9 สิ่งที่คุณต้องหลีกเลี่ยงหากต้องการเป็นคนรวยอย่างแท้จริง
สำหรับบทความนี้ Dan Lok ที่ปรึกษานักธุรกิจร้อยล้าน จะมาให้ความรู้ในเรื่องของสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง หากคุณต้องการที่จะเป็นคนรวย ซึ่งหลายคนที่ยังไม่รวยมักประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเงิน ๆ ทอง ๆ แล้วก็มักจะคิดเอาเองว่า สาเหตุที่ฉันไม่รวยสักกะที ก็เพราะฉันมีเงินไม่มากพอ, ฉันไม่มีเงินทุนเริ่มต้นทำธุรกิจ, ฉันไม่มีไอเดียดี ๆ ในการเริ่มต้นทำธุรกิจ ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มทำธุรกิจอะไรดี ขายอะไรดี หรือฉันไม่รู้จักใครเลยในวงการธุรกิจนี้
ซึ่งสาเหตุที่คุณยังไม่รวย ไม่ใช่เพราะคุณมีไม่มีเงินหรือมีเงินไม่มากพอที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ แต่สิ่งที่ทำให้คุณไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ก็คือ EGO หรืออคติ มีทิฐิในตนเองมากเกินไป ซึ่งเจ้า EGO มักจะแฝงตัวมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน และคุณต้องหามันให้เจอแล้วกำจัดมันออกไปซะถ้าอยากรวย
The Blame Ego
อีโก้นี้หมายถึง ความสามารถในการโทษทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ยกเว้นการโทษตัวเอง คนจนส่วนใหญ่ พวกเขามักบ่นว่า ที่ฉันไม่รวยก็เพราะรัฐบาลมันห่วย ที่ฉันไม่รวยก็เพราะเศรษฐกิจมันแย่ ที่ฉันไม่รวยก็เพราะฉันเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ที่ฉันไม่รวยก็เพราะฉันไม่มีเพื่อนรวย ๆ คบ หรือที่ฉันไม่รวยก็เพราะมีหัวหน้าห่วย ๆ ที่คอยฉุดรั้งฉันไว้ ซึ่งถ้าหากวันดีคืนดีมีมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลก คนจนเหล่านี้ก็ต้องพูดอย่างแน่นอนว่า เพราะพวกมนุษย์ต่างดาวนี่แหละที่ทำให้ฉันไม่รวยสักกะที โดยที่ไม่เคยคิดจะโทษตัวเองเลยแม้แต่น้อย จงอย่าลืมว่า ทุกครั้งที่คุณชี้นิ้วด่าคนอื่น มันจะมีอีกสามนิ้วที่ชี้กลับมาหาตัวคุณเองเสมอ
The Know it All Ego
อีโก้นี้หมายถึง ฉันรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจนี้เป็นอย่างดี ฉันเก่ง ฉันเจ๋ง ฉันไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป ฉันไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือ ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าฝึกอบรมใด ๆ เพราะฉันเจ๋งที่สุดในเรื่องนี้แล้ว ฉันรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับมัน ซึ่งหากเปรียบกับสุภาษิตไทยก็คือ คนเหล่านี้เป็นพวกน้ำเต็มแก้ว ที่ไม่ว่าใครจะพยายามมอบความรู้ใหม่ ๆ ให้ พวกเขาก็ไม่ยอมรับสิ่งนั้น ไม่เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จนกระทั่งเมื่อมาถึง ณ จุดหนึ่งที่ว่า เมื่อพวกเขาทำในสิ่งที่เคยทำอยู่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งมันก็ไม่เวิร์คซะอย่างงั้น ทำซ้ำ ๆ เดิม ๆ ซ้ำเล่าซ้ำเล่า แล้วก็หวังว่าจะได้ผลลัพธ์แบบใหม่ ๆ
Albert Einstein เคยกล่าวเอาไว้ว่า “Insanity is doing the same thing over and over again and expecting different results.” หมายถึง มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่พยายามทำแต่สิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แต่กลับหวังที่จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากเดิม
The Fearful Ego
คืออีโก้เกี่ยวกับความกลัว ซึ่งรวมไปถึง การกลัวความสำเร็จ กลัวว่าวันหนึ่งพอเป็นคนรวยแล้ว อาจจะต้องสูญเสียทุกอย่าง เมื่อถึงวันนั้นคงรับไม่ได้ หรือกลัวว่าถ้าทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจแบบสุดตัวแล้ว จะล้มเหลวไม่เป็นท่า กลัวจะขาดทุน กลัวเสียเวลาเปล่า ซึ่งแท้จริงแล้ว ความกลัวเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างภาพจินตนาการขึ้นมาภายในหัวเพื่อให้อยู่ในโซนที่ปลอดภัยซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น หากมีเรื่องอะไรก็ตามที่อยู่นอกโซนความสบายใจ สมองมนุษย์จะพยายามสั่งไม่ให้ไปนอกโซนเด็ดขาด ซึ่งอันที่จริงแล้ว ในโลกของธุรกิจ การล้มเหลวคือสิ่งที่เกิดควบคู่กับการเรียนรู้ไปสู่เส้นทางความสำเร็จ ดังประโยคที่ว่า “No Pain no Gain” หากไม่มีความเจ็บปวด ย่อมไม่มีการพัฒนา
The Judgemental Ego
มีอีโก้ที่ชอบตัดสินคนอื่นจากภายนอก คุณคงเคยได้ยินเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ใส่รองเท้าขาด ๆ มีรูโบ๋อยู่ที่หัวนิ้วโป้งของรองเท้า แล้วก็พบว่ามีชาวเน็ตคนหนึ่ง ได้ถ่ายรูปชายเจ้าของรองเท้าที่ขาดนั้นไว้ แล้วไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า “ดูนั่นสิ ผู้ชายคนนั้นซ่อนกล้องอยู่ที่รองเท้าแล้วกำลังเอากล้องถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่” หลังจากนั้นไม่นาน โพสต์นี้ก็ได้กลายเป็นไวรัล โดยมีชาวเน็ตจำนวนมาก แห่มาคอมเม้นท์ต่อว่า ด่าทอชายเจ้าของรองเท้าขาดเป็นรูนั้นแบบเสีย ๆ หาย ๆ บ้างก็ว่า ผู้ชายคนนี้เลว ชั่วช้า หื่นกาม แต่เมื่อความจริงปรากฏ ก็พบว่ามันเป็นเพียงรองเท้าขาดธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง
คำถามก็คือ “คุณกำลังเป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบตัดสินคนอื่นอยู่หรือเปล่า?” เพราะคุณไม่รู้หรอกว่า ชายคนนั้นเขาอาจจะใส่รองเท้าเก่า ๆ เพราะมันเป็นแฟชั่น หรือไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นคนขยันทำมาหากิน เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนดีชอบทำบุญ เป็นคนหาเช้ากินค่ำเพื่อเลี้ยงครอบครัว ซึ่งคุณแค่เห็นเขาเพียงแว๊บเดียวแล้วก็ตัดสินไปต่าง ๆ นา ๆ ในทางลบ ๆ ในทางเสีย ๆ หาย ๆ และนั่นบ่งบอกถึงระบบความคิดในหัวของคุณว่าเป็นเช่นไร เช่นเดียวกันหากคุณเห็นคนรวยแล้วตัดสินพวกเขาว่า พวกเขารวยจากมรดกทรัพย์สินที่แก่งแย่งมาจากตระกูล รวยจากการโกง รวยจากการทำธุรกิจผิดกฏหมาย พวกคนรวยเป็นคนไม่ดี ในท้ายที่สุด ในหัวของคุณก็จะเริ่มสร้างภาพว่า ฉันเกลียดคนรวยเพราะคนรวยเป็นคนไม่ดี และฉันก็ไม่อยากเป็นคนไม่ดี ดังนั้นฉันเลยไม่เป็นคนรวย (กรวยย!)
The Excuses Ego
อีโก้ประเภทนี้คือ คนที่มีข้ออ้างต่าง ๆ นา ๆ เพื่อสร้างเหตุผลที่ดีในการที่จะไม่ลงมือทำจนได้ หลายคนบ่นว่าฉันมีเงินไม่พอใช้ ฉันต้องหารายได้เพิ่มหรือทำธุรกิจเสริมควบคู่ไปด้วย แต่………
- ฉันไม่มีเงินทุน
- ฉันไม่มีเวลา
- ฉันไม่มีความสามารถมากพอ
- มันยากเกินไปที่ฉันจะทำได้
- มันไกลจากที่พักของฉัน
- มันต้องลำบากแน่ ๆ
- ฉันไม่สะดวกใจที่จะทำ
- ฉันมีลูกแล้ว คงทำอะไรไม่ค่อยสะดวก
- บลา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ซึ่งคนจนนั้น สามารถหาเหตุผลร้อยแปดพันอย่างที่จะไม่ลงมือทำได้แทบทั้งสิ้น ทั้ง ๆ ที่การหาเหตุผลเพื่อลงมือทำนั้น ขอเพียงเหตุผลเดียวดี ๆ สักข้ออย่างเช่น ทำเพื่อคนที่เรารัก ก็เพียงพอแล้ว
The People Pleasing Ego
อีโก้นี้จะหมายถึง คนที่ชอบเอาใจแต่ผู้อื่น พยายามทำให้ผู้อื่นถูกใจ ชื่นชอบอยู่ตลอดเวลา จนลืมไปว่า คนแรกที่เราควรเอาใจก่อนใครเลยก็คือตัวของเราเอง แน่นอนว่าหลายคนมีความสุขกับการเอาใจผู้อื่น ใส่ใจผู้อื่น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เราไม่สามารถเอาใจทุกคนได้ทั้งหมด มีคำกล่าวนึงได้กล่าวเอาไว้ว่า “หากคุณต้องการประสบความสำเร็จไม่มีอะไรการันตีได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หากคุณอยากล้มเหลวแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ให้คุณพยายามเอาใจทุกคนอยู่ตลอดเวลา”
The Jealous Ego
ความอิจฉาริษยาจะคอยมาบ่อนทำลายและเป็นอุปสรรคที่คอยขัดขวางไม่ให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จ ผู้คนที่อิจฉาริษยาใส่คุณ อันที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ว่าคุณหรอก เพียงแต่พวกเขาเผยสถานะหรือตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมาด้วยความขาดแคลนในสิ่งที่พวกเขาอยากมีแต่ไม่สามารถมีได้ต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาอิจฉาคนรวย ที่อยู่ดีกินดีกว่า อิจฉาคนรวยมีรถสปอร์ต มีบ้านหลังใหญ่โต แต่สุดท้ายก็ได้แต่บ่นแต่ไม่เคยลงมือทำอะไรให้กับตัวเองเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเลย และเช่นเดียวกัน หากคุณกำลังทำ Youtube Chanel ที่มีวีดีโอที่สามารถช่วยเปลี่ยนแปลงให้ผู้คนนับล้านมีชีวิตที่ดีขึ้นอยู่ คุณจะต้องเจอกับคอมเม้นท์แย่ ๆ ที่มาถล่มใส่คุณเป็นบางครั้งบางคราว จนคุณอาจนอยส์ ไม่เป็นอันทำงาน จงอย่าให้ความอิจฉาริษยาเหล่านั้นมาหยุดยั้งตัวคุณ ลุย!
The Shy Ego
อย่าใช้ข้ออ้างความขี้อาย ความไม่กล้า ความเป็นโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบพบปะผู้คน ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า มาใช้เป็นเหตุผลที่คอยปิดกั้นเส้นทางความสำเร็จของคุณ เพราะคุณอย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม และหากคุณต้องการร่ำรวยจากสังคมที่คุณอยู่ คุณก็ต้องสร้างคุณค่าให้แก่ผู้อื่น เพราะยิ่งคุณสร้างคุณค่าให้แก่ผู้อื่นได้มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งร่ำรวยมากขึ้นเท่านั้น เพราะคนอื่น ๆ ยินดีที่จะใช้เงินเพื่อตอบแทนหรือแลกเปลี่ยนกับคุณค่าที่คุณมีอยู่นั่นเอง ดังนั้นจงอย่าอาย จงจำเอาไว้ว่า “ด้านได้ อายอด”
The Do it Yourself Ego
คุณอาจคิดว่าคุณเจ๋งในสิ่งที่คุณทำอยู่ และไม่อยากให้คนอื่นมาทำงานชิ้นนี้แทนคุณ เพราะคุณไม่เชื่อใจว่าพวกเขาเหล่านั้นจะทำงานนี้ได้ดีเท่าคุณ แต่รู้หรือไม่ว่า เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่จ้างคนที่เก่งกว่าพวกเขามาทำงานให้แทบทั้งสิ้น
ซึ่งแม้ว่าในช่วงแรกของการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น คุณอาจจะเริ่มต้นมาจากตัวคุณเพียงคนเดียว และคุณเองก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างภายในบริษัทด้วยตัวคนเดียว แต่เมื่อจุด ๆ หนึ่งที่คุณต้องการให้ธุรกิจเติบโต คุณจะพบว่า คุณไม่มีเวลามากพอที่จะทำทุกอย่างทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไป เพราะเมื่อธุรกิจใหญ่ขึ้น มันก็จะเริ่มมีงานหลายสิ่งหลายอย่างให้จัดการมากขึ้น ในขณะที่ตัวคุณมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่าเดิม ดังนั้น การให้คนอื่นเข้ามาช่วยทำงานก็คือการใช้พลัง Leverage หรือพลังทวี ที่ใช้แรงกาย แรงกายใจ และเวลาของผู้อื่นมาช่วยทำงานให้สำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น แม้ว่าคุณจะมีเวลาเท่าเดิมก็ตามที
สุดท้ายนี้ อย่าแปลกใจหากคุณมี Ego เหล่านี้ติดตัวอยู่ เพราะมนุษย์เกิดมา ใคร ๆ ก็มีอีโก้เหล่านี้กันทั้งนั้น และการที่ใครจะประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้เร็วกว่ากันนั้น มันก็วัดกันที่ว่า ใครสามารถลดอีโก้เหล่านี้หรือละทิ้งอีโก้เหล่านี้ได้มากกว่ากันนั่นเอง
Resource