Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Quote

100 ข้อคิด จาก ตัน ภาสกรนที | Blue O’Clock Podcast EP. 58

ตัน ภาสกรนที นักธุรกิจ เจ้าพ่อวงการชาเขียว ที่สร้างฐานะขึ้นมาได้ด้วยตนเอง จาก Sales ขายของในเครือสหพัฒน์ ลาออกมาเป็นพ่อค้าขายหนังสือพิมพ์ ทำธุรกิจร้านอาหาร อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจถ่ายภาพ Wedding และเข้าสู่ธุรกิจชาเขียว อย่างเต็มตัว จนสามารถกลายเป็นเศรษฐีพันล้านได้ด้วยตนเองได้ในที่สุด และนี่คือ 100 ข้อคิด 100 บทเรียน ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเขา

  1. หากธุรกิจไม่มีเงินสด ไม่มีเงินสำรอง เตรียมเอาไว้ อย่างน้อย 3-6 เดือน เวลาที่เจอกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ ธุรกิจก็อาจจะต้องปิดตัวในทันที
  2. คุณตันเล่าว่า เมื่อตอนที่เจอกับวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี พ.ศ. 2540 นั้น เขาได้ทำการลงทุนเกินตัว กู้เงินมาสร้างอสังหาริมทรัพย์ จนเป็นหนี้ 100 ล้าน ซึ่งวิธีคิดในช่วงเวลานั้นของคุณตันก็คือ เราจำเป็นที่จะต้องตัดขาเพื่อรักษาชีวิต ความหมายก็คือ ตอนนั้นมีทรัพย์สินอะไรที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ ให้ตัดสินใจขายไปเลย และต้องตัดสินใจให้ไว้ด้วย เพราะดอกเบี้ยขึ้นทุกวัน แล้วนำเงินสดไปลดหนี้ เพราะเมื่อหนี้ลดลง เราจะมีกำลังใจ ซึ่งกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ณ เวลานั้น เพราะเมื่อคุณตัน นำเอาแหวน นาฬิกา เพชร ห้องแถว ไปขาย ก็สามารถลดหนี้ได้แทบจะในทันทีกว่าครึ่งคือ 50 ล้านบาท จนทำให้มีเงินมากกว่าดอกเบี้ย ทำให้ขยันทำงาน จนสามารถปลดหนี้ทั้งหมดได้โดยเวลาเพียงแค่ 2 ปีครึ่ง
  3. จงอย่าเป็นหนี้นอกระบบ เพราะดอกเบี้ยมันเยอะมาก ถ้าเราเผลอไปกู้ยืมหนี้นอกระบบมา มันจะกลายเป็นกับดักของชีวิตเราต่อไปอีกนาน
  4. คุณตันบอกว่า เมื่อสินค้าราคาสูงจะขายได้จำนวนน้อย แต่เมื่อสินค้าราคาต่ำจะขายได้จำนวนมาก ทำให้กำไรมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าชาเขียวขวดละ 20 บาท ได้กำไร 2 บาท ส่วนชาเขียวขวดละ 10 บาท ได้กำไร 1 บาท ซึ่งดูจากกำไรก็เป็นสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน แต่กลับกลายเป็นว่า ขวดขนาด 10 บาท กลับขายได้จำนวนขวดมากกว่าถึง 2.5 เท่า เพราะมันซื้อง่ายขายคล่องกว่า
  5. กลยุทธ์ 3N ที่คุณตันใช้ในการขยายและต่อยอดจากธุรกิจเดิมคือ 1) New Product คือการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมา เช่นสินค้าพรีเมี่ยมสายคนรักสุขภาพ 2) New Market ไปเปิดตลาดใหม่ที่ต่างประเทศ อย่างเช่น คุณตันไปเปิดธุรกิจที่ประเทศ อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว เป็นต้น 3) New Business คือธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากชาเขียวหรือน้ำใส่ขวด แต่ต้องเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อย เพราะโลกในยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ไม่เหมาะกับธุรกิจที่ลงทุนเยอะ ๆ
  6. เวลาที่ธุรกิจเผชิญกับวิกฤต ทุกคนต้องช่วยกัน นายจ้างก็ต้องช่วยลูกจ้าง ลูกจ้างก็ต้องช่วยนายจ้าง อย่าไปคิดว่า หน้าที่นั้นไม่ใช่หน้าที่ของฉัน แต่ให้คิดว่าอะไรที่ช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกัน เพราะถ้าธุรกิจล้มก็ตกงานกันหมด ไม่เหลือทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง
  7. เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจมาถึง มันวัดกันที่ว่า ใครยอมแพ้ก่อน คนนั้นไปก่อน แต่หากคุณไม่ยอมแพ้ แค่ล้ม ก็ขอให้ลุกขึ้นใหม่ ต้องลุกขึ้นให้ไว้ แล้วเดินหน้าต่อ อย่าพึ่งยอมแพ้
  8. ต่อให้ธุรกิจคุณปิดตัว ร้านคุณปิดไป แต่คุณตันบอกว่า ขอให้คุณเก็บสภาพชีวิตที่ดีที่สุดของคุณเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น ความเก่งของตัวคุณ ความดีที่คุณมี มีความน่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์ ไม่ผิดนัดใคร ไม่เมาเหล้าติดยา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ให้คุณเก็บมันเอาไว้อยู่กับตัว คุณก็ยังมีโอกาสกลับมาสู้ใหม่ได้เสมอ
  9. คุณตันบอกว่า จากประสบการณ์ที่เขาได้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ วิกฤตน้ำท่วมประเทศไทยปี พ.ศ. 2554 และล่าสุดที่ผ่านมาอย่าง covid-19 คุณตันเขาบอกไว้เลยว่า ถ้าคุณยังไม่ยอมแพ้หรือล้มเลิก เลิกทำไปก่อน คุณยังคงวิ่งต่อไป คุณก็จะยังมีโอกาสชนะอยู่เสมอ
  10. คุณตันเล่าว่า เมื่อตอนเหตุการณ์น้ำท่วมประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2554 คนไทยน้ำท่วมหลายคนเดือดร้อน โรงงานจมน้ำหลายพันแห่ง ซึ่งโรงงานคุณตันก็จมน้ำเช่นกัน ดังนั้นคุณตันบอกว่า ตอนไหนใคร ๆ ก็เดือดร้อนกันทั้งนั้น แต่มันอยู่ที่ว่า เราจะกลับมาลุกขึ้นได้ไวแค่ไหน มันอยู่ที่กำลังใจที่ดีด้วย มันเลยทำให้โรงงานของคุณตันใช้เวลาประมาณร้อยกว่าวัน ก็สามารถกลับมารันธุรกิจใหม่ได้ ในขณะที่โรงงานอื่น ๆ ยังไม่สามารถกลับมาได้ ดังนั้นถ้าใจสู้ กำลังใจดี เราก็จะลุกขึ้นได้ไว
  11. คุณตันเล่าว่า เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ. 2554 มีที่แปลงหนึ่งที่กำลังจะสร้างตึก ซึ่งคำนวณเอาไว้แล้วว่า จะมีการลงทุนประมาณ 1,300 ล้านบาท แล้วจะได้กำไรจากโครงการนี้ราว ๆ 300 ล้านบาท แต่น้ำดันท่วมซะก่อน จึงไม่ได้ก่อสร้าง แต่กลับกลายเป็นเรื่องดี เพราะ 3 ปี ต่อมา มีคนมาขอซื้อที่ต่อ ในราคาที่สูงกว่าที่คุณตันซื้อมาถึง 2 เท่า จากเดิมที่ซื้อมาตารางวาละ 6 แสน แต่มีคนมาขอซื้อตารางวาละ 1.3 ล้านบาท ถ้ารวมที่ดินทั้งหมดผืนนั้น คุณตันซื้อเอาไว้ 600 ล้านบาท ถ้าขายทั้งหมดก็จะได้พันกว่าล้าน กำไรมากกว่า 500 ล้านบาท โดยที่อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย กลับกลายเป็นเรื่องดี ที่เจอวิกฤตน้ำท่วมเสียก่อน จึงไม่ต้องลงทุนเป็นพันล้าน แค่ขายที่อย่างเดียวก็กำไรมากแล้ว
  12. คุณตันบอกว่า โชคดีที่เขาเคยเกือบเจ๊งเมื่อตอนปี พ.ศ. 2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง เพราะถ้าไม่เคยผ่านประสบการณ์เกือบเจ๊งในวันนั้น ถ้ามาเจอกับวิกฤตน้ำท่วมในปี พ.ศ. 2554 เขาต้องเจ๊งแน่ ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับวิกฤตยังไง แถมเป็นหนี้ก้อนใหญ่หลายพันล้านด้วย ไม่ใช่หลักร้อยล้านเหมือนก่อนหน้านี้
  13. ทุกวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ใช่จุดจบ เพราะในช่วงที่เกิดวิกฤตนั้น มักมีเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้น มีธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้น มีบริการรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาอยู่เสมอ
  14. รู้จักสังเกต โอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ โดยคุณตันยกตัวอย่างว่า อย่างตัวของเขานั้นชอบไปญี่ปุ่น เขาก็จะเห็นชาเขียวที่ญี่ปุ่นขายดีมาก ก็นำมาทำชาเขียวขายในประเทศไทย หรืออย่าง น้ำจับเลี้ยง เย็นเย็น เขาก็เห็นที่เมืองจีนขายดีมาก ก็นำกลับมาทำในประเทศไทย หรืออย่างสมัยนี้คนรักสุขภาพมากยิ่งขึ้น เขาก็ผลิตน้ำอัลคาไลน์ผสมวิตามินบี อย่าง PH+ ออกมา เป็นต้น
  15. รู้แต่ไม่ลงมือทำ มันไม่มีประโยชน์ มันจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณลงมือทำ
  16. คุณตันบอกว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่เขาอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองก็คือ จากเดิมที่เขาทิ้งเรียนมาทำงาน เขาอยากจะกลับไปเรียนให้จบปริญญาตรีหรือปริญญาโท ซึ่งถ้าเขาเรียนจบสูงว่านี้ ธุรกิจในวันนี้จะใหญ่กว่านี้อีกเยอะเลย
  17. การเรียนหนังสือก็เหมือนกับการขุดคลอง คลองใครใหญ่กว่าก็รับน้ำหรือรับความรู้ได้เยอะกว่า การเรียนหนังสือน้อยก็เหมือนมีคลองเล็ก มีความรู้น้อย ทำให้เวลาที่เจอวิกฤตบางทีก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ คิดไม่ออก
  18. การที่คุณรู้น้อย ไม่ฉลาด ดังนั้นคุณจะต้องขยันกว่าคนอื่นอย่างน้อย 2-3 เท่า
  19. คุณตันมีไอดอลคือ ดร.เทียม โชควัฒนา เจ้าของในเครือสหพัฒน์ ที่ท่านจบแค่เพียง ป.4 แต่ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ได้ ซึ่งหลังจากที่คุณตันได้ทำงานเป็นพนักงานที่เครือสหพัฒน์มาประมาณ 5 ปี เขาก็ตัดสินใจลาออกไปทำธุรกิจของตัวเอง โดยคิดว่า ถ้าท่านทำได้ ตัวของเขาก็เชื่อว่าตัวเขานั้นก็ต้องทำได้เช่นกัน
  20. ถ้าคุณอยากเปิดกิจการเป็นของตัวเอง คุณตันแนะนำว่า ให้เริ่มต้นจากการเรียนหนังสือ พอเรียนจบก็ให้ไปทำงานเพื่อหาประสบการณ์ก่อน เป็นลูกน้องเขาก่อน แล้วค่อยเก็บเงินสักก้อน แล้วลองเริ่มต้นจากการทำธุรกิจเล็ก ๆ ใช้เงินน้อย ๆ ซึ่งอย่างกรณีของคุณตันนั้น เขาใช้เงินเริ่มต้นประมาณ 50,000 บาท เพื่อไปเปิดร้านขายหนังสือพิมพ์ แต่วันแรกที่ลงทุนก็เจ๊งเลย เพราะหนังสือพิมพ์ที่เขาขนมาใต้ท้องรถทัวร์นั้นเจอน้ำท่วมเปียกหมด แต่คุณตันก็ไม่ยอมแพ้ สู้ต่อ จนกระทั่งผ่านไป 4 เดือน เขาก็สามารถซื้อห้องที่ให้เช่าจนได้ ห้องที่ 1 ก็ค่อย ๆ ขยับขยายไปซื้อห้องที่ 2 ไปเรื่อย ๆ
  21. วิธีการ การทำธุรกิจของคุณตัน ก็คือ ให้ทำเสมือนเจ้าของใช้เอง กินเอง อยู่เอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งโรงแรม หรืออาหาร โดยที่คุณตันบอกว่า ถ้าทำขึ้นมาแล้ว เจ้าของยังไม่ได้กิน อยู่เอง เขาก็จะไม่ขายสิ่งนั้น
  22. คุณตันบอกว่า ที่เขามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะได้รับโอกาสจากคนอื่น ดังนั้น เมื่อตัวของเขามีโอกาส เขาก็ต้องการที่จะหยิบยื่นโอกาสให้แก่คนอื่น ให้แก่คนรุ่นต่อไป คนเราเมื่อได้รับแล้ว ก็ต้องรู้จักการให้ด้วย
  23. อยากรวย อยากมีเงิน คุณต้องทำงาน อยากประสบความสำเร็จคุณต้องอดทน
  24. คนรวยไม่ใช่คนที่หาเงินได้เยอะที่สุด คนที่สบายที่สุดก็ไม่ใช่คนที่มีเงินเยอะที่สุด แต่คนที่สบายที่สุด คือคนที่มีเงินน้อยก็ได้ แต่ใช้น้อยกว่า ความหมายก็คือ ใช้ให้น้อยกว่าที่หามาได้ ชีวิตจะไม่ลำบาก
  25. ถ้าตัวคุณคือเพชร ยังไงมันก็คือเพชรวันยังค่ำ ถึงแม้ว่าวันนี้คนอื่นจะเห็นคุณเป็นแค่ดิน แต่สักวันหนึ่งมันจะฉายแสงออกมาว่าตัวคุณนั้นเป็นเพชร ซึ่งนั่นมันสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของคุณ
  26. คุณตันไม่แนะนำให้ทุกคนต้องรีบออกมาทำกิจการส่วนตัว ให้ค่อย ๆ เริ่มทำ พยายามใช้เงินของตัวเอง อย่าไปยืมเงินพ่อแม่พี่น้อง หรือไปกู้เงินเพื่อมาเปิดกิจการ แล้วทุ่มหมดหน้าตัก ซึ่งถ้าคุณโชคดี คุณก็อาจจะรวยไปเลย แต่ถ้าคุณโชคไม่ดี เจ๊ง มันจะทำให้นอกจากตัวคุณจะเดือดร้อนแล้วนั้น มันยังทำให้คนรอบ ๆ ตัวคุณเดือดร้อนไปด้วย
  27. ถ้าคุณเก่งจริง มีธุรกิจที่ดีจริง ๆ แปบเดียวเดี๋ยวคุณก็มีทุน หรือถ้าคุณไม่มีทุน ก็มีหลายคนที่มีทุน พวกเขาก็อยากมาร่วมหุ้นกับคุณ
  28. ถ้าคุณมีสินค้าที่ดีอยู่แล้ว แต่ยังอยู่ภายในตำบลหรืออำเภอเล็ก ๆ แต่อยากขยายกิจการไปนอกพื้นที่ ไปโกอินเตอร์นั้น คุณตันบอกว่า คุณจะต้องทำให้สินค้ามีคุณภาพที่แน่นอน มีระบบที่ดี มีการสร้างแบรนด์สินค้าที่ชัดเจน คนจดจำแบรนด์สินค้าได้ และ 1 ผลิตภัณฑ์จะต้องมีจุดขายที่ชัดเจน ไม่ใช่มีสารพัดประโยชน์เป็นร้อยอย่างในสินค้าเดียว หรือถ้าอย่างเปิดร้านอาหาร ก็ต้องโฟกัสไปเลยว่า คุณจะเป็นร้านอาหารไทย ญี่ปุ่น หรือจีน ไม่ใช่มีไปซะทุกอย่าง
  29. ถ้าคุณจะทำธุรกิจให้ไประดับโลก คุณแค่โฟกัสสินค้าหลัก ๆ แค่ตัวเดียว อย่างเช่น ร้านแมคโดนัล ก็เน้นที่แฮมเบอร์เกอร์เป็นหลัก ที่สามารถขยายกิจการเป็นหมื่น ๆ สาขาทั่วโลกได้
  30. ในโลกยุคอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณทำไม่ดี ไม่ต้องโฆษณาเลย ชื่อเสียของคุณจะไปไกลมาก ไปเร็วมาก บนโลกออนไลน์
  31. หากคุณคิดที่จะเปิดธุรกิจแล้วขายแฟรนไชส์ ก่อนที่จะเปิดขายแฟรนไชส์ คุณควรเริ่มต้นจากการเป็นแฟรนไชส์ซี คือลองซื้อแฟรนไชส์จากธุรกิจของคนอื่นที่เขาประสบความสำเร็จมาลองทำดูเสียก่อน เพื่อเรียนรู้กระบวนและระบบแฟรนไชส์ของเขา เราจะได้ไม่ต้องคิดเองไปซะหมด แล้วจากนั้นก็จะต้องมาเปิดสาขามาสเตอร์ สาขาหลัก ให้มันมั่นคง แข็งแรง ก่อนที่จะเปิดขายแฟรนไชส์ เพราะถ้าระบบไม่ดี ควบคุมคุณภาพสินค้าไม่ได้ ควบคุมการให้บริการไม่ได้ ควบคุมคุณภาพแฟรนไชส์ซี ไม่ได้ มันจะย้อนกลับมาทำลายธุรกิจทั้งหมด ทำให้เจ๊งอย่างรวดเร็ว
  32. ธุรกิจคือการแข่งขัน ถ้าคุณสู้คู่แข่งไม่ได้ สู้คู่แข่งไม่ไหว ปิดกิจการไปซะดีกว่า
  33. ถ้าคุณอยากรวย คุณต้องทำธุรกิจ และการทำธุรกิจก็คือคนที่กล้าเสี่ยง ดังนั้นคุณก็ต้องกล้าเสี่ยง แต่หากคุณต้องการความมั่นคง ยั่งยืน คุณทำงานประจำมีเงินเดือนแค่เพียง 15,000 บาท แล้วคุณใช้จ่ายในแต่ละเดือนแค่ 10,00 บาท เหลือเก็บ 5,000 บาท ในทุก ๆ เดือน แบบนี้คุณมั่นคง ยั่งยืนได้ แต่หากคุณมีเงินเดือน 50,000 บาท แต่ใช้เดือนละ 60,000 บาท แบบนี้ก็เป็นหนี้ ไม่เหลือ ไม่มั่นคง ไม่ยั่งยืน แม้ว่าจะมีเงินเดือนเยอะกว่าคนก่อนนี้ แต่ใช้จ่ายเยอะกว่าที่หามาได้ก็ไม่รอดอยู่ดี
  34. คุณตันบอกว่าถ้าคุณมีรายได้น้อย ให้ออมจะปลอดภัยกว่าลงทุน เพราะถ้าคุณเงินเดือนน้อย นั่นแสดงว่า คุณไม่ค่อยมีความรู้หรือความสามารถพิเศษอะไร ถ้าคุณเอาเงินที่เหลือไปลงทุน ก็มีโอกาสเจ๊งได้ เพราะคุณไม่มีความรู้อะไรมากนัก แต่ถ้าหากคุณออมเงินเอาไว้ในธนาคาร ถ้ามี 1 แสน อีกสิบปี มันก็จะยังอยู่ครบแสนเหมือนเดิม เพิ่มเติมอาจจะได้ดอกเบี้ยเงินฝากมาอีกนิดหน่อย แต่ถ้าเอาไปลงทุนโดยไม่มีความรู้ คนส่วนใหญ่จำนวนมากกว่า 90% ก็มักจะหมดตัว
  35. ไม่มีธุรกิจใดที่ทำแบบเดิมแล้วอยู่ได้ยาว ๆ เป็น 20-30 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก สินค้าในวันนี้ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมามันอาจจะขายไม่ได้ ไม่มีคนซื้อแล้วก็เป็นได้
  36. ถ้าโดยปกติคุณเป็นคนใช้เงินสิ้นเปลือง เดือนชนเดือน ไม่เหลือเงินเก็บ สิ่งแรกที่ต้องรีบแก้ไขก่อนเลยก็คือ ใช้เงินไปซื้อความคิดก่อน ปรับทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องของการเงิน ให้ดีก่อน ก่อนที่จะนำไปใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจนหมด ต่อมา เมื่อปรับทัศนคติได้แล้ว ก็ให้เรียนรู้วิธีการจัดการกับเงิน การบริหารเงิน การเก็บเงิน การออมเงิน การใช้จ่ายเงิน สร้างอุปนิสัยการเงินที่ดีให้กับตัวเอง
  37. สินค้าของไทยเราอย่าไปแข่งเรื่องราคาเด็ดขาด เพราะยังไงประเทศไทยเราก็สู้เรื่องราคากับประเทศจีนไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถสู้ได้ก็คือเรื่องของคุณภาพสินค้า ต้องทำให้คุณภาพสินค้าของไทยเราเป็นจุดแข็ง แล้วแทนที่จะขายแต่คนไทยเพียงอย่างเดียว เราก็สามารถส่งออกสินค้าไทยที่มีคุณภาพขายให้คนจีนได้อีกด้วย เพราะประเทศไทยไทยเรา มีสินค้าหลายอย่างมาก ที่คนจีนชอบซื้อกลับไปประเทศของเขา
  38. ย่านซื้อขายสินค้าเก่าแก่นั้น พอยุคสมัยเปลี่ยนไป คนเดินผ่านหน้าร้านน้อยลง เพราะลูกค้าที่เคยเดินเป็นรุ่นอากงอาม่ากันหมดแล้ว ยุคนี้เป็นยุควัยรุ่น ร้านค้าต่าง ๆ ก็ต้องปรับตัวเพื่อให้วัยรุ่นเขาอยากมาเดิน อยากมาเที่ยว อยากมาช้อปปิ้ง ต้องเปลี่ยนวิธีการคุย ปรับแต่งสถานที่ให้สะอาดสะอ้าน ดูดี เหมาะกับยุค แต่ไม่จำเป็นต้องทุบตึกทิ้ง เพราะจุดแข็งของย่านท่องเที่ยวเก่าแก่นั้นมีมนขลัง มีเงินเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ แต่ให้ชุมชนนั้น ๆ รวมตัวกัน ช่วยกันสร้างชุมชนเก่าแก่นั้น ๆ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากมา
  39. ชีวิตคนเรานั้น ใคร ๆ ก็มีปัญหาชีวิตกันทั้งนั้น แต่มันขึ้นอยู่กับว่า เราจะมองไปข้างหน้าหรือข้างหลัง โดยถ้าเราอยากมีกำลังใจที่จะสู้ เราจะต้องมองผ่านเรื่องไม่ดีต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต อย่าทำให้ตัวเองท้อแท้ ให้มองไปข้างหน้า
  40. ถ้าคนที่มีจักรยานขี่ มัวเอาแต่ไปเปรียบเทียบกับคนที่มีรถเก๋งขับ มีรถหรูขับ มีเครื่องบินส่วนตัว ก็มักจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ของตนเอง แต่ถ้าเราลองหันไปมองคนที่มีแค่สองเท้าเดิน หรือคนที่ยังแม้แต่จะเดินเองยังไม่ได้นั้น กลับกลายเป็นว่า ชีวิตของเรายังดีกว่าชีวิตของใครอีกหลายคนที่เขายังลำบากกว่าเราอีกตั้งมากมาย
  41. เริ่มใหม่ได้ ถ้าหัวใจไม่ยอมแพ้ โดยคุณตันยกตัวอย่างว่าถ้าคุณหมอบอกว่าเราเป็นโรคมะเร็งอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ถ้าคนเราใจฮึดสู้ มักจะอยู่ได้นานกว่าที่คุณหมอคาดการณ์เอาไว้ซะอีก ซึ่งคุณตันเชื่อว่า มนุษย์เรานั้นมีพลังใจฮึดสู้ ที่สามารถขุดเอาพลังที่แท้จริงออกมาถ้ามีแรงผลักดันมากพอ
  42. วิธีคัดเลือกพนักงานสไตล์ของคุณตันเขาบอกว่า เขาจะเลือกคนที่ศรัทธาในบริษัท ศรัทธาในตัวคุณตัน มีแววตา มีความมุ่งมั่นที่จะลุยไปกับบริษัท เป็นคนที่หิวกระหายที่อยากได้ประสบการณ์ในการทำงาน อยากที่จะเรียนรู้งาน กระหายที่อยากจะเก่งขึ้น พร้อมลุยทุกสถานการณ์ กินง่าย อยู่ง่าย นอนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใส่สูทผูกไทด์ฉีดน้ำหอมฟุ้ง ขอแค่ตั้งใจทำงานก็พอ
  43. คุณตันเล่าว่า เขาทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 20 จนตอนนี้อายุ 60 กว่า ทำธุรกิจมามากกว่า 40 ปีแล้ว เขาไม่เคยมีปัญหากับเรื่องของเศรษฐกิจไม่ดีเลย เพราะคุณตันบอกว่า ตอนที่เศรษฐกิจดี ก็จะมีแต่คนบ่นว่า คู่แข่งเยอะ พอตอนเศรษฐกิจไม่ดี ก็จะมีคนบ่นอีกแหละว่ามีลูกค้าน้อย คุณตันก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างงั้น ให้เราคิดไปเลยว่า เศรษฐกิจต่อจากนี้มันจะไม่ดีไปเรื่อย ๆ ไปเลย แล้วหันมาตั้งใจทำงาน โดยปกติยิ่งคนอื่นบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี เรายิ่งต้องทำเยอะกว่าคนอื่น เราจะได้เปรียบมาก ๆ เพราะมีแต่เราที่ทำ ดังนั้น ส่วนตัวคุณตันเขาเชื่อว่า ธุรกิจมันจะดีหรือไม่ดีนั้น มันขึ้นอยู่กับตัวเรา ถ้าธุรกิจเราไม่ดี นั่นแสดงว่าเราทำไม่ดี เราทำผิดพลาด แต่ถ้าธุรกิจเราดี นั่นแสดงว่า เราทำได้ดี เราตั้งใจทำ
  44. คุณตันเชื่อว่า ทุกอย่างมีขึ้นก็มีลง พระอาทิตย์ตกดิน เดี๋ยวมันก็ขึ้นใหม่ และในทุก ๆ วิกฤตก็ย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ ทุกอย่างมีมามีไป เศรษฐีเก่าจากไป ก่อกำเนิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมา
  45. วิธีรับมือกับวิกฤต คุณตันบอกว่า อย่าใช้ชีวิตอยู่ด้วยการหาเช้ากินค่ำ เพราะเราไม่รู้ว่าวิกฤตจะมาเมื่อไหร่ จงออมเงินเตรียมพร้อมเอาไว้รับมือกับวิกฤตเสมอ เพราะตลอดช่วงชีวิตของคนเรานั้น จะมีวิกฤตอีกหลายต่อหลายครั้งเข้ามาตลอด เราจะต้องอยู่กับมันให้ได้
  46. เหรียญมีสองด้านอยู่เสมอ โดยคุณตันยกตัวอย่างเช่น ในตลาดหุ้น ถ้ามีเมื่อคนขาดทุน นั่นแสดงว่าในขณะนั้นก็มีคนได้กำไรอยู่เช่นกัน
  47. การสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง ต้องมีจุดยืนที่สำคัญอยู่สองข้อด้วยกัน อย่างแรก คือ ต้องโดดเด่น แตกต่างจากคู่แข่ง และต้อง โดนใจผู้บริโภคด้วย
  48. การทำธุรกิจ นอกเหนือจากการที่จำเป็นที่จะต้องมีสินค้าดี บริการดี แล้ว มันยังไม่พอ เราในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัทจะต้องเป็นคนดีด้วย เพราะไม่มีใครอยากจะซื้อของกับเจ้าของธุรกิจที่เป็นคนไม่ดี
  49. มีคนบอกว่า คุณตันชอบสร้างภาพ ซึ่งคุณตันยอมรับตรง ๆ เลยว่า เขาตั้งใจสร้างภาพ และจะต้องเป็นการสร้างภาพแต่ในเรื่องที่ดี ที่ใคร ๆ ก็อยากเลียนแบบ ทำตาม โดยคุณตันเล่าว่า เขาเห็นเฉินหลงบริจาคทรัพย์สินส่วนตัวกว่าร้อยละ 99 ให้กับการกุศล ซึ่งเมื่อคุณตันเห็นดังนั้นแล้ว เขาก็ได้แรงบันดาลใจที่อยากจะทำตามบ้าง แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่กล้าบริจาคทรัพย์สินเกือบทั้งหมดแบบเฉินหลงก็ตามที แต่คุณตันก็คิดว่า การสร้างภาพที่ดีในเรื่องเหล่านี้ ย่อมดีกว่ามีแต่พาดหัวข่าวเรื่องร้าย ๆ ตามสื่อต่าง ๆ ที่ชอบเอามาเผยแพร่กัน
  50. ถ้าคุณให้คนอื่นโดยไม่คาดหวังว่าจะต้องได้รับอะไรกลับคืนมา ให้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ มันจะมักย้อนกลับมาให้คุณมากกว่าที่คุณเคยให้มากเป็น 3 เท่า 5 เท่า หรือ 10 เท่า จนคุณตกใจ แต่อย่าทำจนตัวเองเดือดร้อน เพราะก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น ต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อน
  51. ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ อย่าทำแค่กลาง ๆ แต่ต้องเอาให้สุด ทำแล้วต้องไปให้สุด จนต้องกลายเป็น Talk of The Town ที่ผู้คนพูดถึงคุณกันทั่วบ้านทั่วเมือง
  52. หากคุณจะทำแคมเปญการตลาดให้ประสบความสำเร็จ ให้จำสองคำนี้ไว้ก็คือ แปลกใหม่ ใหญ่กว่า คือต้องเป็นแคมเปญที่ไม่เหมือนใคร และต้องเล่นใหญ่กว่าคนอื่นที่เคยทำมา
  53. เรื่องอะไรก็ตามที่คนอื่นบอกคุณว่ามันเป็นไปไม่ได้ คุณทำไม่ได้ แต่ถ้าหากคุณทำมันได้ ก็จะเกิดอย่างถล่มถลายกันเลยทีเดียว
  54. หากคิดที่จะทำธุรกิจ คุณจะต้องรักการแข่งขัน อย่ากลัวคู่แข่ง อย่ากลัวการแข่งขัน
  55. เวลาคิดราคาสินค้า ให้คิดในมุมของลูกค้า ว่าถ้าตัวเราคือลูกค้า เราอยากซื้อที่ราคาเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าอยากซื้อราคา 15 บาท ก็ให้เราย้อนกลับไปคิด กลับไปแก้ปัญหาต้นทางว่า เราจะผลิตอย่างไรให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่ลูกค้าต้องการ แต่หลายคนชอบคิดจากปัญหาของบริษัทตัวเอง โดยการคำนวณจากต้นทุนการผลิต ต้นทุนค่าการตลาด ต้นทุนภาษี ต้นทุนค่านั่นค่านี่ แล้วไปจบที่ราคาขาย 20 บาท กลายเป็นผลักภาระไปให้กับลูกค้า แทนที่จะแก้ไขเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
  56. คุณตันเล่า เมื่อตอนที่ทำโออิชิ บุฟเฟต์ ช่วงแรก เจอปัญหากับต้นทุนวัตถุดิบที่แพงมาก เช่น ปลาแซลมอนกิโลกรัมละ 1,500 บาท แต่ราคาบุฟเฟต์หัวละประมาณ 500 บาท ยังไงก็ขาดทุน แถมลูกค้ายังแย่งกันตักจนของเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก เพราะกลัวของหมด คุณตันจึงแก้ไขปัญหาด้วยการที่ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง สามารถสั่งปลาแซลมอนล็อตใหญ่หลายตัน ทำให้ต้นทุนปลาแซลมอนลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 450 บาทต่อกิโลกรัม แถมสั่งให้แต่ละสาขาเติมของให้เต็มอย่างรวดเร็ว เร็วจนกระทั่งลูกค้าไม่ต้องแย่งกันตัก เพราะอุ่นใจว่า ยังไงของก็มีตลอด ส่งผลให้มีของเสียทิ้งจากการแย่งกันตักลดลงอีกด้วย
  57. คุณตันบอกว่า สิ่งที่ทำให้เขาทำธุรกิจต่าง ๆ ประสบความสำเร็จได้นั้น มาจากการถามคนอื่นเป็นซะส่วนใหญ่ เพื่อให้รู้ Key Success ของธุรกิจนั้น ๆ ที่แม้ว่าตัวเองจะไม่เคยทำก็ตามที อย่างเช่น คุณตันมีธุรกิจร้านอาหารที่เปิดมาหลายสิบปี แต่เขาก็ยังหุงข้าวไม่เป็น ยังไม่เคยทอดไข่เองซะด้วยซ้ำ หรืออย่างเปิดธุรกิจถ่ายรูปแต่งงาน เขาก็ไม่เคยถ่ายรูปงานแต่งเองเลย แต่ก็เคยสร้างปรากฏการณ์จัดสมรสหมู่กว่า 2,000 คู่มาแล้ว
  58. คุณตันเล่าที่มาของการเปิดร้านถ่ายรูปแต่งงาน จากการที่เห็นอัลบั้มแต่งงานของพี่ชาย แล้วก็มีโอกาสได้ถามกับหญิงสาวคนหนึ่งว่า ระหว่างแหวนเพชรกับอัลบั้มรูปถ่ายภาพแต่งงาน ถ้าให้เลือกจะเลือกอะไร ผู้หญิงก็ตอบว่า แหวนเพชรก็อยากได้ แต่อยากได้ภาพถ่ายแต่งงานมากกว่า เพราะตอนนี้ยังสาวยังสวยอยู่ คุณตันจึงเริ่มต้นถามคำถามกับพี่ชายว่า รูปถ่ายในอัลบั้มแต่งงานนี้ถ่ายมาจากเจ้าไหน ก็ได้คำตอบว่า ถ่ายมาจากเจ้าหนึ่งในปีนัง คุณตันเลยไปปีนัง แล้วเขาก็แนะนำให้ไปหาที่กัวลาลัมเปอร์ คุณตันก็ไปหาเจ้าของร้านถ่ายรูปแต่งงานที่มาเลเซีย และจากที่มาเลเซีย เขาก็แนะนำให้ไปที่สิงคโปร์ และจากสิงคโปร์ก็แนะนำให้ไปที่ฮ่องกง และจากที่ฮ่องกงก็แนะนำให้ไปที่ไต้หวัน จนเจอเจ้าพ่อระดับเทพในวงการถ่ายรูปและล้างรูปภาพงานแต่ง จนกระทั่งคุณตันก็ได้นำคำแนะนำและสิ่งดี ๆ ที่ได้รับมาจากการถามไถ่ จากการคุย จากการสังเกต จากคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ นำมาใช้กับธุรกิจ wedding ที่ประเทศไทย ผ่านไป 8 ปี คุณตันก็สามารถประสบความสำเร็จได้ยิ่งใหญ่ในวงการถ่ายภาพแต่งงานกว่าเจ้าพ่อที่เขาเคยไปคุยด้วย ที่แม้แต่เจ้าพ่อจากไต้หวันก็ยังตกใจ
  59. แม้ว่าความผิดพลาดคือเส้นทางไปสู่ความสำเร็จ แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องผิดพลาดแบบเดียวกับที่คนอื่นที่เคยผ่านประสบการณ์ล้มเหลวมาก่อนหน้าเรา โดยคุณตันยกตัวอย่างจากกรณีห้องแลปที่ต้องมีเครื่องอัดรูปในสมัยก่อนที่ต้องใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่และราคาแพงมาก แถมต้นทุนในการอัดรูปก็สูง และนอกจากนั้นมันยังตกรุ่นเร็วมาก ซึ่งคุณตันได้ข้อคิดจากการพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจอัดรูป แค่ประโยคนั้นตอนเดียว ก็ช่วยให้กำไรของธุรกิจไม่ต้องไปจมกับค่าเครื่องจักรชิ้นนั้น เพราะถ้ากำไรไปจมกับเครื่องจักรชิ้นดังกล่าวซะหมด คุณตันบอกว่า แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ทำให้ธุรกิจถ่ายรูปแต่งงานสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล แล้วต่อยอดมาเป็นร้านอาหารบุฟเฟต์ และธุรกิจชาเขียว
  60. คุณตันเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาผ่านวิกฤตจากการที่พูดคุยกับเจ้าของโรงงานผลิตขวด Hot Fill ที่ต่างประเทศ ซึ่ง ณ ตอนนั้นในประเทศไทยยังไม่มีใครผลิตขวดบรรจุภัณฑ์ที่สามารถทนความร้อนได้ ไม่ต้องแช่เย็น ไม่ต้องใส่สารกันเสีย สินค้าก็ยังคงสภาพอยู่ได้ ซึ่งคุณตันก็พาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจผลิตขวดในไทยไปดูงานที่ญี่ปุ่นว่ามีเทคโนโลยีนี้อยู่ แล้วเทรนด์ขวด Hot Fill จะต้องมาไทยแน่ ๆ แล้วขวดจะขาดตลาด แล้วก็ขาดตลาดจริง ๆ โชคดีที่คุณตันรู้ก่อนก็เลยชวนเจ้าของโรงงานผลิตขวดในไทยมาตั้งฐานผลิตที่โรงงานของคุณตันเลย แล้วก็ผลิตขวดตุนเอาไว้ ได้ในราคาต้นทุนขวดละ 3 บาท ซึ่งตอนนั้นถ้าโรงงานผลิตขวดในไทยอยากขาย 3.50 บาท ก็ต้องซื้อ เพราะมันขาดตลาด แล้วกำไรชาเขียวขวดละ 50 สตางค์ ดังนั้นกำไรที่ได้ทั้งหมดจะต้องตกไปอยู่ที่เจ้าของโรงงานผลิตขวดในไทยหมดเลย ซึ่งคุณตันก็กำชับกับโรงงานเอาไว้เลยว่า อะไรก็เอาออกจากโรงงานได้ ยกเว้นขวด
  61. ถ้าเราถามคนที่ไม่รู้ คนที่ไม่เคยทำสิ่งนั้นมาก่อน พวกเขาก็จะบอกว่า ทำไม่ได้หรอก ดังนั้น ให้เราไปถามคนที่เขารู้หรือคนที่เขาเคยทำได้มาก่อนแล้ว คุณก็จะได้คำตอบว่า มันทำได้
  62. คุณตันบอกว่า เมื่อคนเรามีเงินมากถึงจุด ๆ หนึ่ง เราจะไม่รู้สึกว่าอยากได้เงินไปมากกว่านี้แล้ว
  63. เมื่อเรามีเงินทุน มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งแล้ว เงินมันจะสามารถหาเงินให้เราได้แม้กระทั่งตอนที่เราหลับ เช่น ตอนตีสองก็ยังมีคนซื้อชาเขียวเขาอยู่ เขาก็ได้เงินจากตรงนั้น ทุกชั่วโมง ทุกนาที
  64. สังคมของเราคุณตันบอกว่า ควรเหมือนกับการวิ่ง 4×100 ที่ก่อนหน้านี้ก็มีรุ่นบรรพบุรุษเราทำทิ้งเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง เราหยิบไม้วิ่งต่อ และเมื่อเราวิ่งแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องส่งไม้ให้รุ่นต่อไป ด้วยการแบ่งปัน คืนสู่สังคม
  65. คุณตันบอกว่า ที่ดินเป็นอะไรที่ขึ้นราคาน่ากลัวมาก โหดมาก แม้กระทั่งเขาหลับอยู่ ราคาที่ดินมันก็ขึ้นเป็นสองเท่าได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉย ๆ จากตารางวาละ 1 ล้านบาท พอคุณตันบอกไม่ยากขาย ราคามันก็ขึ้นไป 1.2 ล้าน 1.3 ล้าน 1.4 ล้าน ไปเรื่อย ๆ ของมัน
  66. คุณตันบอกว่า การลงทุนในเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุด ที่ดีที่สุดในโลกนั้น แม้ว่าจะมีราคาสูง แต่มันจะคุ้มค่าในระยะยาว เพราะสามารถใช้งานได้นานกว่า ประสิทธิภาพดีกว่า ทำงานได้เร็วกว่า ใช้คนน้อยกว่า อัตราการสูญเสียน้อยกว่า ส่งผลให้มีต้นทุนที่ต่ำลง
  67. การทำธุรกิจ คุณจะต้องเจอกับการทำสงครามราคาเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ แต่การสู้กันด้วยราคาเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ คุณจำเป็นที่จะต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ซึ่งบางธุรกิจยิ่งขายยิ่งขาดทุน แข่งกันขาดทุน ใครเงินหมดก่อน ตายก่อน แพ้ก่อน ถ้าเจ้าใหญ่ ๆ นั้น สามารถทำได้เพราะเขามีสายป่านที่ยาว เขาอาจขาดทุนหน่วยละ 50 สตางค์ไปเรื่อย ๆ ได้ แต่ถ้าเราเป็นรอง มีสายป่านสั้นกว่า เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ แต่หากเรามีกำไรหน่วยละ 50 สตางค์ เราก็สามารถอยู่ได้
  68. คุณตันบอกว่า ตำแหน่งบัญชีนั้นแม้ว่าจะมีความสำคัญต่อบริษัทมาก แต่มีหลาย ๆ มุมที่ทางบัญชีไม่ได้สังเกตหรือคำนึงถึงเหมือนกับผู้ประกอบการที่มองเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงทำให้การคำนวณจากทางฝ่ายบัญชีหลายต่อหลายครั้งมักจะตีตัวเลขออกมาว่า เรื่องดังกล่าวไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน แต่ผู้ประกอบการที่มองเห็นความคุ้มค่านั้น ก็กล้าที่เสี่ยงลงทุนมากกว่า เพราะมองเห็นประโยชน์ในเรื่องที่มากกว่าของเรื่องตัวเลขเพียงอย่างเดียว
  69. คุณตันใช้ทฤษฎีปลาโลมา ที่เวลาเราดูปลาโลมาทำการแสดง เวลาที่ปลาโลมากระโดดตามผู้ฝึกสอนเสร็จแล้วนั้น พวกมันจะได้กินอาหารเดี๋ยวนั้นทันทีเลย ไม่ติดทำแล้วติดเอาไว้ก่อน เอาไว้ให้ทีหลัง แล้วจะมีปลาโลมาตัวไหนจะอยากที่จะทำงานให้เรา ดังนั้นเวลาที่พนักงานทำงานให้เราเป็นอย่างดี แทนที่จะรอให้โบนัสสิ้นปีครั้งเดียว สู้เอากำไรมาแบ่งทุกสิ้นเดือน จะทำให้ความรู้สึกแตกต่างกันมากสำหรับคนที่ลงมือทำงาน
  70. คุณตันได้ใช้ทฤษฎีปลากระป๋อง แม้ว่าแต่ละกระป๋องจะเล็ก ไม่ใหญ่เท่าโอ่งใบใหญ่ แถมแต่ละกระป๋องคุณตันก็ขอมีส่วนแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งแบ่งให้กับหุ้นส่วน ให้กับพนักงานเก่ง ๆ ที่อยากจะเติบโตออกไปเป็นเถ้าแก่ แล้วคุณตันก็ไปเน้นให้มีหลาย ๆ กระป๋อง มีสัก 20 กระป๋อง 20 สาขา แถมถ้ากระป๋องใดกระป๋องหนึ่งเสียหายไป ก็ยังเหลือกระป๋องอีกหลายใบ ไม่เหมือนกับกรณีที่มีโอ่งใบใหญ่เพียงใบเดียว ถ้าโอ่งแตก เราก็จะไม่เหลือน้ำเลยสักหยด
  71. คุณตันมองว่า ถ้าตัวของเขานั้นโฟกัสที่บริษัทหลักบริษัทเดียว จะมีประสิทธิภาพกว่า การที่ทำทุกบริษัทตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ความหมายก็คือ คุณตันจะโฟกัสที่การขายผลิตภัณฑ์ชาเขียวเป็นหลัก ส่วนเรื่องของการผลิตขวด ผลิตฝา ผลิตฉลาก ปลูกชาเขียว นั้น ให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นไป ตัวของคุณตันเขาจะได้มาโฟกัสที่เรื่องของการทำการตลาด ทำการขายผลิตภัณฑ์หลักเพียงอย่างเดียว จะมีประสิทธิภาพมากกว่า
  72. คุณตันบอกว่า เวลาทำชาเขียวออกมา เขาไม่แข่งขันแต่กับเครื่องดื่มชาเขียวยี่ห้ออื่น แต่เขาต้องแข่งขันกับน้ำดื่มทุกเจ้า เพราะถ้าลูกค้าเดินเข้ามาที่เซเว่น ถ้าลูกค้าไม่ดื่มชาเขียว เขาก็จะไปดื่มนม ดื่มน้ำอัดลม แทน
  73. ถ้าคุณจะทำธุรกิจ คุณจะต้องขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของอันดับต้น ๆ ในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ให้ได้ เพื่อที่จะสามารถแข่งขันอยู่ในตลาดนั้น ๆ ได้
  74. มีหลายต่อหลายครั้งที่คุณตันไปบรรยายตามสถานศึกษาต่าง ๆ นับร้อยครั้งในปี ๆ หนึ่ง เฉลี่ยบรรยายทุก ๆ 3 วัน ที่เมื่อได้รับค่าบรรยายมาเขาก็จะมอบเงินนั้นให้แก่โรงเรียนต่อพร้อมกับสมทบเงินเพิ่มเข้าไปด้วย ค่าที่พักก็ออกเอง ที่ดูเหมือนจะเหนื่อย จะขาดทุน แต่กลับกลายเป็นว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างทล่มทลาย เพราะคนรู้จักคุณตันมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน
  75. จะทำเยอะหรือทำน้อย ไม่สำคัญเท่าการทำอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ วัน
  76. คุณตันบอกว่า แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นอันดับที่ 1 ในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ธุรกิจจะต้องยังคงมีกำไรในทุก ๆ วัน ไม่ใช่ยิ่งขายยิ่งขาดทุน
  77. วิธีเลือกลูกน้องสไตล์คุณตันก็คือ ถ้าคน ๆ นั้นเป็นคนดีแต่ไม่เก่ง ก็ให้สอนเขาให้เก่ง ส่วนคนเก่งถ้าไม่ดีก็ให้สอนให้เขาเป็นคนดี แต่ถ้าเป็นคนไม่เก่งด้วย ไม่ดีด้วย ให้เลิกเลยอย่าเสียเวลา
  78. การดูแลพนักงานภายในบริษัทนั้น อย่าสักแต่ว่าให้ตัวเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูแลเขา ต้องปลูกฝังความเชื่อมั่น ความทุ่มเท ความศรัทธาต่อบริษัท เพราะถ้าให้เงินเพียงอย่างเดียว พอเขาทำงานไป 5 ปี เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 15,000 เป็น 50,000 ก็จะต้องมีบริษัทอื่นยอมจ่าย 70,000 เพื่อดึงตัวพนักงานไปอยู่ดี
  79. การทำให้ดูทำให้เห็นนั้น สำคัญกว่าดีกว่าพูดให้ฟัง
  80. คุณตันเล่าว่า ถ้าพนักงานป่วยหนัก เช่นเป็นมะเร็ง ถ้าเอาระเบียบบริษัทเข้าว่า ก็มักจะเป็นการจ่ายเงินก้อนแล้วก็จบกัน แต่สิ่งที่คุณตันทำก็คือ การดูแล พาไปรักษา จ่ายเงินเดือนให้อยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าพนักงานคนดังกล่าวจะไม่สามารถเข้ามาทำงานที่บริษัทได้อีก ถ้าบริษัทไม่จ่ายเขาก็ยินดีที่จะควักเงินจากกระเป๋าตัวเองจ่าย ซึ่งการทำแบบนี้ถ้าคนอื่นมองดูก็อาจจะมองว่า ทำแล้วจะได้อะไร แต่คุณตันบอกว่า การทำให้เห็นแบบนี้ จะทำให้ได้ใจจากพนักงานทุกคนในบริษัท ที่พวกเขาจะมองเห็นว่า บริษัทคุณตันนี้จะดูแลพวกเขา จะไม่ทิ้งกัน
  81. การเลียนแบบดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่คุณตันบอกว่า การเลียนแบบเป็นสิ่งที่ดีเมื่อเราเลียนแบบแต่สิ่งดี ๆ ส่วนสิ่งไม่ดีเราก็อย่าไปเลียนแบบ อย่าไปทำตาม
  82. คุณตันเล่าว่า เขามักจะสอนให้ลูก ๆ ของเขานั้นเป็นคนประหยัด เช่น แทนที่จะซื้อมือถือแพง ๆ ให้ ก็ให้ใช้ถูก ๆ เพราะยังหาเงินเองไม่ได้ หรือเมื่อลูกโตขึ้นแล้ว เขาก็เขียนพินัยกรรมเอาไว้เลยว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่จะบริจาคให้เป็นการกุศล ลูกก็จะรู้แล้วว่า ถ้าอยากมี อยากได้ ก็ต้องฝึกหาเอาเอง แต่คุณตันก็บอกว่า ก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เลย แต่ให้แต่พอเหมาะ ให้เงินลูกไปทำธุรกิจเจ๊งก็มี ธุรกิจขาดทุนก็มี แต่ก็ให้ลูกเขาเรียนรู้ด้วยตัวเองว่า จะทำยังไงให้ธุรกิจมีกำไร ไม่ใช่เอะอะ อะไรก็มาแบมือขอตังค์พ่อแม่ตลอด
  83. ตอนที่คุณตันไปเปิดตลาดชาเขียวที่ประเทศลาว เขาเล่าว่าเขาได้ไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานกายกรรม ที่มีคนเข้างานเฉลี่ยพันคน แต่กลับขายชาเขียวได้แค่เพียงครึ่งเดียวประมาณ 500 คน เพราะแม้ว่าคนลาวจะรู้จักคุณตัน รู้จักชาเขียวมาอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้อุดหนุน แต่คุณตันก็อยากให้คนลาวได้ลองสินค้าดู เพราะถ้าเขาติดใจ ก็จะได้กลายมาเป็นลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันงานต่อมา คุณตันจึงปรับกลยุทธ์ โดยนำเอาข้าวโพดมาขายถูก ๆ เมื่อคนซื้อข้าวโพดไปกินแล้ว แน่นอนว่าจะต้องกระหายน้ำ และด้วยความที่เป็นสปอนเซอร์ในงาน ก็มีน้ำขายอยู่เพียงยี่ห้อเดียว จึงทำให้ยอดขายชาเขียวในวันนั้น คนซื้อชาเขียวมากกว่าจำนวนคนที่เข้างานซะอีก
  84. คุณตันเล่าว่า เมื่อตอนที่เขาไปเปิดตลาดชาเขียวที่เขมร คนกัมพูชาไม่รู้จักทั้งคุณตัน ไม่รู้จักแม้กระทั้งชาเขียว เขาไปเปิดบูธที่การแข่งเรือ 20 กว่าจุด ขายแทบไม่ได้เลย ก็เลยเปลี่ยนเป็นแจกฟรีเลยละกัน เพราะอยากให้ลองสินค้า แต่คนกลับเดินหนี คุณตันเลยเดินดูรอบ ๆ งาน ก็สังเกตเห็นเด็กคนหนึ่งร้องไห้ เพราะอยากได้ตุ๊กตา แถมเด็กเล็ก ๆ ในงานก็มีเยอะมาก คุณตันเลยปิ๊งไอเดียว่า ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นขายตุ๊กตาแทนแล้วแถมชาเขียวยัดใส่มือลูกค้าไปสองขวดด้วยเลยก็แล้วกัน จากเดิมที่จัดโปรฯ ว่าซื้อชาเขียวสองขวดแถมตุ๊กตาหนึ่งตัว ปรากฏว่า วันงานต่อมา แม้ว่าจะขายตุ๊กตาหมดแล้ว แต่ชาเขียวก็ยังขายได้
  85. คุณตันบอกว่าต้องรู้ข้อมูลว่าลูกค้าชอบสินค้าตัวไหน รสชาเขียวตัวไหนมากกว่ากัน ตัวอย่างเช่น จากข้อมูลที่คุณมี ก็พบว่า ลูกค้ากว่า 60%-70% ชอบชาเขียวผสมน้ำผึ้งมะนาว ดังนั้น เวลาไปเปิดตลาดใหม่ ถ้าเลือกที่จะเอาชาเขียวรสดั้งเดิม รสข้าวญี่ปุ่น หรือรสแย่สุดอย่าง sugar free ไปแจกแล้วล่ะก็ จากเดิมที่อาจจะไม่ได้ลูกค้าใหม่แล้ว คนที่ไปชิม ยังไปบอกต่อลูกค้าเก่าได้ด้วยว่า รสชาติชาเขียวห่วยแตก กลายเป็นไม่ซื้อมากกว่าเดิมก็เป็นได้
  86. คุณตันเล่าว่า ถ้าทำให้คนประทับใจเราได้ เขาจะช่วยอุดหนุนสินค้าจากเรา เช่น มีกรณีหนึ่งที่เป็นลูกค้าคุณตันที่จังหวัดนครปฐม ร้านเขาไฟไหม้ คุณตันเข้าใจว่า ร้านเขาไฟไหม้เขาก็ต้องใช้เงิน คุณตันจึงส่งสินค้าไปให้ใหม่ทันที 2,000 ลัง แล้วอีก 6 เดือนเรื่องเงินค่อยว่ากัน ดังนั้น เมื่อ 6 เดือนผ่านไปเมื่อร้านที่ไฟไหม้เขาฟื้นตัวแล้ว เขาก็รักเรา เขาก็จะช่วยดันสินค้าให้เรา เป็นต้น
  87. คุณตันบอกว่า การเป็นคนเคยได้รับมาก่อนนั้น คุณจะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่พิเศษ แล้วคุณก็อยากจะให้คุณอื่นบ้าง ซึ่งสิ่งที่คุณจะได้ทันทีเลยก็คือไม่ใช่เรื่องของตัวเงินเพียงอย่างเดียว แต่คือความสุข ความศรัทธา ความพึงพอใจ
  88. เมื่อตอนที่คุณตันทำธุรกิจเปิดร้านขายกาแฟ แล้วกำลังขยายสาขาใหม่ ก็ได้สั่งเมล็ดกาแฟจากเฮียท่านหนึ่ง ซึ่งก็ไม่เห็นเฮียมาเก็บเงินสักกะที จึงถามเฮียว่าทำไมไม่มาเก็บตังค์ค่าเมล็ดกาแฟ เฮียก็ตอบกลับคุณตันว่า เห็นคุณตันกำลังขยับขยายร้านอยู่ อยากให้คุณตันมีเวลาหมุนเงิน จะได้หมุนเงินสบาย ๆ หน่อย มีเมื่อไหร่ค่อยมาจ่าย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้ใจคุณตันมาก จนอุดนหนุนซื้อเมล็ดกาแฟจากเฮียท่านนี้มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าเจ้าอื่น แต่เฮียก็ต้องอธิบายและพิสูจน์ให้ทางคุณตันเห็นด้วยว่า เพราะเหตุใดจึงแพงกว่าเจ้าอื่น คุณตันจึงจำเอาไว้เป็นบทเรียน เพื่อนำไปใช้ในโอกาสต่อ ๆ ไปกับคนอื่นบ้าง
  89. งานวันเกิด งานเลี้ยงปีใหม่ งานขึ้นบ้านใหม่ คุณไม่ไปงานเขาก็ยังได้ แต่ในวันที่เขาเดือดร้อนที่สุด เขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด คุณจะอยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยเหลือพวกเขาในวันที่ยากลำบาก
  90. การที่คุณจะมีทัศนคติแบบไหนนั้น สังคมและคนที่รายล้อมรอบตัวคุณมีผลต่อตัวคุณเป็นอย่างมาก หากคุณรายล้อมไปด้วยคนที่ไม่ดี กินเหล้า เมายา คิดไม่ดี คิดว่าทำไม่ได้ คิดว่าทำดีไม่ได้ดี คุณก็มีโอกาสที่จะเป็นอย่างพวกเขาได้ แต่ในขณะที่หากคุณรายล้อมไปด้วยคนที่ประสบความสำเร็จ รายล้อมไปด้วยคนดี คิดดี คนมีความสุข คนที่เชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำได้ และเชื่อว่าทำดีแล้วจะได้ดี คุณก็มีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างพวกเขา
  91. คุณตันได้เลียนแบบการทำมูลนิธิมาจาก Bill Gates และ Warren Buffett ที่บริจาคทรัพย์สินส่วนตัวกว่าร้อยละ 90 ให้กับองค์กรเพื่อการกุศล คุณตันก็อยากที่จะเลียนแบบในสิ่งดี ๆ ที่คนอื่นทำบ้าง แต่อาจจะยังไม่ถึงร้อยละ 90 แบบเขา แต่อาจจะขอเริ่มจากสัก 50% ก่อน ดังนั้นให้เราลองเลียนแบบในสิ่งที่ดี ๆ ดู
  92. มนุษย์เรานั้นมีพลังมากกว่าที่ตัวเราเองคิด และความคิดที่จะสามารถดึงพลังมหาศาลออกมาได้นั้นก็คือ การมีความเชื่อมั่น เชื่อว่าเราสามารถทำมันได้
  93. การทำธุรกิจก็เหมือนตกปลา ใช้คันเบ็ดสองคันเพื่อตกปลาตัวเดียว ถ้าเราไปกับคนอื่นแล้วเราตกปลาได้อยู่คนเดียว อีกคนมันจะไม่สนุกด้วย บางคนตกปลาไม่เป็น เราก็ต้องสอน หรือบางครั้งเราก็อาจจะต้องแกล้งยื่นเบ็ดให้เขาดีใจบ้างว่า เขาตกปลาได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนตกได้ ซึ่งบางครั้งคุณตันก็ยอมเป็นหมูให้เขาเชือด เพื่อแลกกับโอกาสทางธุรกิจ ที่เขาอาจจะนึกถึงเราเป็นคนแรก ๆ ในอนาคต เป็นต้น
  94. สิ่งที่คุณตันได้เรียนรู้จาก โน้ต อุดม แต้พานิช ในเรื่องของการพูดก็คือ คุณตันไปพูด ไปบรรยาย หลายร้อยครั้ง ยังเข้าถึงคนได้ไม่เท่าที่ โน้ต อุดม ขึ้น พูด talk show เพียงครั้งเดียว แต่การขึ้นพูดต่อหน้าคนหลายพันคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเตรียมงานกัน 1-2 ปี กว่าที่จะเก็บข้อมูล เรียบเรียงโชว์ขึ้นมาได้ โดยสิ่งที่คุณโน้ต อุดม ทำนั้น เขาไม่ได้คำนึงถึงตัวเงินเป็นหลัก แต่เขาคำนึงถึงผู้ฟัง แฟนคลับ เป็นหลัก ว่า จะต้องได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น แถมยังอัด DVD ขาย ที่ในสมัยนั้น สามารถเขาถึงคนนับล้านคนได้อีกด้วยหลังจากขึ้นพูดโชว์จบแล้ว
  95. เวลาที่คุณจะกู้เงินเพื่อมาทำธุรกิจ คุณตันบอกว่า คุณต้องกู้ตอนที่คุณมีตังค์ เช่น ตอนที่คุณตันมีเป็นพันล้าน ขอกู้สองพันล้านบาท มีแบงค์ 4 แบงค์ มายื่นประมูลให้ถึงที่ แถมได้ดอกเบี้ยต่ำที่สุดอีกด้วย แต่พอเกิดวิกฤตเช่นตอนน้ำท่วม คุณอยากกู้เงินมาซ่อมแซมโรงงาน จะมีแต่แบงค์อยากได้เงินคืน ไม่มีแบงค์ไหนอยากให้กู้
  96. ชีวิตคนเรานั้น มีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเข้ามาอยู่เสมอ แต่อย่าให้เรื่องไม่ดี มาทำให้เราท้อแท้ เศร้าหมอง จนลืมสิ่งดี ๆ ที่มีอีกตั้งหลายเรื่องที่ทำให้เรามีความสุขมากกว่า
  97. ถ้าเราเป็นคนดีอยู่แล้ว ยังไม่เพียงพอ แต่เรายังต้องกล้าปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ดี คนไม่ดี ไม่ให้เข้ามาในชีวิต อยู่ให้ห่างจากคนเหล่านั้น อยู่ให้ห่างจากสิ่งเหล่านั้น
  98. งานมีเอาไว้ทำ ไม่ได้มีเอาไว้ให้เครียด ฉะนั้นอย่าไปเครียดกับงาน
  99. คุณตันบอกว่า คำแนะนำทั้งหมดของเขานั้น คือคำแนะนำที่เขาใช้ได้ผลดีกับตนเอง แต่มันก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะใช้ได้ดีกับคนอื่น หรือแม้แต่คำแนะนำที่ดีในวันนี้ที่ใช้ได้ผลดีกับบริษัทของคุณตันเอง ในอนาคตเขาอาจจะไม่ใช้หรือใช้ไม่ได้ผลดีอย่างเดิมก็ได้เช่นกัน ดังนั้นจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เขากับโลกปัจจุบันอยู่เสมอ
  100. ถ้าคุณมีความพยายามและสู้อย่างเต็มที่ รับรองได้ว่าชีวิตนี้คุณไม่มีทางตัน

Resources

One thought on “100 ข้อคิด จาก ตัน ภาสกรนที | Blue O’Clock Podcast EP. 58

Comments are closed.