ในการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ว่าจะเป้าหมายคุณจะเป็นการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพพันล้าน, ธุรกิจเอสเอ็มอีร้อยล้าน หรือขายของออนไลน์ให้ได้เงินล้านก็ตามที แม้ว่าปัจจัยในการสร้างธุรกิจให้เติบโตในแต่ละระดับนั้นจะแตกต่างกัน แต่แก่นในการทำธุรกิจก็ยังคงมีเหมือน ๆ กัน ซึ่งหากคุณเข้าใจในแก่นของมัน คุณก็มีโอกาสที่จะสร้างธุรกิจเงินล้าน, สิบล้าน, ร้อยล้าน, พันล้าน ขึ้นมาได้ และนี่คือ 5 เคล็ดลับที่ Dan Lok ใช้ในการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
เคล็ดลับที่ 1 – ความคิด (Mindset)
ผลลัพธ์เกิดจากการกระทำ การกระทำเกิดจากความคิด ดังนั้นหากต้องการให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่คุณตั้งใจเอาไว้ มันก็ต้องเริ่มต้นจากแนวความคิดที่คุณมีก่อน ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดในเรื่องของ ความเชื่อ, ทัศนคติ, ความคิดสร้างสรรค์, ข้อมูลเชิงลึก และที่สำคัญก็คือ ความคิดเหล่านั้น ต้องเป็นแนวคิดของผู้ประกอบการ หรือเรียกว่า Entrepreneurial Mindset เช่น มีความเชื่อในตัวธุรกิจของคุณ, มีความเชื่อในตัวคุณเองว่าเกิดมาเพื่อเป็นผู้ประกอบการ, มีความเชื่อในตัวของพนักงานและทีมงานที่สร้างขึ้น ซึ่งความเชื่อที่กล่าวมานี้จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าคุณยังมีแนวความคิดแบบพนักงานประจำ เพราะในฝั่งของนายจ้างและลูกจ้างนั้น ย่อมมีแนวคิดที่แตกต่างกันอยู่เสมอ เนื่องจากแต่ละคนมองต่างมุมกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องลาออกจากบริษัทแล้วมาเปิดธุรกิจของตนเองไปซะทั้งหมด เพราะในขณะที่เป็นลูกจ้างนั้น ก็สามารถมีแนวคิดเป็นผู้ประกอบการได้เช่นกัน ซึ่งคนเหล่านี้จะมองว่าตนเองนั้นเป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญหรือเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัท
เคล็ดลับที่ 2 – การจัดการ (Management)
Dan Lok บอกว่า สาเหตุที่ธุรกิจส่วนใหญ่ล้มเหลว เป็นเพราะบริษัทเหล่านั้น มักจะทำผิดพลาดในเรื่องของการจัดการต่าง ๆ ที่จำเป็นของบริษัท เช่น ผิดพลาดในการจัดการเรื่องของรายได้, ผิดพลาดในการจัดการเรื่องของกระแสเงินสด, ผิดพลาดเรื่องของการทำการตลาด หรือผิดพลาดในเรื่องของการจัดการกับพนักงานในบริษัท ซึ่งหากคุณไม่เรียนรู้ที่จะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ ธุรกิจก็ไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ คุณอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ขายดีจนเจ๊ง” ซึ่งที่มาของคำนี้ก็คือ แม้ว่าธุรกิจของคุณจะมียอดขายมหาศาลหลายนแสนหลายล้านก็ตามที แต่หากคุณไม่บริการการจัดการในการทำบัญชีแยกระหว่างบัญชีบริษัทกับบัญชีส่วนตัวของคุณเองแล้วล่ะก็ มันจะเกิดการใช้จ่ายจนไม่รู้ว่า เงินได้ไหลไปทางใดบ้าง เพราะคุณอาจจะเผลอดึงเงินจากบริษัท ที่แทนที่เงินก้อนนั้นจะต้องเก็บไว้ซื้อวัตถุดิบในการผลิตสินค้าล็อตต่อไป และคุณกลับดึงเงินไปกิน เที่ยว เล่น ส่วนตัวซะอย่างงั้น พอรู้ตัวอีกที ก็จะอารมณ์ประมาณว่า ไอ้ที่ขายได้เป็นแสนเป็นล้านเมื่อต้นเดือนเนี่ย เงินมันหายไปไหนหมดแว้
มีคำกล่าวที่ว่า “Management has to be learned, Leadership has to be earned” หมายถึง เมื่อคุณเรียนรู้และมีทักษะในการจัดการที่ดีมากพอ เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งคุณจะได้รับการยอมรับจากคนอื่นเพื่อให้คุณขึ้นเป็นผู้นำ
เคล็ดลับที่ 3 – การตลาด (Marketing)
Dan Lok เคยกล่าวเอาไว้ว่า ในฐานะที่ตัวคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ ตัวของคุณก็จะกลายเป็นนักการตลาดไปโดยปริยาย เพราะคุณมีหน้าที่ทำอย่างไรก็ได้ เพื่อโปรโมทให้คนอื่น ๆ รู้จักธุรกิจของคุณ เพราะธุรกิจมันไม่มีทางไปรอดได้เลย หากคุณไม่สามารถหาลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการของคุณได้
ดังนั้น การตลาด ความหมายเรียบง่ายของมันก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ให้ได้ ซึ่งลูกค้าใหม่ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต และในขณะที่ลูกค้าเดิมนั้น จะช่วยให้คุณมียอดขายที่มั่นคง
เคล็ดลับที่ 4 – การมีที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยง (Mentor)
ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรก็ตามบนโลกนี้ ที่คุณอาจจะคิดเอาเองว่าคุณทำมันเป็นคนแรก แต่เปล่าเลย อะไรก็ตามที่คุณคิดจะทำบนโลกนี้ มันมีคนที่คิดและทำมาก่อนคุณแล้วแทบทั้งสิ้น ซึ่งมันมีโอกาสน้อยมาก ๆ (ถึงมากที่สุด) ที่คุณจะคิดขึ้นเป็นคนแรกสุดจริง ๆ ของโลก
ดังนั้น แทนที่คุณจะเริ่มต้นจากศูนย์และเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตนเอง คุณสามารถเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์มาก่อนคุณได้ ซึ่งนั่นมันจะช่วยให้ย่นระยะเวลาให้คุณได้อย่างมหาศาล เพราะผลลัพธ์บางอย่างอาจกินเวลาหลายปีที่กว่าจะรู้ว่ามันเวิร์คหรือไม่เวิร์ค แต่คุณสามารถปรึกษาพี่เลี้ยงได้ในการคุยกันไม่กี่ประโยคว่า แบบไหนเวิร์คหรือไม่เวิร์ค ซึ่งโจทย์ในข้อนี้ที่คุณต้องทำต่อก็คือ “แล้วเราจะหาเลี้ยงจากไหน?” หรือ “ใครจะยอมมาเป็นพี่เลี้ยงให้เรา?” ซึ่งผู้เขียนเอง เคยได้รับคำแนะนำจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงได้สอนเอาไว้ว่า “ให้เริ่มต้นจากการลงทุนในตนเองก่อน แล้วแสดงให้โลกเห็นว่า ทำไมคนอื่น ๆ จึงต้องหันมาลงทุนในตัวคุณและบริษัทของคุณ”
เคล็ดลับที่ 5 – จงคบหากับผู้มีสติและปัญญา (Mastermind)
มีคำกล่าวที่ว่า “ตัวคุณนั้น คือค่าเฉลี่ยของคนอีก 5 คน ที่คุณใช้เวลาด้วยมากที่สุด” ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความคิด, รายได้, รถ, บ้าน หรือครอบครัว คุณก็จะไม่หนีกันมากกับอีก 5 คนที่เหลือ ซึ่งหากคุณพบว่า ณ ปัจจุบัน ตัวคุณนั้นมีสติและปัญญาอยู่ในเกณฑ์สูงที่สุดในกลุ่ม 5 คน นั่นคือ คุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นที่เรียบร้อย เพราะนั่นหมายถึง คนที่เหลือ กำลังฉุดคุณให้อยู่ในค่าเฉลี่ยของพวกเขา ดังนั้น หน้าที่ของคุณก็คือ คุณจำเป็นที่จะต้องพาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มคนที่มีสติและปัญญาที่มากกว่าคุณ เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะผลักดันคุณให้เติบโตและก้าวหน้าในระดับเดียวกับพวกเขา แต่ก็ด้วยกฏค่าเฉลี่ยเหมือนเดิม หากคุณไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนที่มีสติและปัญญาที่สูงกว่าคุณได้ นั่นแสดงว่า “ตัวคุณเองนั้น” กำลังจะฉุดพวกเขาลงมาเช่นกัน ดังนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องผลักดันตัวเองอย่างเต็มกำลังเพื่อให้เป็นหนึ่งในค่าเฉลี่ยของคนเหล่านั้นให้จงได้ แล้วชีวิตของคุณก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
Resource