป็นการนัดหมายงานลงตารางปฎิทินเอาไว้ พอผ่านไป 1 เดือน คุณก็จะใช้เวลากับสิ่งนั้นถึง 7 ชั่วโมงกับอีก 30 นาที หรือใน 1 ปี คุณจะลงมือลงแรงในสิ่งนั้นกว่า 12×7.5 = 90 ชั่วโมงเลยทีเดียว
เคล็ดลับที่ 2 – Accountability Partner มีคู่หูร่วมเดินทาง
หาคู่หูที่รู้เป้าหมายของคุณเป็นอย่างดีและเขาก็ยินดีที่จะช่วยให้คุณโฟกัสในงานที่ทำเพื่อไปสู่เป้าหมาย โดยมีคู่หูของคุณคอยเช็คเป็นระยะ ๆ ว่าคุณกำลังอยู่ในร่องในรอยไม่เถลไถลออกนอกลู่นอกทาง และคุณก็สามารถช่วยพาร์ทเนอร์เฝ้าดูพวกเขาได้เช่นเดียวกัน
เพราะโดยธรรมชาติของคนเรานั้น ไม่อยากทำให้คนอื่นผิดหวังในตนเอง การที่เราไม่ยอมบอกเป้าหมายกับใครเก็บเอาไว้คนเดียว มันง่ายกว่ามากที่เราจะล้มเลิกความตั้งใจนั้นไป ลองบอกเป้าหมายของคุณกับใครสักคน จะเป็นเพื่อนซี้ เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนบนโซเชียลมีเดียก็ได้เช่นกัน
เคล็ดลับที่ 3 – Remove Temptation กำจัดสิ่งล่อตาล่อใจ
ในการเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นจำเป็นต้องใช้พลังและความพยายามเป็นอย่างมากในการขับเคลื่อน แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์เรานั้น ถูกออกแบบมาให้ยอมจำนวนต่อสิ่งเย้ายวนใจ เช่น หากเป้าหมายเราคือการลดน้ำหนัก แต่ในตู้เย็นเต็มไปด้วยน้ำอัดลม ขนมหวาน อาหารฟาสต์ฟู้ด มันก็ยากที่จะห้ามใจไม่ให้กินมันหลังจากที่ออกกำลังกายมาอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ถ้าเรานำสิ่งเย้ายวนนี้ออกไป มันจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นไปโดยอัตโนมัติ อารมณ์ประมาณว่าไม่มี ไม่กินก็ได้
หรือถ้าเป้าหมายเป็นการลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หากปกติแล้ว เมื่อเห็นเงินในบัญชียังเหลืออยู่ โดยธรรมชาติของคนเรานั้น ก็สามารถใช้เงินเหล่านั้นให้เกลี้ยงบัญชีได้ ดังนั้นหลังจากที่กันเงินเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้แล้ว ส่วนที่เหลือก็ให้คุณย้ายเงินไปเก็บบัญชีการออมหรือบัญชีการลงทุนไปเลย จะได้ไม่เผลอใช้เงินไปกับเรื่องที่เกินความจำเป็น เพราะพอบางทีเราเห็นโฆษณาของฟุ่มเฟือยอะไรสักอย่าง มือของเราก็มักจะลั่นกดสั่งซื้อไปซะทุกที แต่หากเงินในบัญชีใช้จ่ายถูกย้ายไปบัญชีการออมและการลงทุนหมดแล้ว เงินก็จะไม่พอช้อปปิ้ง คุณก็จะข้ามมันไปได้ง่ายกว่า และสามารถทำให้ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
เคล็ดลับที่ 4 – Remind yourself of your WHY? หมั่นถามตัวเองว่าทำมันไปทำไม?
คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและมีวินัยอย่างสูงที่ Brian Tracy รู้จักนั้น พวกเขาส่วนใหญ่มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และพวกเขาจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจทั้งหมดไปกับงานที่สำคัญที่สุดที่ส่งให้ก้าวไปสู่จุดหมายที่ตั้งใจเอาไว้ และพวกเขาจะไม่ยอมเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์กับงานที่ไม่ส่งผลต่อความสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจะตั้งคำถามกับตนเองอยู่เสมอว่า พวกเขายอมตรากตรำทำงานอย่างหนักไปเพื่ออะไร ก็เพื่อทำให้เป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้กลายเป็นจริง และจินตนาการว่าหลังจากที่ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ก็จะได้ลิ้มรสและดื่มด่ำกับโมเม้นท์นั้น
และก็ตั้งคำถามกับตนเองด้วยว่า หากทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ ชีวิตจะเป็นอย่างไร มันจะดีกว่าไหมถ้าตั้งใจให้มากพอ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง นั่นมันจะทำให้เกิดการโฟกัสและเกิดภาพเป้าหมายในหัวอย่างชัดเจนอยู่ตลอดเวลา
เคล็ดลับที่ 5 – Eat That Frog – จงกินกบตัวนั้นซะ!
Brian Tracy ได้เคยเขียนหนังสือที่ชื่อว่า Eat That Frog – จงกินกบตัวนั้นซะ! ในความหมายก็คือ จงทำงานที่ยากที่สุดให้เสร็จก่อน ราวกับต้องกินกบเป็น ๆ ทั้งตัว ที่อาจทำให้คุณพะอืดพะอมได้ และเมื่อคุณทำงานนั้นสำเร็จ งานอื่น ๆ จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันทีเมื่อเทียบกับงานแรกที่ยากที่สุดที่คุณสามารถทำมันเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว
Resources