4 นิสัยเศรษฐี จาก 4 มหาเศรษฐีรุ่นพี่สอนว่าที่เศรษฐีรุ่นน้อง
Habits หรืออุปนิสัยระหว่างคนรวยกับคนจนนั้น มีข้อแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ข่าวดีก็คือนิสัยเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็สามารถฝึกกันได้ จงฝึกนิสัยแบบคนรวยให้ชินให้ซึมลึกจนกระทั่งกลายเป็นสันดานโดยสมบูรณ์แบบขึ้นมา แล้วคุณก็จะมีโอกาสกลายเป็นคนรวยโดยอัตโนมัติ และนี่ก็คือ 4 นิสัยเศรษฐี จากมหาเศรษฐีรุ่นพี่ทั้ง 4 คน
นิสัยเศรษฐีข้อที่ 1 – เป็นผู้ฟังที่ดี (Listen Well)
Richard Branson มหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักร Virgin Group ที่มีมากกว่า 400 บริษัท โดย ณ ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 117,800 ล้านบาท โดยให้คำแนะนำว่า คุณสมบัติพื้นฐานของคนที่เป็นผู้นำนั้นจะต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ซึ่งอันที่จริงผู้นำที่ดีส่วนใหญ่นั้น พวกเขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองมีแนวความคิดแบบไหน จะทำอะไร แทนที่จะสั่งลูกน้องให้ไปทำตามที่ตัวเองคิด ผู้นำที่ดีควรรับฟังความคิดเห็นจากลูกทีมมากกว่า เพราะโดยปกติแล้วคนเราแต่ละคนนั้น มักมีมุมมองที่แตกต่างกัน บางอย่างที่หัวหน้ามองไม่เห็น ลูกทีมก็อาจมองเห็นได้ และเป็นประโยชน์กับทีม ดังนั้น ผู้นำที่ดีจะเรียนจากลูกน้องของตนเอง และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ทุกไอเดีย ทุกความคิดเห็นที่มีประโยชน์ผมจะจดลงบนกระดาษโน้ตทุกครั้ง เพราะเขาเคยมีประสบการณ์มาแล้วว่า หลังจากจบประชุมกันอย่างเคร่งเครียดแล้วนั้น เขามักจะพาลูกทีมไปสังสรรค์คลายเครียดกันต่อจนดึกจนดื่น แล้วหลังจากตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ไอ้ที่ประชุมกันเมื่อวานผมก็จำมันไม่ได้ซะแล้ว ดังนั้นผมจึงแนะนำว่า ให้คุณจดโน้ตเอาไว้ทุกครั้งในระหว่างการพูดคุย
และนอกจากลูกน้องที่คุณต้องรับฟังแล้ว คุณจะต้องรับฟังจากลูกค้าของคุณด้วย โดยทุกครั้งที่เขามีโอกาสได้นั่งสายบิน Virgin Airline ของตนเองนั้น เขามักจะเดินสอบถามผู้โดยสารทุกครั้งเพื่อพูดคุย รับ feedback ฟังความต้องการของผู้โดยสารว่า พวกเขาต้องการอะไรบ้าง ซึ่งบางเรื่องอาจเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มักถูกมองข้ามไป แต่เมื่อนำความคิดเห็นนั้นไปปรับปรุงการบริการก็พบว่า มันทำให้ผู้สารมีความสุข และมักจะโหวตให้สายการบิน Virgin Airline ได้รับการโหวตบริการยอดเยี่ยมอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเมื่อผู้สารแฮปปี้ ลูกเรือก็แฮปปี้ และเมื่อลูกเรือแฮปปี้ ก็บริการลูกค้าด้วยรอยยิ้มที่สดใส ก็ยิ่งทำให้ผู้สารแฮปปี้เข้าไปใหญ่
นิสัยเศรษฐีข้อที่ 2 – เป็นนักอ่านตัวยง (Read A Lot)
Warren Buffett นักธุรกิจและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดคนหนึ่งของโลกเจ้าของบริษัท Berkshire Hathaway ที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในการครอบครองมากกว่า 60 บริษัท โดย ณ ปัจจุบันมีทรัพย์สินอยู่ที่ 80.2 พันล้านเหรียญฯ หรือราว ๆ 2.49 ล้านล้านบาท ได้ให้คำแนะนำว่า ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม เขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องสมุดเป็นหลัก แม้ว่าในระหว่างที่กำลังเดินทางไปต่างประเทศก็ตาม และในห้องสมุดนี้นี่เองที่ทำให้เขาได้พบหนังสือการลงทุนที่ชื่อ The Intelligent Investor ที่เขียนโดย Benjamin Graham ที่ Warren Buffett นั้น ยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังสือสอนการลงทุนที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของเขา โดยในเวลาต่อเขาก็ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของ Benjamin Graham อีกด้วย
Warren Buffett เล่าต่อว่า เขามักจะใช้เวลาในการอ่านหนังสือในแต่ละวัน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งดูเหมือนจะเยอะ แต่เขาก็พบว่า เขาอ่านได้แค่ 1 ใน 5 ของเนื้อหาทั้งเล่มเท่านั้นเอง และการอ่านนี่แหละ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาที่การอ่านส่งผลให้เขากลายเป็นเจ้าของธุรกิจ GEICO บริษัทประกันรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ในที่สุด
ซึ่งทุกครั้งที่เขาฝังตัวอยู่ในห้องสมุด เขามักจะสอบถามกับบรรณารักษ์ว่า มีหนังสือเล่มไหนอีกบ้างที่เกี่ยวข้องหรือมีเนื้อหาที่คล้าย ๆ กันกับหนังสือเล่มที่เขาอ่านอยู่อีกบ้าง มันเหมือนกับเป็นทางลัดในการต่อจิ๊กซอว์ความคิดของเขาให้เป็นรูปเป็นร่างได้ในที่สุด
โดยสิ่งที่เขาชอบอ่านมากเป็นพิเศษมักจะเป็นชีวะประวัติของบุคคลต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตของพวกเขา เรียนรู้บทเรียนต่าง ๆ ที่พวกเขาเผชิญในระหว่างการเดินทาง ผ่านตัวหนังสือ ซึ่งมันทำให้ได้เรียนรู้อะไรได้อย่างมากมายของชีวิตคน ๆ หนึ่งที่พวกเขารวบรวมมาเรียบร้อยแล้วในหนังสือหนึ่งเล่ม แต่กระนั้น Warren Buffett ก็ยังคิดว่ายังไงก็อ่านไม่หมดอยู่ดี แต่เขาก็อ่านให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะอ่านได้
นิสัยเศรษฐีข้อที่ 3 – ทำงานหนักเยี่ยงทาส (Work Like Hell)
Elon Musk นักธุรกิจที่มีความฝันอยากพามนุษยชาติไปตั้งรกรากที่ดาวอังคาร เจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมอวกาศอย่าง SpaceX และบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors และบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ Solar City โดย ณ ปัจจุบันมีทรัพย์สินอยู่ที่ 20.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 6.23 แสนล้านบาท ได้เล่าให้ฟังว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักมองมาที่ตัวเขาว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตไม่มีความสมดุลเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นผลมาจากการที่ตัวผมเองนั้น ทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 70-100 ชั่วโมง หรือประมาณ 10-14 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับคนสองคนที่ทำงานเหมือนกันแบบเป๊ะ ๆ โดยคนแรกทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง ในขณะคนที่สองทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 100 ชั่วโมง แน่นอนว่า หากคนแรกสามารถประสบความสำเร็จได้ภายในหนึ่งปี คนที่สองจะประสบความสำเร็จได้ภายใน 4 เดือนนิด ๆ เท่านั้น
นิสัยเศรษฐีข้อที่ 4 – ห้ามบ่นเด็ดขาด (Never Complain)
Jack Ma ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในจีน เจ้าของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบ B2B อย่าง Alibaba ที่ปัจจุบันมีทรัพย์สินอยู่ที่ 37.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 1.15 ล้านล้านบาท ได้ให้คำแนะนำว่า เขาเป็นคนโชคดีที่ได้รู้จักกับนักธุรกิจชื่อดังหลาย ๆ คนอย่างเช่น Bill Gates, Warren Buffett, Larry Page, Mark Zuckerberg ซึ่งตัวเขาเองนั้นในมีโอกาสพูดคุยกับพวกเขาเหล่านี้ แล้วก็พบว่าพวกเขามีแนวความคิดที่แตกต่างกับคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง โดยรวมแล้วพวกเขาเป็นคนที่มีความคิดเป็นบวกอยู่เสมอสำหรับการมองโลกในอนาคตข้างหน้า โดยไม่มีการบ่นเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขามักจะคิดอยู่เสมอว่า พวกเขาจะแก้ไขปัญหาให้ผู้คนเหล่านี้อย่างไรได้บ้าง โดย Jack Ma ได้ให้ข้อคิดว่า สถานที่ที่มีโอกาสรวมตัวกันอยู่มากที่สุด คือสถานที่ที่มีผู้คนบ่นมากที่สุด และคนที่สามารถแก้ปัญหาให้กับผู้คนเหล่านั้นได้ ก็จะกลายเป็นคนร่ำรวยได้ในที่สุด ส่วนใครจะบ่นก็ปล่อยให้พวกเขาบ่นไป เพราะพวกที่เอาแต่บ่นนั้น ส่วนใหญ่ชีวิตพวกเขาก็ยังคงย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิม แต่ในขณะที่คนที่หยุดบ่นแล้วคอยหาวิธีแก้ปัญหาให้กับผู้อื่นได้ ชีวิตก็จะมีแต่ความเจริญก้าวหน้าในทุก ๆ วัน
Resources
Pingback: 4 Life Hacks ของคนที่ประสบความสำเร็จเขาใช้กัน - Blue O'Clock