คุณรู้หรือไม่ว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งหน้าที่การงาน การเงินและเรื่องส่วนตัวนั้น ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขามักมีอะไรที่เหมือน ๆ กัน ซึ่งหากคนภายนอกมองเห็นเพียงแค่เบื้องหน้าที่พวกเขาประสบความสำเร็จแล้ว ก็ดูเหมือนจะเป็นโลกที่สวยหรู แต่หากต้องการเจาะลึกเบื้องหลังอย่างจริงจังว่า พวกเขาทำอย่างไร ถึงนำพาตัวเองจากคนโนเนมหรือไม่มีแต้มต่ออะไรในชีวิต แล้วก้าวขึ้นสู่ตัวท็อปในสายอาชีพของตนเองได้อย่างสง่าผ่าเผย และนี่คือ 7 สัญญาณที่บ่งบอกว่า ในอีกไม่ช้าคุณก็จะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิตได้เช่นกัน
สัญญาณที่ 1 – มีความกระหายในการแข่งขัน (Super Competitive)
หลาย ๆ คน อาจะเห็น Michael Jordan เป็นตำนานของบาส NBA อย่างทุกวันนี้ ที่นอกจากจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพแล้ว เขายังประสบความสำเร็จในการเป็นนักธุรกิจ ที่สามารถกินค่า license จากรองเท้าบาสเกตบอลของ NIKE ในชื่อรุ่น Air Jordan ที่ทั้งชีวิตนี้ใช้เท่าไหร่ก็ใช้ไม่หมดนั้น
อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นนั้น เขามีความสามารถโดดเด่นด้านกีฬาหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น เบสบอล, อเมริกันฟุตบอล, บาสเกตบอล ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะเล่นเบาสเกตบอลอย่างจริงจังก็คือ วันที่เขาไม่ผ่านการคัดตัวของทีมบาสฯ โรงเรียน ซึ่งโค้ชได้พูดกับเขาเอาไว้ว่า “อย่างนายก็เป็นได้แค่เด็กเก็บบอลข้างสนามเท่านั้นแหละ!” และจากคำพูดของโค้ชคนนั้น ก็ทำให้ Michael Jordan ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า เขาจะต้องเป็นนักบาสฯ ที่เก่งที่สุดในโลกให้จงได้ ซึ่งเขาได้หมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก และสามารถพิสูจน์ให้โค้ชโรงเรียนคนนั้นเห็นว่า พวกเขาคิดผิด เพราะเมื่อ Michael Jordan เข้าศึกษาระดับชั้นมหาวิทยาลัย เขาสามารถนำพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
และเมื่อ Michael Jordan เข้าสู่การเป็นนักบาสมืออาชีพในปี 1984 ที่ถูกผู้คนคาดหวังเอาไว้สูงมากกว่าเขาจะต้องเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สามารถนำพาทีมคว้าแชมป์ได้ แต่จนแล้วจนรอด หลังจากที่เขาเข้าสู่ทีม Chicago Bulls ได้ 7 ปีเข้าไปแล้ว แต่ทีมก็ยังไม่เคยได้แชมป์เลยสักกะที จนกระทั่งในปี 1991 เขาก็สามารถพาทีม Chicago Bulls คว้าแชมป์ได้สำเร็จ และสามารถคว้าแชมป์ติดต่อกันได้ถึง 3 สมัยซ้อน
และหลังจากนั้น เขาก็คิดว่าเขามาถึงจุดสูงสุดของสายอาชีพแล้ว ในปี 1993 จึงได้ประกาศที่จะเลิกเล่นบาสฯ แล้วหันไปเอาดีด้านเบสบอลแทน จนกระทั่งผ่านไป 2 ปี ในปี 1995 เขาก็กลับมาลงเล่นบาสเกตบอลอีกครั้งหนึ่งกับทีมสุดรักทีมเดิมอย่าง Chicago Bulls แต่ก็ไม่สามารถนำพาทีมคว้าแชมป์ได้ จนทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หมดเวลาของ Michael Jordan แล้ว เขาจึงได้รับแรงผลักดัน ซึ่งส่งผลให้เขาฝึกซ้อมตัวเองอย่างหนัก และผ่านไป 1 ปี ในปี 1996 นั้น เขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง และสามารถคว้าแชมป์ได้ 3 ปีต่อเนื่องอย่างที่เขาเคยทำได้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งกลายเป็นว่า เขาสามารถคว้าแชมป์ NBA ได้ถึง 6 สมัย ที่ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้
และ Michael Jordan ก็คือหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ที่มีความกระหายในการแข่งขันเพื่อเป็นที่ 1 ในสายอาชีพของตนเอง
สัญญาณที่ 2 – เมื่อเริ่มต้นทำอะไรแล้วต้องทำให้เสร็จ (Finish Things)
ลักษณะของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งที่พวกเขามีเหมือน ๆ กันก็คือ เมื่อพวกเขาเริ่มต้นลงมือทำอะไรบางอย่างแล้ว พวกเขาจะต้องทำมันให้เสร็จสิ้นจนได้ เช่น หากเริ่มต้นต่อจิ๊กซอว์แล้ว ก็จะต้องต่อจนภาพสมบูรณ์, หากเริ่มเล่นวีดีโอเกมแล้ว ก็จะต้องเล่นจนจบเกมให้ได้ หรือหากเริ่มต้นอ่านหนังสือแล้ว ก็จะต้องอ่านหนังสือให้จบเล่มในเวลาอันรวดเร็ว และเช่นกัน หากเริ่มต้นทำงานอะไรสักอย่างแล้วพวกเขาจะต้องปิดจ็อบนั้นให้ได้ ซึ่งพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยผลัดวันประกันพรุ่งโดยทิ้งเวลาไปอย่างสูญเปล่า
สัญญาณที่ 3 – จงรายล้อมไปด้วยคนที่เจ๋งกว่าคุณ (Surrounded by people who are better than you)
คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าเล่น ๆ ที่ว่า จริง ๆ แล้วตัวคุณเอง คือค่าเฉลี่ยของคนอีก 5 คนที่คุณใช้เวลาด้วยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้าน การงาน, การเงิน, ชีวิต, ครอบครัวหรือไลฟ์สไตล์ ก็จะไม่หนีกันมาก ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบว่า ตัวคุณเองนั้นเจ๋งที่สุดในกลุ่มแล้วล่ะก็ นั่นแสดงให้เห็นถึงว่า ตัวคุณนั้นกำลังเจอกับวิกฤตเข้าให้แล้ว เพราะหากคุณเก่งที่สุดในกลุ่ม คุณก็ยากที่จะนำพาตัวเองให้เก่งมากขึ้นกว่านี้ เพราะคุณแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ทุกคนก็ต่างพากันยกยอปอปั้น ชื่นชมคุณอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้าอยู่เสมอ
หากคุณนำพาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มของคนที่เก่งที่เจ๋งกว่าคุณ คุณจะเริ่มเห็นเส้นทางการพัฒนาตนเอง เพื่อให้ตัวเองนั้น เป็นหนึ่งในค่าเฉลี่ยของคนเหล่านั้นให้จงได้ เพราะชีวิตของคนเรานั้นมีอยู่อย่างจำกัด หากชีวิตคุณเลือกได้ คุณก็คงเลือกที่จะอยู่ในสังคมที่ดี ที่เก่ง ที่เจ๋ง ที่จะนำพาให้คุณภาพชีวิตของคุณดีขึ้นอย่างแน่นอน
สัญญาณที่ 4 – เป็นคนที่ไม่เคยหยุดคิด (Mind Never Stops)
ระหว่างคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลากับเป็นคนฟุ้งซ่านนั้น ดูเหมือนจะมีเส้นบาง ๆ กั้นเอาไว้ แต่หากจะสื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือ เป็นคนที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับตนเองในด้านบวกอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น
- ทำอย่างไรฉันถึงจะมีสุขภาพที่ดี
- ทำอย่างไรฉันถึงจะตื่นนอนแต่เช้าตรู่
- ทำอย่างไรฉันจึงจะสามารถเรียนได้ดีกว่านี้
- ทำอย่างไรฉันจะสามารถทำงานได้ดีกว่านี้
- ทำอย่างไรฉันถึงจะมีรายได้มากขึ้นกว่านี้
สัญญาณที่ 5 – เป็นคนที่ผู้อื่นนึกถึงเป็นอับดับแรกในเรื่องนั้น ๆ (Top of Mind)
คุณเองอาจจะคิดน้อยเนื้อต่ำใจที่เมื่อมีใครสักคนถามคุณว่า คุณถนัดเรื่องอะไรหรือเก่งอะไรเป็นพิเศษกว่าคนอื่น ๆ บ้าง ซึ่งหากถามตัวคุณเอง คุณก็อาจจะไม่ได้คำตอบที่ดีเท่ากับให้คุณพูดถึงตัวคุณ ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งทักษะที่คุณมีอยู่นั้นที่คุณอาจมองมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่กับคนอื่นกลับมองคุณว่าคุณเจ๋งในเรื่องนั้นมาก ๆ เช่น
- คนอื่นบอกคุณว่าคุณแม่งเจ๋งว่ะ ที่สามารถสร้างสูตรตาราง Excel ได้ภายในไม่กี่วินาที
- คนอื่นบอกคุณว่า คุณร้องเพลงเพราะนะ คิดว่าน่าจะลองไปลงประกวดดูกับเขาบ้าง
- คนอื่นบอกคุณว่า คุณเตะบอลเก่งมาก ลองไปเรียนต่อในโรงเรียนกีฬาโดยเฉพาะเลยน่าจะดีกว่านะ
- คนอื่นบอกคุณว่า คุณใช้คอมฯ เก่งมาก ขนาดภาษาคอมพิวเตอร์ที่ว่ายาก ๆ ยังใช้เวลาแก้โจทย์ได้ภายในไม่กี่นาที
ซึ่งหลาย ๆ เรื่องคุณอาจมองตัวเองแค่ว่า มันก็เรื่องธรรมดา ๆ หรือเปล่าฟร๊ะ ซึ่งไอ้เรื่องที่คุณทำมันเป็นเรื่องธรรมดา ๆ นี่แหละ ที่ใครหลาย ๆ คนมองคุณว่า คุณแมร่งเจ๋งจริงในเรื่องนี้
สัญญาณที่ 6 – เป็นคนที่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา (Always Learning)
ชีวิตการเรียนของคนเรานั้น ไม่ได้มีเฉพาะในห้องเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบปริญญา แต่ชีวิตของคนเรานั้น สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เพราะตั้งแต่เกิดมา แม้จะยังเป็นเพียงเด็กทารกก็ยังต้องเรียนรู้ที่จะหัดนั่ง หัดคลาน หัดเดิน จนกระทั่งเข้าโรงเรียนก็เรียนรู้เพื่อค้นหาตัวเองว่า ตนเองนั้นมีความสามารถในศาสตร์วิชาใดบ้าง ซึ่งหลาย ๆ คนที่เคยได้ยินเรื่องราวของมหาเศรษฐีหลายคนที่มักจะลาออกจากมหา’ลัย หรือเรียนไม่จบปริญญาตรี หรือแม้กระทั่งเรียนจบแค่เพียง ป.4 แต่ก็ยังประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ซึ่งหลายคนตีความผิดว่า ไม่ต้องเรียนให้จบก็ประสบความสำเร็จได้
แต่อันที่จริงแล้ว พวกเขาไม่เคยหยุดเรียนรู้ เพียงแต่พวกเขาแค่มองเห็นว่า ในสถาบันการศึกษานั้น ๆ ไม่มีวิชาใดที่สามารถตอบโจทย์ของเขาได้เลย จึงด้วยความที่มีเวลาอยู่อย่างจำกัด พวกเขาจึงต้องเลือกระหว่างทน ๆ เรียนไปให้จบกับวิชาที่ไม่ตอบโจทย์ชีวิต กับเส้นทางที่อยู่นอกตำราเรียน ที่เน้นลงมือทำ เน้นปฏิบัติ เน้นลองผิดลองถูก และศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากการไปคลุกคลีกับคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ จนกระทั่งสามารถตอบโจทย์ชีวิตของพวกเขาได้
สัญญาณที่ 7 – มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า (Have a strong determination)
คนที่มีลักษณะนิสัยที่เรียกว่ากัดไม่ปล่อยนั้น มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นคนมุทะลุอยู่สักหน่อย แต่หากใช้พลังงานความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าไปในทางที่ถูกต้องแล้ว มันจะนำพาให้ตัวคน ๆ นั้นไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคหรือปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามามากมายแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็จะไม่ย่อท้อ โดยในใจคิดแต่เพียงว่า จะต้องทำมันให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตามที
ทีนี้ก็ถึงตาคุณสำรวจตัวคุณเองแล้วว่า คุณมีสัญญาณทั้ง 7 ข้อนี้แล้วหรือไม่ ซึ่งมันไม่จำเป็นที่จะต้องมีแบบ 100% เต็ม ขอเพียงคุณพัฒนาตนเองให้มีสัญญาณเหล่านี้ได้สัก 70%-80% ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
สุดท้ายนี้แชร์กันหน่อยครับว่า พวกคุณมีสัญญาณข้อไหนกันแล้วบ้าง
Resource