อยากสำเร็จจงฟังคำแนะนำจาก Elon Musk ชายผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการเทคโนโลยีในยุคนี้
ในยุคนี้หากพูดถึง Elon Musk แทบทุกคนในวงการเทคโนโลยีและวงการนักธุรกิจที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จอย่างสูง จะต้องรู้จักเขาอย่างแน่นอน และคนทั่วไปก็รู้จักเขาในนามของเจ้าของบริษัทด้านขนส่งทางอวกาศอย่าง SpaceX และบริษัทรถไฟฟ้าอย่าง Tesla โดยในปี 2020 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 143,100 ล้านเหรียญฯ หรือราว ๆ 4.3 ล้านล้านบาท ส่งผลให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 3 ของโลกแซงหน้า Bill Gates ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ซึ่งก่อนหน้านี้ที่หุ้นขึ้น เขาเคยไต่ไปถึงอันดับที่ 2 ของโลกมาได้แล้วด้วย)
โดยในงานสัมมนา StartmeupHK Venture Forum เมื่อปี 2016 ทาง Elon Musk ได้แชร์วิธีการเริ่มต้นทำธุรกิจสำหรับคนรุ่นใหม่ในยุคนี้กับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
ก่อนอื่นเลย Elon Musk เขาเล่าด้วยความสัตย์จริงว่า เพื่อนคนหนึ่งของเขาเคยพูดเอาไว้ว่า การสร้างและผลักดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จก็เหมือนกับการกินเศษแก้วคม ๆ เป็นอาหารหลัก มันเหมือนราวกับว่าอยู่ในอเวจีเลยทีเดียว
ซึ่งแม้ว่าในช่วงสองสามเดือนแรกของการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น มันดูน่าสนุก น่าตื่นเต้น แต่หลังจากนั้นก็เข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็น สิ่งที่พยายามทำไม่ได้เป็นดังที่เคยวางแผนเอาไว้ ลูกค้าไม่ยอมสมัครใช้บริการ เทคโนโลยีไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ แถมยังเจอกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจ็บปวดอยู่ด้วยกันหลายปี
ดังนั้นส่วนตัวของ Elon Musk เองนั้น เขาพูดสรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า การเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่นั้น คุณจำเป็นที่จะต้องอดทนและแบกรับกับความเจ็บปวดที่สูงได้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
มีคนมักเปรียบเทียบตัวของ Elon Musk ที่เป็นต้นแบบให้กับตัวละครในภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่เรื่อง Iron Man อย่าง Tony Stark ที่ดูเหมือนว่า การเป็นมหาเศรษฐี ที่มีมันสมองระดับอัจฉริยะ แถมยังดูสนุกสนานเมื่ออยู่ในห้องทดลอง และกลายเป็นฮีโร่เพื่อต่อสู้กับเหล่าทรชน
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง กลับเป็นสิ่งที่โหดร้าย เป็นสิ่งที่จะต้องใช้ความอดทนอย่างสูง ซึ่งคนรุ่นก่อนมักจะชอบพูดว่า เด็กรุ่นใหม่ในยุคนี้ไม่ค่อยมีความอดทนอดกลั้น ไม่ค่อยมีความขยันหมั่นเพียรสักเท่าไหร่นัก แต่สำหรับ Elon Musk มองว่า ไม่ว่าคนยุคไหนก็มีทั้งคนที่อดทนได้และไม่ได้
แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดก็คือ คนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ มักสร้างบริษัทที่ดีขึ้นได้เรื่อย ๆ ดีกว่าในยุคก่อน ๆ ได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่ผู้คนยังคงให้ความสำคัญกับความคิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บริการใหม่ ๆ ออกมาเพื่อให้เกิดความพึงพอใจต่อลูกค้ามากที่สุด และเมื่อลูกค้าของคุณอยากเห็นบริษัทของคุณประสบความสำเร็จ(เพราะพวกเขาเป็นคนที่จ่ายเงินให้กับธุรกิจของคุณ) ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำก็คือ คุณจะต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าของคุณมาก ๆ
สุดท้ายนี้ Elon Musk ได้ทิ้งท้ายไอเดียที่น่าสนใจให้กับผู้ประกอบหน้าใหม่ ที่ต้องการสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยอย่างสูงในอนาคต โดยอุตสาหกรรมที่ Elon Musk ให้ความสนใจว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ แต่ตัวเขาเองก็แทบไม่เหลือเวลาไปทำในธุรกิจนั้น ๆ แล้ว ยกตัวอย่างเช่นโปรเจค Hyperloop ที่เป็นระบบขนส่งความเร็วสูง เขาก็ปล่อยโครงการให้คนอื่นไปทำต่อ
โดยไอเดียที่เขาแนะนำก็จะมี
- การขนส่งด้วยระบบไฟฟ้า Electric Transport ยกตัวอย่างเช่น เครื่องบินระบบไฟฟ้า ที่มีโอกาสเป็นไปได้สูง หากใครก็ตามที่สามารถสร้างเทคโนโลยีนั้นขึ้นมาได้
- Genetic – เกี่ยวกับการตัดต่อทางพันธุกรรม ที่เป็นอุปสรรคต่อมวลมนุษยชาติ ที่หลายโรคมักเกิดขึ้นจากโครโมโซมของร่างกายไม่สมบูรณ์ ซึ่งเทคโนโลยีในด้านนี้ ยังมีอุปสรรคอีกมาก แต่หากสามารถพัฒนาตรงนี้ พวกโรคร้ายหลายโรคก็จะได้รับการแก้ไข ทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ในอนาคตดียิ่งขึ้น
- Brain Computer Interface คือสมองกลในระดับ Neuron หรือในระดับเซลล์ประสาท หรือถ้าหากยังคิดไม่ออก มันคือเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อสมองของคนเราเข้ากับระบบคลาวน์คอมพิวเตอร์ ที่จะทำให้เราไม่หลง ๆ ลืม ๆ ข้อมูลในอดีตที่เคยผ่านมาอีกต่อไป หรือแม้กระทั่งคุณไม่จำเป็นที่จะต้องถ่ายรูปเลยด้วยซ้ำ เพราะมันถูกบันทึกผ่านสายตาของคุณ เข้าสมองคุณ แล้วถูกนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งการอัพโหลดข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไปในสมอง ราวกับโลกของ The Matrix เลยทีเดียว และแน่นอนว่าคุณอาจถูกพวก Hacker โจมตีระบบนั้นได้เช่นกัน แต่ถึงกระนั้น เทคโนโลยีนี้ก็สามารถช่วยโรคร้ายแรงที่แผนการแพทย์ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาได้อย่างเช่น โรคพาร์กินสัน ที่เป็นโรคเกิดจากความเสื่อมของเซลล์สมอง หรือแม้กระทั่งปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา ที่ทุกคนสามารถมีโอกาสเข้าถึงความรู้ในระดับเดียวกันได้ทั้งหมด
โดย Elon Musk ลงท้ายด้วยประโยคที่ว่า ไอเดียที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้น มันเป็นแค่การคาดเดาของเขาโดยอ้างอิงจากข้อมูลและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่พวกมันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะเวลาที่ลงมือสร้างขึ้นมาจริง ๆ มันแตกต่างจากไอเดียสุดล้ำนั้น ๆ อยู่แล้ว
ซึ่งโลกนี้มันคงจะดีไม่น้อย หากมีคนอย่าง Elon Musk เพิ่มขึ้นมาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้กับโลกนี้ แต่โลกนี้ไม่ได้ต้องการจะจดจำคุณในฐานะ Elon Musk หมายเลข 2 แต่จงโลกนี้จะจดจำคุณในชื่อของตัวคุณเอง
Resources