Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Bitcoin and Cryptocurrency

Bitcoin อาจพุ่งแตะ $13 ล้านดอลล่าร์ฯ ต่อเหรียญ by Michael Saylor | Blue O’Clock Podcast EP. 68

Michael Saylor กับ Bitcoin: ความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้สู่อนาคตการเงินโลก

Michael Saylor ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของบริษัท MicroStrategy ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกแห่ง Bitcoin ด้วยวิสัยทัศน์ที่ลึกซึ้งของเขา Michael เขาไม่ได้มอง Bitcoin ว่าเป็นเพียงสินทรัพย์ทางเลือก แต่เขาเชื่อว่ามันคือทางออกสำหรับปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจของโลก และมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนระบบการเงินของโลกได้

Michael Saylor ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้บนช่องของ RiskReversal Media ที่สัมภาษณ์โดย Dan Nathan โดยเกริ่นถึงการที่ Michael Saylor ได้กล่าวถึงหนังสือ The Little Book of Bitcoin ที่เขียนโดย Anthony Scaramucci

โดย Michael Saylor กล่าวถึงข้อแนะนำภายในหนังสือที่ระบุว่า เราควรกันเงินจำนวน 1-2% ของพอร์ตโฟลิโอไว้ใน Bitcoin แต่ในขณะที่ Michael เขาให้ความเห็นว่า การกันเงินเพียง 1-2% นั้น มันก็เหมือนเป็นแค่ “การซื้อประกันภัย” สำหรับทางการเงิน มันไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือแก้ปัญหาการลงทุนจริง ๆ ได้

ซึ่ง Michael Saylor เขาก็เสนอว่า ถ้าหากคุณเชื่อมั่นในสินทรัพย์นั้น ๆ อย่างแท้จริง การที่จะลงทุนในระดับ 20%, 40%, หรือแม้แต่ 75% ของพอร์ตโฟลิโอนั้น มันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมมากกว่า โดยเขายังได้เปรียบเปรยว่า การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนั้น มันเหมาะกับกรณีที่คุณไม่แน่ใจหรือไม่มั่นใจในสินทรัพย์นั้น ๆ แต่เมื่อคุณรู้คำตอบ รู้ทางออก ในการแก้ไขปัญหาแล้วนั้น คุณควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ยกตัวอย่างเช่นเดียวกับการที่คุณสนับสนุนเด็ก ๆ ถ้าลูกคุณเก่งบาสเกตบอล คุณจะไม่บอกเขาให้แบ่งเวลาไปยิงธนู จ็อกกิ้ง ว่ายน้ำ ฟุตบอล หรือฮอกกี้ คุณจะบอกให้เขามุ่งเน้นที่บาสเกตบอล” หรืออย่างกรณีของเครื่องบิน ที่เราสร้างเครื่องบินด้วยอลูมิเนียม เราไม่กระจายไปใช้เหล็ก ดินเหนียว บรอนซ์ หรือไม้ เพราะเรารู้ว่าอลูมิเนียมคือคำตอบที่ถูกต้องของการแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออก

การตัดสินใจในปี 2020: เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส

ในช่วงกลางปี 2020 บริษัท MicroStrategy อยู่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางออก ซึ่ง ณ ตอนนั้น บริษัทมีเงินสดสำรองอยู่ 500 ล้านดอลลาร์ฯ และ สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ปีละ 75 ล้านดอลลาร์ฯ แต่ก็ต้องเผชิญกับภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำจนถึงศูนย์ ซึ่งมันทำให้การถือเงินสดกลายเป็น “สินทรัพย์ที่เสื่อมค่า” โดย Michael Saylor เล่าว่า “เมื่อ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ทำการลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือศูนย์ คุณจะตระหนักได้ทันทีว่าเงินสดของคุณกำลังเสื่อมมูลค่า”

แถมสถานการณ์ของบริษัท MicroStrategy ในตอนนั้นยังเผชิญกับการแข่งขันที่ยากลำบากกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft โดย Michael Saylor กล่าวว่า “เราเหมือนติดอยู่ในกับดักการแข่งขัน ไม่มีโอกาสที่จะปีนขึ้นมาสู่จุดสูงสุดได้เลย”

และเมื่อพิจารณาทางออกสำหรับบริษัท Michael Saylor ก็อธิบายว่า เขามีอยู่ด้วยกันสามทางเลือก ก็คือ:

  1. ขายบริษัทและยอมแพ้ ซึ่งกว่าร้อยละ 99 หรือร้อยละ 100 นั้น มักเลือกวิธีนี้
  2. ดำเนินงานต่อไปโดยใช้เงินสดสำรองจ่ายโบนัสเพื่อรักษาพนักงาน แต่สุดท้ายบริษัทอาจหมดตัว
  3. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสูง หรือหาบริษัท “monster company” เพื่อทำการเข้าซื้อกิจการ

Michael อธิบายเพิ่มเติมว่า “monster company” หมายถึงบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูง เช่น บริษัทที่มีการเติบโต 20-40% ต่อปี

และทาง Michael Saylor ก็ได้เลือกทางเลือกที่สาม แต่ในขณะที่พิจารณาว่าควรเข้าซื้อกิจการใด Michael เขาก็พบว่าไม่มีบริษัทใดที่เหมาะสมหรือมีศักยภาพเพียงพอ “เราไม่สามารถหาบริษัทที่เติบโตเร็วพอที่จะทำให้การลงทุนคุ้มค่าได้”

ซึ่งสุดท้าย เขาก็ตัดสินใจลงทุนใน Bitcoin โดย Michael Saylor เขาเปรียบ Bitcoin มันเหมือนกับ Facebook ที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยงในโลกสังคมออนไลน์ หรือ Google ที่เป็นรากฐานของเครือข่ายข้อมูลทั่วโลก ซึ่ง Bitcoin คือสิ่งที่ทำหน้าที่เดียวกันในโลกของการเงิน เป็นเครือข่ายที่ทรงพลังและมีศักยภาพที่จะกลายเป็นระบบหลักที่ทุกคนใช้งานได้ในอนาคต มันคือเครือข่ายการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่มีอะไรเทียบได้”

ทำให้ Michael Saylor เขาได้ตัดสินใจลงทุนด้วยเงินสดจำนวน 500 ล้านดอลลาร์ฯ ใน Bitcoin โดยเปรียบว่ามันเหมือนกับการซื้อบริษัทเทคโนโลยีที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 60% ต่อปี “ซึ่งถ้าคุณสามารถซื้อบริษัทที่เติบโตได้เร็วขนาดนั้น ด้วยเงินสดที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ ทำไมคุณถึงจะไม่ซื้อกันล่ะ?”

Michael Saylor อธิบายว่าการลงทุนใน Bitcoin ของเขาเป็นการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ก็เป็นโอกาสเดียวที่เขามองเห็นว่าจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของ MicroStrategy ได้ ในตอนนั้น บริษัทอยู่ในจุดที่ไม่มีทางเลือกอื่น และเขาเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทหลุดพ้นจากวิกฤต และสร้างโอกาสใหม่สำหรับอนาคต

การเติบโตและกลยุทธ์การระดมทุน

หลังจากที่ Michael Saylor ตัดสินใจลงทุนใน Bitcoin เป็นครั้งแรกในปี 2020 ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลให้กับบริษัท MicroStrategy ทันที ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสองถึงสามเท่า สร้างความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม โดย Michael เล่าว่า “เมื่อ Bitcoin ราคาขึ้น หุ้นของบริษัทก็ขึ้นตามไปด้วย และนั่นทำให้นักลงทุนเริ่มตระหนักถึงศักยภาพของเรามากขึ้น”

ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Bitcoin บริษัท MicroStrategy ได้ตัดสินใจขยายการลงทุนเพิ่มเติมผ่านการกู้ยืม โดยบริษัทกู้เงินจำนวน 500 ล้านดอลลาร์ฯ ในอัตราดอกเบี้ยเพียง 6% และนำเงินทั้งหมดไปซื้อ Bitcoin เพิ่ม Michael อธิบายว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญ เพราะแม้จะเสียดอกเบี้ย 6% แต่ Bitcoin มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงถึง 60% ทำให้ยังคงได้กำไรส่วนต่างถึง 54% ซึ่งถือเป็นการใช้เงินทุนอย่างคุ้มค่า

การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นช่วยเปิดโอกาสให้บริษัท MicroStrategy สามารถระดมทุนเพิ่มเติมได้ โดย Michael Saylor และทีมงานเลือกใช้ พันธบัตรแปลงสภาพ (Convertible Bonds) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้บริษัทกู้ยืมเงินในต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำ เพราะนักลงทุนสามารถเลือกแปลงพันธบัตรที่ถืออยู่เป็นหุ้นของบริษัทได้ในอนาคต กลยุทธ์นี้ช่วยให้ MicroStrategy มีเงินทุนเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปลงทุนใน Bitcoin ได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทได้ใช้ วิธีการขายหุ้นแบบ ATM Shelf Registration ซึ่งย่อมาจาก “At-The-Market Offering” เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ MicroStrategy สามารถขายหุ้นออกสู่ตลาดในลักษณะทีละน้อยตามความต้องการของนักลงทุน วิธีนี้ช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุนได้อย่างยืดหยุ่น และหลีกเลี่ยงแรงกดดันที่อาจส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงอย่างรุนแรง เพราะปกติแล้วถ้าหากคุณเทขายหุ้นจำนวน 100 ล้านดอลล่าร์ฯ รวดเดียวแล้วล่ะก็ ราคาหุ้นจะโดนทุบตกลงไปกว่า 20% ในทันที ซึ่งนวัตกรรมนี้ทำให้ไม่เป็นอย่างนั้น นี่คือหนึ่งในนวัตกรรมที่ดีที่สุดในตลาดทุนในรอบ 30 ปี เพราะมันช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุนได้อย่างโปร่งใสและมีความยุติธรรม นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในหุ้นของบริษัท และบริษัทก็สามารถเดินหน้ากลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การเดินทางของ Bitcoin ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป Michael พูดถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากใน “crypto winter” เมื่อราคาของ Bitcoin ตกจากจุดสูงสุดที่ $66,000 เหลือเพียง $16,000 ในช่วงวิกฤตครั้งนั้น MicroStrategy ยังคงถือ Bitcoin อย่างมั่นคง โดยมองว่าเป็นสินทรัพย์ระยะยาวที่มีศักยภาพ แม้ตลาดจะเผชิญความผันผวน และในช่วงนี้ราคาของ Bitcoin ก็กลับมาแตะที่ $100,000 ต่อ BTC จนได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัท MicroStrategy กลายเป็นบริษัทมหาชนที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก โดยปัจจุบันบริษัทมี Bitcoin ในครอบครองมากกว่า 400,000 BTC

วิสัยทัศน์อนาคตของ Bitcoin

Michael Saylor มองว่า Bitcoin ไม่ใช่แค่สินทรัพย์ดิจิทัล แต่มันจะกลายมาเป็นรากฐานใหม่ของระบบการเงินโลกที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับ ภาษาอังกฤษ ไฟ หรือไฟฟ้า ที่ทั้งโลกใช้เป็นพื้นฐาน โดยเขาเชื่อว่า Bitcoin จะช่วยสร้างความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรืองให้กับผู้ที่เข้าใจมัน

สุดท้าย Michael Saylor ยังได้คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจมีมูลค่าสูงถึง 13 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อเหรียญ ภายในปี 2045 หรือราว ๆ 400 ล้านบาท ต่อ 1 เหรียญบิตคอยน์ (ซู้ดดดดดดดด) โดยอิงจากการเติบโตในอัตราเฉลี่ยปัจจุบัน ซึ่งเขาเชื่อว่า Bitcoin จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ทุกคน ทั้งบริษัท ครอบครัว และรัฐบาล สามารถใช้เป็นรากฐานในการจัดการกับเงินทุน

Resources

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *