Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Money

รู้ก่อน รวยก่อน 50 สัจธรรมเรื่องเงิน ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ โดย Ramit Sethi

Ramit Sethi นักธุรกิจชาวอเมริกัน-อินเดีย ที่ปรึกษาการเงิน และนักเขียน Bestsellers เจ้าของผลงานเขียนชื่อดังอย่าง I will teach you to be rich : ผมจะสอนให้คุณรวย เขาจะแบ่งปันบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับเงินที่ตัวของเขาเองก็อยากรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

และนี่คือเนื้อหา “50 ความจริงเกี่ยวกับเงินที่น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว”

  1. คุณไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นในหนึ่งชีวิตนี้ (You don’t have all the time in the world)
    ยิ่งคุณเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ ชีวิตก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น อย่ารอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยเริ่ม แต่จงเริ่มต้นตอนนี้เลย จงวางรากฐานการงาน การเงินให้แน่นเสียตั้งแต่วันนี้ แล้วชีวิตในอนาคตจะสบายขึ้นมาก
  2. ไม่มีทางลัดในการสร้างความมั่งคั่ง (There are no shortcuts to building true wealth)
    ความมั่งคั่งไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลา ความอดทน และความมีวินัย เป็นอย่างมาก มันไม่มีสูตรลับใด ๆ มีแต่การลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
  3. ข้อมูลมากมายไม่ได้ทำให้คนเปลี่ยนแปลง (Beating people over the head with more information will not get them to change)
    แค่บอกข้อมูลหรือสถิติว่าคนรวยส่วนใหญ่อ่านหนังสือปีละ 50 เล่ม นั้น ไม่ได้ทำให้ทุกคนอยากทำตาม เพราะถ้าคนฟังพวกเขายังไม่เห็นความสำคัญหรือไม่รู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับตัวเอง ข้อมูลเหล่านั้นก็ไม่มีผลอะไรต่อชีวิติของพวกเขา ดังนั้น ถ้าอยากให้คน ๆ นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง ต้องเริ่มจากการเชื่อมโยงข้อมูลกับเป้าหมายหรือความฝันของพวกเขา
  4. จงสนุกกับการใช้ชีวิตให้มากขึ้น (Have more fun)
    ตัวของเงินนั้นมันไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่เงินนั้นมันทำให้คุณได้ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ได้อย่างมากมาย ได้ใช้ชีวิตแบบที่คุณต้องการ จงใช้มันเพื่อเติมเต็มชีวิตให้สนุกมากยิ่งขึ้น
  5. ทุกสิ่งทุกอย่างมีเวลาที่เหมาะสมของมัน (There’s a time and a place)
    บางอย่างเหมาะจะทำตอนที่อายุน้อยอยู่ เช่น สะพายเป้เที่ยวรอบโลก แต่ลองคิดดูสิว่าในวัย 50 ปี คุณคงไม่อยากทำแบบนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นก็จงใช้เงินเพื่อทำตอนนี้เลย
  6. ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ (You don’t have to get things perfect)
    จงอย่ารอให้ทุกอย่างเพียบพร้อม เพราะถ้ารอวันนั้นมันจะไม่มีวันเริ่มต้นสักกะที ให้เริ่มลงมือทำเลยเสียตั้งแต่ตอนนี้ แม้ว่าทำผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไร ค่อย ๆ ปรับปรุงแก้ไขไปทีละนิด แล้วคุณจะเก่งขึ้นเอง
  7. จงใช้เงินเพื่อสนับสนุนตัวตนที่คุณอยากเป็น (Think about who you want to be and start spending money on it now)
    คุณอยากเป็นคนแบบไหน? ก็ให้เริ่มลงทุนกับตัวเองเลย ถ้าอยากหุ่นฟิต? ก็ให้ไปสมัครฟิตเนส จ้างเทรนเนอร์เดือนละครั้ง แล้วค่อย ๆ เพิ่มอย่างอื่นเข้ามาทีหลังอีกที
  8. มีเงินสำรองเพื่อคว้าโอกาส (Have a big cash reserve to seize opportunities)
    โอกาสดี ๆ มักมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ถ้าคุณมีเงินพร้อม คุณจะคว้าโอกาสนั้นได้ในทันที จงเตรียมพร้อมคว้าโอกาสอยู่เสมอ
  9. ให้สร้างความมั่นคงในชีวิตทั้งสามด้าน (Create a tripod of stability)
    ด้านแรกความสัมพันธ์ดี ด้านที่สองงานที่ใช่ และด้านที่สามมีบ้านที่อบอุ่น ซึ่งสามอย่างนี้แหละ จะเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับชีวิต เพราะเมื่อฐานของคุณแข็งแรง คุณจะกล้าเสี่ยงและเติบโตได้มากขึ้น
  10. คุยเรื่องเงินกับแฟนตั้งแต่เนิ่น ๆ (Talk about money early in your relationship)
    เพราะเรื่องเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่ารอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วค่อยพูด จงเปิดใจคุยเรื่องเงินกันตั้งแต่แรกกับคนที่คุณกำลังคบหาด้วย เพื่อความเข้าใจและความสบายใจในระยะยาว
  11. ยิ่งคุณหาเงินได้มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเป็นคนใจกว้างได้มากเท่านั้น (The more you make, the more generous you can be)
    การมีเงินเยอะ ๆ ไม่ได้แค่ทำให้คุณภาพชีวิตของคุณดียิ่งขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่การมีเงินเยอะยังช่วยให้คุณสามารถแบ่งปันและช่วยเหลือคนอื่นได้มากขึ้นด้วย จงใช้โอกาสนี้ในการทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนรอบตัว และสังคม
  12. จงทำความคุ้นเคยกับการสูญเสียเงิน (Get used to waste)
    ไม่มีใครทำทุกอย่างได้แบบเป๊ะ ๆ หรอก ซึ่งการเสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเรื่องปกติ อย่าไปเครียดกับมันมากจนเกินไป แต่ก็อย่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องบานปลาย
  13. คุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่คนอื่นทำเสมอไป (You don’t have to do what everyone else is doing)
    คุณไม่จำเป็นต้องซื้อบ้าน จัดงานแต่งงาน หรือมีลูก ๆ ตามใคร ๆ เพราะหลายคนก็ชอบการอยู่คนเดียวมากกว่า จงเลือกใช้ชีวิตในแบบที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง เพราะชีวิตของคุณ คุณต้องเลือกเอง!
  14. ลองใส่เสื้อผ้าที่คุณชอบก่อนดูป้ายราคา (Try on the clothes you love before you look at the price tag)
    ให้เลือกสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองก่อน แล้วค่อยดูว่ามันเหมาะกับงบประมาณของคุณหรือไม่ เพราะความสุขนั้นมันสำคัญกว่าราคา
  15. อย่าใช้บริการมินิบาร์ในตู้เย็นของโรงแรม (This is just my own lesson: don’t use the mini bar)
    เพราะขนมกับน้ำในมินิบาร์นั้นแพงเว่อร์ ให้เดินไปร้านสะดวกซื้อข้างนอกจะดีกว่า ให้ประหยัดเงินไว้ทำอย่างอื่น
  16. เปิดใจรับผู้คนที่หลากหลายและวิถีการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเรา (Expose yourself to different people and ways of living)
    จงอย่าปิดกั้นตัวเอง ให้ลองคุยกับคนที่คิดต่างจากคุณ เรียนรู้วิธีการใช้เงินและการใช้ชีวิตของพวกเขา คุณอาจจะได้ไอเดียดี ๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อนก็เป็นได้
  17. จงระวังคนที่คุณได้รับคำแนะนำมา (Be careful who you take advice from)
    ให้ฟังคำแนะนำจากคนที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ ในด้านนั้น ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่เอาแต่พูดแต่กลับไม่มีประสบการณ์จริง เพราะชีวิตคุณสำคัญเกินกว่าจะเชื่อใครง่าย ๆ
  18. จงยอมรับความจริงและเตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า (Acknowledge reality and prepare ahead)
    ถ้ารู้ว่าสักวันหนึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายก้อนโต เช่น งานแต่งงาน ก็ให้เริ่มเก็บเงินไว้เลยตั้งแต่วันนี้ แม้จะยังไม่เจอตัวเจ้าสาวก็ตามที
  19. จงระวังคำพูดของตัวเอง (Monitor your language)
    เพราะคำพูดนั้นส่งผลต่อความคิด ถ้าคุณพูดว่าตัวเองทำไม่ได้ คุณก็จะทำมันไม่ได้จริง ๆ จงพูดในสิ่งที่ทำให้ชีวิตของคุณก้าวหน้าขึ้น
  20. อย่าให้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาควบคุมหรือกำหนดการตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ (Don’t let the tail wag the dog)
    ตัวอย่างเช่น การตัดสินใจย้ายบ้านเพียงเพราะค่าครองชีพในถิ่นนั้น ๆ ถูกกว่า ซึ่งมันอาจไม่เหมาะสมกับเป้าหมายหรือความต้องการจริง ๆ ของคุณ
  21. บางสิ่งคุ้มค่าที่จะจ่ายแพง (Certain things are worth paying a lot for)
    จงอย่ากลัวที่จะลงทุนกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น เช่น เสื้อผ้าดี ๆ บุคลากรเก่ง ๆ หรือประสบการณ์สุดพิเศษ ถ้ามันคุ้มค่าสำหรับคุณ ก็จัดไปเลยอย่าให้เสีย
  22. บางสิ่งก็ไม่คุ้มค่าที่จะจ่ายแพง (Some things are not worth paying a lot for)
    เพราะค่าใช้จ่ายบางอย่างไม่จำเป็นต้องเสียแพง ๆ เลย เช่น ค่าธรรมเนียมกองทุนที่โหด ๆ ที่คุณสามารถจัดการเงินด้วยตัวเองได้ หรือหาทางเลือกที่ดีกว่า แล้วนำเงินที่ประหยัดได้นั้นไปใช้ในเรื่องอื่นที่คุ้มค่ากว่า
  23. นำเงินที่ประหยัดได้เอาไปลงทุน (If you save money on unnecessary expenses, invest the difference)
    โดยเงินที่คุณสามารถประหยัดได้จากการไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ให้เอาไปลงทุนเพราะเงินจะได้งอกเงย ดีกว่าเอาไปใช้กับของที่ไม่จำเป็น
  24. การเป็นหนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องปกติ (It’s not normal to carry credit card debt)
    การที่ใครสักคนเป็นหนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องปกติของคนธรรมดาทั่วไป จงรีบจัดการหนี้ให้หมด แล้วใช้บัตรเครดิตอย่างมีสติ
  25. ให้ทำสิ่งต่าง ๆ ตามความสามารถทางการเงินของคุณ (Do things at the level you can afford)
    อย่าฝืนทำอะไรที่มันเกินตัว ซึ่งถ้าตอนนี้งบประมาณคุณยังไม่ถึง ก็ให้เลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองไปก่อน พอฐานะดีขึ้น ค่อยขยับขยายกันอีกที
  26. กำหนดให้งบประมาณแบบไม่จำกัดสำหรับบางสิ่งบางอย่าง (Decide where you want an unlimited budget)
    ให้เลือกสิ่งที่คุณรักแล้วจัดงบให้เต็มที่ ซึ่งสำหรับ Ramit คือเรื่องของหนังสือ ถ้าเขาอยากอ่านเล่มไหนก็ซื้อเลย เพราะมันคือการลงทุนกับตนเอง
  27. การเช่าบ้านอาจดีกว่าการซื้อบ้าน (Renting can be a better financial decision than buying)
    ซึ่งการเช่าบ้านไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป เพราะถ้าคำนวณแล้วคุ้มกว่า ก็เช่าไปเถอะ อย่าไปยึดติดว่าจะต้องซื้อบ้านอย่างเดียวเท่านั้น
  28. พูดคุยเรื่องเงินกับภรรยาหรือสามีนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก (Talking about money with your partner is not weird)
    ให้เปิดใจคุยเรื่องเงินกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้วางแผนชีวิตไปในทิศทางเดียวกัน อย่ารอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วค่อยคุย
  29. อย่าหลงกลไปกับสิ่งที่คุณเห็นเพียงผิวเผิน (Don’t be misled by what you see on the surface)
    เพราะบางคนที่ใช้เงินเยอะ พวกเขาอาจมีหนี้ท่วมหัวก็เป็นได้ จงอย่าไปเปรียบเทียบตัวคุณเองกับใคร ๆ ให้สนใจเฉพาะเรื่องของตัวคุณเองจะดีกว่า
  30. กำไรจากการขายบ้านไม่ได้หมายความว่าได้กำไรจริง ๆ (Just because people say they made money on their house doesn’t mean they actually did)
    การขายบ้านแล้วบอกได้กำไรนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณอาจลืมคิดค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าซ่อมบำรุง ค่านายหน้า หรือดอกเบี้ยเงินกู้ คุณต้องคิดให้ครบถ้วนกระบวนการก่อนแล้วค่อยบอกว่ากำไรจริง ๆ นั้นเหลือเท่าไหร่
  31. อย่าพูดถึงความมั่งคั่งรุ่นต่อรุ่นหากคุณยังมีหนี้ก้อนโตอยู่ (Don’t talk about generational wealth when you are in massive debt)
    ถ้าคุณยังมีหนี้ก้อนโต อย่าเพิ่งฝันไกลถึงการสร้างความมั่งคั่งในรุ่นต่อ ๆ ไปของตระกูล จงจัดการหนี้ให้หมดก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องการลงทุนในระยะยาว
  32. เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นลงทุนคือวันนี้ (The second best time to start investing is today)
    แม้ว่าเวลาที่ดีที่สุดในเริ่มต้นลงทุนอาจเป็นเมื่อหลายปีก่อน แต่การเสียดายไปมันก็ไม่ช่วยอะไร จงเริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้เลย ดีกว่ารอไปเรื่อย ๆ แล้วก็ไม่ได้เริ่มสักกะที
  33. จงเฉลิมฉลองกับทุกก้าวของความสำเร็จ (Celebrate the journey)
    ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดความสำเร็จใหญ่ ๆ แล้วค่อยฉลอง ซึ่งทุกความก้าวหน้าเล็ก ๆ ก็ควรจัดฉลองบ้าง เพื่อเติมพลังใจให้มีแรงก้าวต่อไป
  34. อย่าเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย (Don’t be a doomer)
    ถ้าคุณมัวแต่คิดลบ ทุกอย่างรอบตัวก็จะดูแย่ไปหมด ให้มองหาโอกาสและมองโลกในแง่ดีบ้าง มันจะทำให้ชีวิตคุณสดใสขึ้นเยอะเลย
  35. ระวังตัวชี้วัดปลอม ๆ (Beware of fake metrics)
    คนที่อวดอ้างว่าตนเองนั้นอ่านหนังสือได้ปีละ 100 เล่ม หรือมีโชว์ว่ามีลูกน้องเยอะ ๆ นั้น ก็ไม่ได้แปลว่าเขาคนนั้นประสบความสำเร็จจริง ๆ
  36. งานประจำ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นนั้นไม่ใช่งานของคนขี้แพ้ (9-to-5 jobs are not for losers)
    อย่าไปเชื่อที่ใครต่อใครมักบอกว่างานประจำมันงานที่น่าเบื่อ เพราะงานประจำก็คืองานที่มั่นคงและสามารถสร้างรายได้ ได้เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญคือคุณทำงานเหล่านั้นให้มันได้ดีแค่ไหนมากกว่าต่างหาก
  37. การพูดว่าตัวคุณกำลังลำบากนั้นมันเป็นเรื่องปกติ (It’s okay to talk about where you’re struggling)
    คุณไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องทุกอย่างเอาไว้คนเดียว ให้ลองเปิดใจพูดถึงความท้าทายบ้าง มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจและพร้อมช่วยเหลือคุณมากขึ้น
  38. สิ่งที่ทำให้คุณมาถึงตรงจุดนี้ได้นั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่จะพาคุณไปต่อได้เสมอไป (What got you here won’t get you there)
    เพราะทักษะหรือวิธีคิดแบบเดิม ๆ อาจไม่สามารถพาคุณไปต่อได้ไกลกว่านี้ จงเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
  39. ให้ของขวัญกับตัวเองในช่วงเวลาที่น่าจดจำปีละครั้ง (Give yourself the gift of at least one moment of true awe every year)
    ให้คุณใช้เงินไปกับการหาเวลาทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกทึ่งหรือตื่นเต้นบ้าง มันคือของขวัญที่สำคัญในการเติมเต็มชีวิต
  40. อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง (Don’t just think of I and me)
    จงใช้เงินและความสำเร็จของคุณเพื่อช่วยเหลือคนรอบข้างและสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมบ้าง มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น
  41. อย่าซื้อของเพียงเพราะคิดว่าคุณสมควรได้รับ (Don’t buy something just because you think you deserve it)
    การแค่คุณรู้สึกว่า “ฉันควรได้รับสิ่งนี้” มันไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องซื้อมันเสมอไป เพราะถ้าคุณยังจ่ายมันไม่ไหว ก็อย่าเพิ่งซื้อ ดังนั้น จงรู้จักตัวเลขทางการเงินของตัวเองและใช้จ่ายอย่างมีสติ
  42. จงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพักผ่อน (Become an expert in leisure)
    แม้คุณจะชอบการทำงานหนัก แต่คุณก็ต้องรู้จักพักผ่อนให้เป็นด้วย จงใช้เวลาไปกับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดี ไม่ใช่แค่ทำงานแล้วเฝ้ารอแต่วันหยุด จงใช้ชีวิตให้คุ้ม
  43. เปลี่ยนความคิดลบให้เป็นบวก (Reframe your negative thoughts)
    จงหยุดพูดว่า “ฉันทำไม่ได้” แล้วเปลี่ยนเป็น “ตอนนี้ฉันยังไม่เก่ง แต่ฉันกำลังเรียนรู้” เพราะทัศนคติที่ดีจะพาชีวิตคุณไปได้ไกลกว่าที่คุณเคยคิดเอาไว้
  44. บางคนเต็มใจที่จะถูกหลอก เพราะไม่อยากทำงานหนัก (Some people will willingly get scammed because they don’t want to do the hard work)
    เพราะมันไม่มีทางลัดสู่ความรวยแบบง่าย ๆ หรอก อย่าหลงกลพวกหลอกขายฝัน ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ต้องลงมือทำเอาเอง
  45. คูณสองหรือคูณสามค่าใช้จ่ายก้อนโต (Double or triple big expenses)
    ถ้าหากคุณคิดที่จะไปท่องเที่ยวหรืออยากที่จะจัดงานแต่งงาน Ramit ก็บอกตรงนี้เอาไว้เลยว่า คุณจะได้ใช้เงินมากกว่าที่คิดคำนวณเอาไว้เสมอ เพราะฉะนั้นให้ทำการคูณสองหรือคูณสามของงบประมาณที่เคยตั้งเอาไว้เลย จะได้ไม่พลาด
  46. เรียนรู้ที่จะพูดว่าคำว่า “ไม่” (Learn to say “no”)
    บางครั้งพูดปฏิเสธบ้างก็ได้ ไม่ใช่ตอบตกลงไปซะทุกอย่าง เช่น “ขอโทษนะ ฉันยังไม่พร้อมไปในทริปนี้ เพราะฉันกำลังโฟกัสกับการเก็บเงินอยู่” ซึ่งมันเป็นคำสื่อสารที่เข้าใจได้ง่ายและไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร
  47. ชื่นชมและขอบคุณผู้คนอย่างจริงใจ (Take a second and appreciate people)
    เวลาที่มีคนทำอะไรดี ๆ ให้คุณ อย่าลืมขอบคุณพวกเขาเหล่านั้นอย่างจริงใจ เพราะการแสดงความขอบคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมา
  48. หากไม่สามารถชำระหนี้บัตรเครดิตเต็มจำนวนได้ จงอย่าใช้บัตรเครดิต (If you can’t pay it off next month, don’t use your credit card)
    ถ้าคุณรู้ว่าเดือนหน้าไม่มีจ่ายบัตรเครดิตเต็มจำนวน ก็อย่าเพิ่งรูดบัตรเครดิต ให้รอเก็บเงินให้พอก่อนแล้วค่อยใช้ จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้โดยไม่จำเป็น
  49. คนที่คุณรักจะจำได้ว่าใครเคยช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ในยามลำบาก (Your loved ones remember who steps up when they need help)
    ช่วงเวลาที่ยากลำบากคือช่วงที่คนรอบข้างต้องการคุณจริง ๆ แสดงออกด้วยการช่วยเหลือ แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาก็จะจดจำเหตุการณ์นั้นได้
  50. ไม่มีใครสนใจ จนกว่าคุณจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าควรได้รับสนใจ (Nobody cares, so show them in a way that makes them care)
    เพราะคนอื่นไม่สนว่าคุณเหนื่อยแค่ไหน พวกเขาแค่อยากรู้ว่าคุณช่วยอะไรพวกเขาได้บ้าง จงแสดงให้เห็นว่าคุณมีคุณค่าและทำให้พวกเขาสนใจในตัวคุณ

และทั้ง 50 ข้อเกี่ยวกับเรื่องของการเงินที่หากรู้เร็วกว่านี้ ชีวิตก็คงจะเปลี่ยนไปอีกเยอะเลย แต่ข่าวดีก็คือ… คุณยังไม่สายที่จะเริ่ม!

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ตอนนี้คือเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นจัดการเงินอย่างจริงจัง ลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ ที่จะพาคุณไปสู่ชีวิตที่มั่งคั่งและมีความสุขอย่างแท้จริง

จำไว้ว่า ความมั่งคั่งไม่ใช่แค่เรื่องเงินในบัญชี แต่คือการมีชีวิตที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ดี ๆ ความสัมพันธ์ที่มีความหมาย และความสุขในแบบของคุณเอง

โดย Ramit Sethi

Resources