7 สิ่งที่คนรวยซื้อแต่คนจนไม่ซื้อ | คนรวย VS คนจน
ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนนั้น ไม่ได้วัดกันที่ว่าใครมีเงินมากกว่ากัน แต่มันวัดกันที่ว่าใครมีทรัพย์สินมากกว่ากันต่างหาก ซึ่งคนรวยส่วนใหญ่เลือกที่จะซื้อทรัพย์สิน ในขณะที่คนธรรมดาทั่ว ๆ ไปซื้อหนี้สินแต่กลับคิดเอาเองว่ามันคือทรัพย์สิน ส่วนคนจนนั้นมีแต่ค่าใช้จ่ายไม่มีทรัพย์สินเลย
และสำหรับบทความนี้ Dan Lok ที่ปรึกษานักธุรกิจร้อยล้าน จะมาให้คำแนะนำว่า แล้วทรัพย์ที่คนรวยมักซื้อกันนั้น มีอะไรบ้าง (โดยทรัพย์สินที่ว่านี้เป็นมุมมองจากคนรวย ไม่ใช่มุมมองจากนายธนาคารหรือในทางบัญชี)
ทรัพย์สินที่คนรวยซื้อ ประเภทที่ 1 – ธุรกิจ
คนรวยมักจะซื้อธุรกิจเมื่อมองเห็นโอกาสในการขยายอาณาจักรให้เติบโตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจแรกของพวกเขา เขาจะใช้เวลาสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเองก่อน เพราะแน่นอนว่า ตอนเริ่มธุรกิจแรก ใครมันจะไม่ไปเงินทองมากมายที่พอจะซื้อธุรกิจได้กันล่ะ แต่เมื่อธุรกิจแรกประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า กว่าจะมีวันนี้ พวกเขาต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจและเวลาอันแสนยาวนานกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้
ดังนั้นการที่เข้าซื้อธุรกิจอื่นที่มีอยู่แล้ว จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า ดังนั้นการซื้อธุรกิจใหม่ คือการใช้พลัง Lerverage หรือพลังทวี โดยสิ่งที่จะได้มาก็คือ เวลาของผู้อื่น ที่จะมาทำงานแทนคุณ เพราะธุรกิจที่คุณซื้อมานั้น หากเป็นธุรกิจที่ดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าธุรกิจนั้น ๆ ก็มักจะมีพนักงานชั้นเยี่ยมทำงานอยู่ในองค์กร ซึ่งสามารถใช้เวลา ไอเดีย แรงกาย แรงใจ ของพวกเขา ในการสร้างสรรค์สินค้าหรือบริการออกสู่ตลาดให้แพร่หลายได้มากยิ่งขึ้น
โดยพวกเขาเหล่านั้น จะช่วยให้วิสัยทัศน์ของคนรวยที่ซื้อธุรกิจนั้นไปให้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยรายได้จะขึ้นอยู่กับคุณค่าของสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจมอบสู่แก่ตลาด และยิ่งมีบริษัทแรกที่ประสบความสำเร็จมาหนุนหลังเข้าไปอีกก็ยิ่งทำให้สามารถป้อนสินค้าหรือบริการเข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รายได้ก็ยิ่งทวีมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่ในขณะที่คนจนนั้นมีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว และส่วนใหญ่ก็ได้รับเพียงครั้งเดียวเมื่อตอนสิ้นเดือน
ทรัพย์สินที่คนรวยซื้อ ประเภทที่ 2 – รถยนต์
คนจนหรือคนธรรมทั่วไปส่วนใหญ่ที่ซื้อรถเหตุผลหลักก็คือ การใช้เพื่อการเดินทางซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในขณะที่คนรวยที่ซื้อรถยนต์นั้น พวกเขามักซื้อด้วยเหตุผลที่แตกต่างไปจากนั้นการนั่งโดยสารเพียงอย่างเดียว พวกเขาอาจซื้อรถยนต์เนื่องมาจากใช้รถยนต์เหล่านั้น เป็นแรงบันดาลใจ แรงผลักดัน แรงฮึด ในการที่จะทำให้ตัวเองร่ำรวยและมั่งคั่งมากพอที่จะสามารถซื้อรถสปอร์ตหรือซุปเปอร์คาร์ได้ แต่ในขณะที่คนรวยบางคนก็ร่ำรวยจากการสะสมคอเลคชั่นรถยนต์ พวกเขาอาจซื้อมา ซ่อมแซม และขายทำกำไร แต่ในขณะที่คนรวยอีกหลาย ๆ คน ก็ซื้อมันเพื่อความบันเทิงอย่างเดียวก็มี
ทรัพย์สินที่คนรวยซื้อ ประเภทที่ 3 – อสังหาริมทรัพย์
ทรัพย์สินประเภทนี้ เป็นทรัพย์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากที่สุดอย่างหนึ่ง โดยอสังหาฯ นั้น สามารถแบ่งแยกย่อยในอย่างหลากหลาย ซึ่งอาจจะแบ่งเป็นอสังหาฯ สำหรับบุคคลทั่วไป หรืออสังหาฯ เพื่อองค์กรบริษัทโดยเฉพาะ เช่น บ้านเดี่ยว, คอนโด ก็มักจะเน้นไปที่กลุ่มของบุคคลทั่วไปเพื่อการอยู่อาศัย แต่ในขณะที่อสังหาฯ อีกรูปแบบหนึ่งถูกออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ เช่น อาคารพาณิชย์, โรงแรม หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้า
และนอกจากนั้นโมเดลรายได้ของอสังหาฯ นี้ก็สามารถแบ่งออกได้หลากหลายโมเดลธุรกิจอีก เช่น ซื้อเพื่อถือครอง, ซื้อเพื่อเอามาซ่อมแซมปรับปรุงแล้วขายต่อ, ซื้อเพื่อนำมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือสามารถซื้อเพื่อให้เช่าแบบ Airbnb ก็สามารถทำได้เช่นกัน
โดยเหตุผลที่ทำให้คนรวยส่วนใหญ่เลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ก็เนื่องจากมันเป็นทรัพย์สินที่ธนาคารเองก็ยอมรับในทางการเงิน เพราะสามารถใช้ในการค้ำประกันเงินกู้ได้ โดยทางธนาคารมองทรัพย์สินประเภทนี้เป็นทรัพย์สินที่มั่นคงและมีความน่าเชื่อถือสูงนั่นเอง
ทรัพย์สินที่คนรวยซื้อ ประเภทที่ 4 – ทรัพย์สินที่เป็นกระดาษ
โดยทรัพย์สินกระดาษในที่นี้หมายถึง พันธบัตร กองทุนและหุ้น โดยในหลาย ๆ ครั้ง คนรวยซื้อเพื่อผลประโยชน์ทางด้านกระแสเงินสด เพราะทรัพย์สินประเภทนี้ มักจะมีเงินปันผลตอบแทนในระยะเวลาที่แน่นอน และในขณะที่คนรวยอีกหลายคนก็เลือกที่จะซื้อหุ้น เพราะเล็งเห็นการเติบโตในอนาคตในระยะยาว และสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลเมื่อขายมันออกไป โดยข้อดีของทรัพย์สินประเภทนี้ก็คือ มันสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายกว่าทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ เพราะเพียงแค่ยกหูหา Brokers ขายหุ้นก็สามารถทำได้เลย แต่ในขณะที่การขายอสังหาฯ นั้น จะต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่าจะขายออก
ทรัพย์สินที่คนรวยซื้อ ประเภทที่ 5 – ทรัพย์สินทางปัญญา
โดยทรัพย์สินทางปัญญาประเภทนี้ หมายถึง สิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า, แบรนด์และลิขสิทธิ์ ซึ่งข้อดีของทรัพย์ทางปัญญาก็คือ ความสามารถในการขยายธุรกิจได้โดยไม่มีขีดจำกัด เพราะเมื่อคุณเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาแล้วมีคนมาเช่าแล้ว คุณก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีแต่รายรับเข้ามาแบบทวีคูณ ซึ่งแม้ว่าจะมีค่าธรรมเนียมในการซื้อและรักษาทรัพย์สินประเภทนี้อยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับทรัพย์สินประเภทอื่นแล้วเป็นเงินที่เล็กน้อยมาก ยกตัวอย่างเช่น ตัวการ์ตูนจากดิสนีย์ ที่มีอยู่หลายคาแรคเตอร์มาก ๆ ซึ่งแต่ละคาแรคเตอร์เมื่อถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ก็สามารถทำเงินได้แบบไม่รู้จบ
ทรัพย์สินที่คนรวยซื้อ ประเภทที่ 6 – โลหะที่มีมูลค่า
โดยในที่นี้หมายถึง แร่เงิน ทองคำ แพลตทินั่ม ซึ่งคนรวยหลายคนเลือกที่จะเก็บเงินในรูปแบบของแร่โลหะที่มีค่า ตัวอย่างยอดนิยมเลยก็คือการสะสมแร่ทองคำ เพราะทั่วโลกต่างยอมรับว่า ทองคำ สามารถใช้เป็นสกุลเงินสกุลหนึ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้ทั่วโลก และนอกจากนั้นก็ยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย ดังนั้นในพอร์ทการลงทุนในทรัพย์สินของคนรวย ทรัพย์ประเภทนี้ก็มักจะถูกนำไปเป็นหนึ่งในการลงทุนด้วยอยู่เสมอ
ทรัพย์สินที่คนรวยซื้อ ประเภทที่ 7 – กลุ่มผู้ชม
Audience หรือกลุ่มผู้ชมนั้น กลายเป็นสกุลเงินใหม่ในยุคของโลกออนไลน์ที่คนรวยให้ความสนใจและเลือกที่จะสร้างทรัพย์สินประเภทนี้มากยิ่งขึ้น เพราะที่ใดมีคนที่นั่นมีเงิน ซึ่งคุณอาจจะเกิดคำถามและสงสัยในหลาย ๆ ครั้งว่า ทำไมคนรวยถึงยังต้องออกมาทำโซเชียลมีเดียโพสเฟสบุ๊ค ทำบทความลงเว็บไซต์ ทำวีดีโอลงยูทูปหรือโพสต์ภาพลงไอจี ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ มหาเศรษฐี Billionaire ที่อายุน้อยที่สุดในโลกแชมป์ล่าสุดซึ่งล้มแชมป์อย่าง Mark Zucerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่เป็น Billionaire เมื่อตอนอายุได้ 23 ปี นั่นก็คือ Kylie Jenner ที่มีอายุเพียง 20 ปี ซึ่งเธอสามารถสร้างธุรกิจขายเครื่องสำอางด้วยแบรนด์ของเธอเองอย่าง Kylie Cosmetics ได้ด้วยการโพสต์จาก IG ที่มีผู้คนติดตามมากกว่า 144 ล้านคน เพื่อสร้างยอดขายเป็นพันล้านดอลล่าร์ฯ ได้ในที่สุด
Resource