27 อุปนิสัยจน เลิกแล้วรวย by Alex Hormozi
Alex Hormozi ชายผู้ถังแตกในวัย 26 ปี สู่การเป็นผู้ประกอบการพันล้าน ($100 M)ในวัย 31 ปี จากธุรกิจฟิตเนส สู่นักลงทุนเจ้าของแบรนด์ Acquisition.com ที่ลงทุนในธุรกิจ SME ที่บริษัทในพอร์ทมีรายได้รวมกันกว่า $85 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
โดยเนื้อหานี้เขาได้แรงบันดาลใจมาจากปู่ Charles Munger คู่หูของปู่ Warren Buffett ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับ How to live a miserable life. หรือ วิธีการใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนา แทนที่จะทำเนื้อหาว่า How to live a luxurious life. หรือวิธีการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา
นั่นก็เป็นเพราะ เทคนิคการคิดแบบ Inversion Thinking หรือคิดแบบย้อนกลับนั้น เป็นเทคนิคที่ทรงพลัง โดยวิธีการก็คือ ให้เริ่มต้นด้วยเรื่องร้าย ๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อสมองของเราก่อน แล้วจากนั้นสมองของมนุษย์เรา จะพยายามหาวิธีกำจัดภัยคุกคามดังกล่าว มันทำงานได้ดีกว่า การหาวิธีการ หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ สมองของเราทำหน้าที่กำจัดความจนได้ดีกว่าหาวิธีร่ำรวย
ดังนั้น นิสัยจนมีอะไรบ้าง ก็ให้เราทำตรงกันข้ามกับนิสัยดังกล่าวไปเลย
และนี่ก็คือ 27 อุปนิสัยที่มีแล้วจน
อุปนิสัยที่ 1 – Start tomorrow
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำ เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เข้าใกล้ความจน เพราะการผัดวันประกันพรุ่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำนั้น มันดังกล่าวมันไม่มีวันมาถึง ไม่ว่าจะเป็น พรุ่งนี้ค่อยลดน้ำหนัก พรุ่งนี้ค่อยทำงาน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำธุรกิจ ฯลฯ
อุปนิสัยที่ 2 – Read lots of book and then do nothing
อ่านหนังสือเยอะมาก แต่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย หลายคนโพสต์ลงโซเชียลมีเดียว่า อ่านหนังสือ 1 เล่มต่อสัปดาห์ ปีละ 52 เล่ม แต่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย บางที การอ่านหนังสือแค่เล่มเดียวแล้วลงมือทำเลย ก็อาจจะดีกว่าก็ได้
อุปนิสัยที่ 3 – Take advice from poor people on how to get rich
รับฟังคำแนะนำวิธีรวยจากคนจน หลายคนอาจจะเคยโดนสบประมาทว่า ไอเดียนี้ไม่เวิร์คหรอก เธอทำไม่ได้หรอก มันไม่น่าจะเป็นไปได้หรอก ไอเดียนี้มันงี่เง่าสิ้นดี
ซึ่งคำแนะนำดังกล่าว มาจากคนที่ไม่เคยคิดจะลองเริ่มต้นทำมันซะด้วยซ้ำ ดังนั้น จงระวังการฟังคำแนะนำวิธีรวย จากคนจน เพราะพวกเขาไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน
อุปนิสัยที่ 4 – Pick a spouse who will make you feel guilty for working
เลือกคู่ครองที่ไม่เห็นด้วยกับงานของเรา เพราะเวลาที่เรากำลังพยายามอย่างเต็ฒที่เพื่อทำตามความฝัน ที่เราอุตส่าห์ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ แต่แฟนของเรากลับบอกว่า คุณทำไม่ได้หรอก คุณน่าจะไปทำอย่างอื่นมากกว่า
หรือไม่ เราก็ต้องยอมลดความฝัน หรือประนีประนอมความฝัน เพื่อคน ๆ นั้น ซึ่งปัญหามันก็คือ จู่ ๆ ความฝันของเรา ก็ไปอยู่ในกำมือของคนอื่นซะอย่างงั้น เพราะทุกครั้งที่เราจะทำตามความฝัน เรากลับต้องขออนุญาตจากแฟนก่อนอยู่ร่ำไป
ดังนั้น คำแนะนำก็คือ จงเลือกคู่ครองที่พร้อมที่จะสนับสนุนคุณ ไม่ว่าเขาหรือเธอคนนั้น จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความฝันของเราก็ตาม แต่เขาก็พร้อมที่จะซับพอร์ทเรา
อุปนิสัยที่ 5 – Fail once, quit forever
ล้มเหลวครั้งเดียวก็เลิกทำเลยตลอดกาล ซึ่งหลายผลพอลองทำครั้งแรกแล้วล้มเหลว ก็สรุปไปเลยว่า ฉันคงไม่เหมาะกับงานนี้ ฉันคงไม่เหมาะกับธุรกิจนี้
ทั้ง ๆ ที่การล้มเหลวนั้น คือส่วนหนึ่งของเส้นทางไปสู่ความสำเร็จ เพราะเมื่อเราล้มเหลว สิ่งที่ควรทำก็คือ เรียนรู้จากความล้มเหลวดังกล่าว แล้วพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น แล้วก้าวต่อไป
อุปนิสัยที่ 6 – Think that the world is fair
คิดว่าโลกนี้ยุติธรรมเสมอ ซึ่งเวลาที่เราทำอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็มักจะพร่ำบ่นว่า โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ทำไมคนนั้นทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้ ทำไมคนนั้นโชคดี ทำไมเราโชคร้ายจัง บลา ๆๆๆ
อุปนิสัยที่ 7 – Blame your circumstances and complain
ซึ่งหากเราเอาแต่คิดว่า โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย เราก็จะติดนิสัยบ่นนู่นนี่นั่น โทษทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นตัวเอง และสิ่งที่เรามักพร่ำบ่นอยู่บ่อย ๆ ก็มักจะเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้
ดังนั้นให้คิดไปเลยว่า โลกนี้มันไม่ยุติธรรมหรอก แล้วให้กลับมามองตัวเราเองว่า เรามีดีอะไร ตัวเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่แม้ว่าเราจะเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ๆ ก็ให้คิดว่า เราจะสามารถผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ในที่สุด
อุปนิสัยที่ 8 – Expect the government to save you
คาดหวังที่จะให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือ หรือแม้แต่คาดหวังให้ผู้อื่นมาช่วยเหลือตัวคุณเอง เพราะคนเดียวที่จะช่วยตัวคุณเองได้นั่นก็คือ ตัวของคุณเองนั่นแหละ ดังประโยคที่ว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’ ซึ่งหลายคนที่เอาแต่รอความช่วยเหลือจากผู้อื่นนั้น ทุกวันนี้พวกเขาก็ยังคงจนอยู่และรอความช่วยเหลือจากผู้อื่นต่อไป
อุปนิสัยที่ 9 – Value the opinion of others over your own
ให้ค่ากับความคิดเห็นของผู้อื่นมากกว่าของตนเอง ซึ่งร้อยคนก็มีร้อยความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนต่างมีเหตุผลของตน แต่หากเราไปไหลตามความคิดเห็นของผู้อื่น นั่นมันก็จะทำให้เราสูญเสียตัวตนของเราเองไปในที่สุด
ดังนั้น แค่เพียงเราตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในเสียงของตนเอง เราเชื่อว่าเราสามารถประสบความสำเร็จได้ แค่นั้นก็ถือว่าเป็นก้าวแรกไปสู่ความสำเร็จแล้ว
อุปนิสัยที่ 10 – Avoid discomfort
หลีกเลี่ยงความไม่สะดวกสบาย หรือจะเรียกว่าติดสบาย ไม่ยอมลำบากก็ได้ เพราะเวลาที่เราจะทำสิ่งใหม่ ๆ มันก็จะต้องใช้ความมุมานะ ความยายาม ขวนขวายให้มากพอที่จะผ่านมันไปได้ แต่คนที่ยังจนอยู่ เพราะพวกเขาไม่ยอมหรือไม่คิดที่จะลำบากเลยแม้แต่น้อย นั่งกินนอนกินอยู่เฉย ๆ ที่บ้านซะดีกว่า นี่แหละคือสิ่งที่ยังทำให้พวกเขายังจนอยู่
อุปนิสัยที่ 11 – Tolerate mediocrity
พอใจที่จะอยู่ในระดับปานกลาง กับค่าเฉลี่ยของคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งร่างกายและจิตใจจะค่อย ๆ เสื่อมโทรมลง ดังนั้น การที่พอใจอยู่แค่ระดับปานกลางนั้น ก็เท่ากับว่าคน ๆ นั้น ได้มีคุณภาพชีวิตที่ถดถอยลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งคนที่ร่ำรวยและคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น พวกเขามักจะพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของตนเองให้สูงขึ้นอยู่เสมอ พวกเขาไม่หยุดอยู่ที่ระดับแค่ปานกลาง แต่พวกเขาจะมุ่งสู่ความเป็นเลิศในสิ่งที่พวกเขาทำอยู่
อุปนิสัยที่ 12 – Make promises, break promises
ชอบสัญญิงสัญญา แต่ก็ชอบผิดสัญญา ซึ่งการผิดสัญญาไม่ว่าจะต่อตนเองหรือผู้อื่น ล้วนแล้วแต่บ่อนทำลายชื่อเสียงของตัวเราเองทั้งสิ้น และกว่าจะกู้ชื่อเสียงก็ใช้เวลานานมากด้วย
ซึ่งถ้ามองในมุมของการผิดสัญญากับตนเองนั้น มันจะส่งผลให้เราสูญเสียการเคารพในตนเอง และพอในอนาคตเวลาที่เราพูดอะไรเราก็จะไม่เชื่อในตนเองอีกต่อไป เพราะสมองเราก็จะจดจำว่า เราทำมันไม่ได้หรอก สัญญาไปก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น สัญญาว่าจะออกกำลังกาย สัญญาว่าจะกินอาหารคลีน สัญญาว่าจะโทรหาลูกค้าให้มากกว่านี้ สัญญาว่าจะผลิตคอนเท้นต์ให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ดังนั้น ถ้าลั่นวาจาสัญญาแล้ว จงทำตามที่สัญญาให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะสูญเสียในการนับถือตนเอง และนั่นก็จะทำให้คุณยังคงจนอยู่ต่อไป
อุปนิสัยที่ 13 – Wait for perfect conditions
รอให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบ ซึ่งความลับของความร่ำรวยและการประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น ก็คือ มันไม่มีวันที่ทุกอย่างมันเพอร์เฟ็คท์ ซึ่งถ้าหากคิดในทางที่ดีก็คือ หากคุณเริ่มต้นทำบางอย่างในวันที่มันเลวร้ายแบบสุด ๆ แล้วคุณสามารถผ่านมันไปได้ คุณจะดูเจ๋งโคตร ๆ กว่าคนที่เริ่มต้นจากจุดที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง และต่อให้เหตุการณ์เลวร้ายเข้ามาอีก คุณก็จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างฉลุยเลย เพราะคุณเคยเจอสถานการณ์ที่แย่ยิ่งกว่านี้มาแล้วนั่นเอง
อุปนิสัยที่ 14 – Prioritize looking rich over being rich
ให้ความสำคัญกับการดูรวยมากกว่าที่จะรวยจริง ๆ ซึ่งหลายต่อหลายคนให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอก ที่ต้องดูหรูดูแพง ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ที่ได้มาจากการรูดบัตรเป็นหนี้เป็นสินก็ยอม เพื่อที่จะให้ผู้อื่นเห็นว่าดูรวย ทั้ง ๆ ที่กระเป๋าแห้งมาก
นั่นก็เป็นเพราะ เราติดการให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของผู้อื่นมากจนเกินไป จนลืมให้ความสำคัญกับเงินในกระเป๋าของเราเอง ดังนั้น จงภูมิใจ มั่นใจในตนเอง ที่จะใส่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ อยู่บ้านเช่า รถมือสอง แต่มีเงินกองอยู่เต็มในกระเป๋า ในธนาคาร มันดีกว่าเยอะ
อุปนิสัยที่ 15 – Avoid working on what matters most
หลีกเลี่ยงงานที่สำคัญที่สุดอยู่ร่ำไป เพราะโดยปกติแล้วงานชิ้นนั้น มักจะทำได้ยาก แต่กลับเป็นงานที่สำคัญที่สุด ที่มีส่วนช่วยให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ในแต่ละวัน มักหมดเวลาไปกับงานที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลย แต่ทำให้ตัวเองดูงานยุ่งเข้าไว้ก่อน
ในขณะที่เหล่าบรรดาคนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จอย่างสูง พวกเขาไม่ใช่คนที่ทำงานได้เยอะที่สุด แต่พวกเขาเลือกที่จะทำงานที่ใช่ ที่สำคัญมากที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อทำงานชิ้นที่สำคัญที่สุดแล้วนั้น มันจะส่งผลให้ชีวิตเข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
อุปนิสัยที่ 16 – Say your’re going to do something and then don’t do it
รู้ว่ามีงานบางอย่างที่จำเป็นจะต้องทำ พูดว่าจะทำ จะทำ แต่ก็ไม่ทำมันสักกะที
อุปนิสัยที่ 17 – Do what everyone else is doing
ทำในสิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แล้วมันจะไปแตกต่างจากคนทั่วไปได้ยังไงกัน เพราะถ้าหากอยากเป็นคนใน Top 1% แล้วนั้น ก็จงทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนทั่วไปในกลุ่ม 99% ซะ
อุปนิสัยที่ 18 – Do your best, not what it takes
หลายคนชอบพูดว่า ฉันทำดีที่สุดแล้ว ซึ่งประโยคนี้มันมีความหมายแฝงว่า คนที่พูดนั้น จะไม่พยายามทำให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่อีกเลยตลอดชีวิต ดังนั้นให้เปลี่ยนจาก ฉันทำดีที่สุดแล้ว ไปเป็น ฉันสามารถทำได้ดีกว่านี้อีก ในทุก ๆ วัน
อุปนิสัยที่ 19 – Talk more, do less
พูดมากแต่ทำน้อย หลายคนใช้เวลาในการโพสต์เป้าหมาย ความฝัน บนโลกโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก แต่พอเอาเข้าจริง ในแต่ละวันกลับไม่มีงานเสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะหมดเวลาไปกับการคิดแคปชั่น คำคม เท่ ๆ เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ จากคนบนโลกอินเตอร์เน็ต
ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาตรงนั้นเยอะ ให้ใช้เวลามาวางแผนการทำงาน แล้วลงมือทำอะไรสักอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอันซะดีกว่า
อุปนิสัยที่ 20 – Start something new today, start something new tomorrow
เริ่มทำในสิ่งใหม่ ๆ ในวันนี้ และวันพรุ่งนี้อยู่เสมอ ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังคำกล่าวที่ว่า จงอย่าคาดหวังเห็นผลลัพธ์ใหม่ ๆ หากคุณยังคงทำเฉกเช่นเดิมอยู่ ดังนั้น ข้อดีของการลงมือทำอะไรใหม่ ๆ ในทุก ๆ วันนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และมีโอกาสที่จะได้เจอกับโอกาสใหม่ ๆ ที่คุณยังไม่เคยพบเจอมันมาก่อน ที่รอคุณอยู่
อุปนิสัยที่ 21 – Believe what other people think about you morethan what you think about you
เชื่อในสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวคุณเอง มากกว่าที่คุณเชื่อในตัวคุณเอง
อุปนิสัยที่ 22 – Make a mistake then wait and repeat
ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำผิดซ้ำ ๆ ซาก ทำผิดในเรื่องเดิม ๆ รู้ว่าทำแล้วไม่ได้ผลแต่ก็ยังทำผิดพลาดเฉกเช่นเดิม เช่น คบคนแบบเดิม ๆ ทำธุรกิจแบบเดิม ๆ รู้ว่ามันไม่เวิร์คแต่ก็ยังดันทุรังทำด้วยวิธีเดิม ๆ อยู่นั่นแหละ
อุปนิสัยที่ 23 – Be replaceable
ทำตัวเป็นบุคคลที่สามารถหาทดแทนใหม่ได้ ดังคำที่ Naval Ravikant เศรษฐีและนักลงทุนชาวอเมริกัน-อินเดีย เคยบอกเอาไว้ว่า ถ้าหากคุณสามารถเรียนจบแล้วได้ใบปริญญาเพื่อหางานทำได้ คนอื่นก็ทำได้เหมือน ๆ กัน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณพลาด ก็มีคนอีกจำนวนมาก ที่เรียนจบแล้วมีใบปริญญาเฉกเช่นเดียวกับคุณ ที่พร้อมจะเข้ามาทดแทนอยู่เสมอ
ดังนั้น จงทำตัวให้เป็นคนที่ หาคนทดแทนได้ไม่ได้ หรือทดแทนได้ยาก ทำตัวเป็นคนที่เก่ง เจ๋ง จนหาคนใหม่ทดแทนได้ยาก นั่นแหละ วิธีที่จะทำให้คุณแตกต่างและร่ำรวยกว่าคนทั่ว ๆ ไปขึ้นมาได้
อุปนิสัยที่ 24 – Find something that works and then stop doing it
หลายคนรู้ทั้งรู้ว่า วิธีการที่พวกเขาหาเจอแล้วนั้นมันเวิร์ค แต่กลับไม่ทำ หลายคนรู้วิธีลดน้ำหนัก แต่ไม่ทำ หลายคนรู้ว่า ทำงานยังไงให้ได้ตังค์ แต่ก็ไม่ทำ รู้ว่าจะต้องโทรหาลูกค้าเพิ่ม รู้ว่าจะต้องโปรโมท ทำการตลาด เพิ่ม รู้ว่าจะต้องออกไปพูดขายของเพิ่ม รู้ว่าจะต้องหารายได้ที่สองที่สามเพิ่ม หลังจากเสร็จงานแรก แต่ก็ไม่ทำ
อุปนิสัยที่ 25 – Hire dumb people
จ้างคนที่งี่เง่ามาทำงานให้ หลายคนอาจจะรู้สึกดีในฐานะนายจ้าง ที่ตนนั้นดูฉลาดที่สุดเมื่อเทียบกับลูกจ้าง แต่คนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น พวกเขาล้วนแต่จ้างคนที่เก่งกว่าพวกเขามาทำงานให้แทบทั้งสิ้น
อุปนิสัยที่ 26 – Assume you are always right
คิดว่าตนเองถูกอยู่เสมอ เสมือนเป็นน้ำเต็มแก้ว ที่ไม่สามารถรับและเรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆ จากคนอื่น ๆ คิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าใคร ๆ
ในขณะที่คนที่ร่ำรวยนั้น พวกเขากลับอ่อนน้อมถ่อมตน และพวกเขารู้ดีว่า พวกเขาไม่รู้ในเรื่องใด และจะต้องเรียนรู้เรื่องดังกล่าวจากใคร พวกเขาพร้อมที่เรียนรู้และรับชุดความรู้ใหม่ ๆ จากคนใหม่ ๆ อยู่เสมอ
อุปนิสัยที่ 27 – Spend more than you make
จ่ายมากกว่าที่หามาได้ เป็นเรื่องที่คลาสสิคที่สุดในเรื่องของการเงิน คุณคงเคยเห็นมาแล้วว่า หลายคนหารายได้ได้มากโข แต่ก็ใช้จ่ายมากด้วยเช่นกัน เพราะต่อให้คุณหาเงินได้เดือนละล้าน แต่ใช้จ่ายเดือนละล้านกว่า สุดท้ายยังไงก็จนอยู่ดี เพราะโดยปกติของคนเรานั้น มักชอบที่จะปรับไลฟ์สไตล์ให้สูงตามรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น พอมีหลักหมื่นก็บอกไม่พอใช้ พอมีหลักแสนก็บอกไม่พอใช้ และพอมีหลักล้านก็บอกไม่พอใช้อีกเหมือนเดิมนั่นแหละ
โดยเทคนิคที่ Alex แนะนำให้ใช้ก็คือ Inversion Thinking คือการคิดแบบผกผัน มักจะใช้งานได้ดีกว่า เพราะสมองของมนุษย์นั้น จะทำงานได้ดีกว่า หากเห็นเรื่องดังกล่าวเป็นภัยคุกคาม
ดังนั้น วิธีการคิดก็คือ ให้ทำตรงกันข้ามกับอุปนิสัยจนที่กล่าวมาข้างต้น ให้มองว่าอุปนิสัยเหล่านี้ คือภัยคุกคาม แล้วให้เรากำจัดภัยคุกคามดังกล่าว ก็เหมือนกับคุณกำลังกำจัดความจนออกไปให้หมดนั่นเอง
Resources
- https://youtu.be/9ySuYdJ0H4s
- https://www.acquisition.com/
- https://jamesclear.com/great-speeches/how-to-guarantee-a-life-of-misery-by-charlie-munger