7 สิ่งที่คนรวยชอบทำ จงจำและนำไปใช้
Dan Lok ที่ปรึกษานักธุรกิจร้อยล้าน ได้สอนเอาไว้ว่า ความคิดและการกระทำระหว่างคนรวยและคนจนนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเงินคือสิ่งชั่วร้าย แต่แดนกลับบอกเอาไว้ว่า เงินเปรียบเสมือนเครื่องมือชิ้นหนึ่งที่จะทำหน้าที่เหมือนเครื่องขยายเสียงของคน ๆ นั้น ดังนั้น การมีเงินมันจะดีหรือไม่ดีนั้น มันขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้ต่างหาก และนี่ก็คือ 7 สิ่งที่คนรวยนั้นทำกัน
ข้อที่ 1 – คนรวยชอบอ่านหนังสือ
สิ่งที่จะดึงดูดเวลาให้คุณไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือก็คือ การรับชมภาพยนตร์ ทีวีซีรี่ย์ ที่หากเผลอดูไปแล้ว บอกได้คำเดียวว่า “ยาวววว” ซึ่งนั่นมันจะดูดเวลาในชีวิตคุณให้หายไป จนทำให้ไม่มีเวลาไปทำในสิ่งอื่น ๆ ที่สำคัญกว่า อย่างเช่น การหาความรู้เพิ่มเติมในสายอาชีพของคุณ หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่จะนำพาชีวิตของคุณไปสู่เส้นทางที่ดีขึ้น
คำถามสำคัญก็คือ มีหนังสือกี่เล่มที่คุณอ่านไปแล้วในปีนี้?
ข้อที่ 2 – รายได้ของคนรวยมาจากผลลัพธ์ที่สร้างขึ้น
ในระบบการศึกษาเราถูกสั่งสอนมาให้เรียนจบสูง ๆ แล้วหางานดี ๆ ทำ เพื่อที่จะได้เงินเดือนสูง ๆ แต่หากใครที่เข้าสู่การทำงานประจำมาแล้วจะพบว่า ในหลาย ๆ ครั้ง แม้ว่าเราจะทุ่มเท ขยัน เหน็ดเหนื่อย หลั่งเลือดมากแค่ไหนก็ตาม คุณก็ยังคงได้เงินเดือนเท่าเดิมอยู่ดี
แต่ในขณะที่คนรวยนั้น ได้ค่าตอบแทนตามผลลัพธ์ที่พวกเขาสร้างผลกระทบขึ้นต่อผู้อื่น ยิ่งส่งผลกระทบในด้านบวกแก่ผู้คนได้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะได้รายรับมากเท่านั้น ซึ่งในฐานะที่คุณเป็นพนักงานออฟฟิศก็สามารถทำได้ ไม่จำกัดที่การเป็นผู้ประกอบการเพียงอย่างเดียว เช่น ในตำแหน่งนักขาย ที่มีทั้งเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่น ซึ่งนักขายโดยปกติแล้ว จะได้เงินเดือนน้อยมาก เพื่อเป็นกลไกผลักดันให้นักขายนั้น ต้องขายของให้ได้เยอะที่สุด และค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนแบ่งที่ได้จากการขายนั้น จะมีมูลค่าที่สูงกว่าปกติ เป็นเป็นแรงจูงใจให้นักขายมุมานะในการทำยอดขายให้ได้สูง ๆ
ในส่วนของผู้ประกอบการนั้น หลายคนหลงผิด คิดว่า สินค้าหรือบริการที่ตนเองสร้างขึ้นมานั้น จะนำพาให้รวยขึ้นมาได้ แต่เมื่อป้อนผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด กลับพบว่า ไม่มีใครซื้อเลยหรือซื้อน้อยมาก แล้วก็จะมานั่งบ่นมา ของเราดีขนาดนี้ ทำไม่คนไม่ซื้อ เป็นเพราะผู้คนแต่ละคนโดยธรรมชาตินั้น พวกเขาสนใจแต่ตัวเองเท่านั้น เขาไม่สนหรอกว่า คุณจะผลิตสินค้าได้ดีแค่ไหน พวกเขาแค่สนใจว่า สินค้าหรือบริการนั้น สามารถช่วยให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้ยังไง หรือช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้ยังไงต่างหาก ดังนั้น ยิ่งคุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้ผู้คนได้มากเท่าไหร่ รายได้คุณก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ข้อที่ 3 – เมื่อล้มเหลว คนรวยจะไม่กล่าวโทษคนอื่น พวกเขาจะรับความล้มเหลวนั้นเอาไว้เอง
คุณคงเคยได้ยินเรื่องทำนองที่ว่า เมื่อเกิดเรื่องอะไรแย่ ๆ คนเรานั้น สามารถโทษทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็น โทษเพื่อน โทษพ่อแม่พี่น้อง โทษเพื่อนร่วมงาน โทษหัวหน้า โทษหมาแมว โทษฝนฟ้าอากาศ แม้แต่โทษในเรื่องนอกโลกอย่างดวงดาว โชคชะตา ก็ยังโทษได้ แต่สิ่งเดียวที่จะไม่โทษก็คือ “ตัวเอง”
นั่นทำให้ เมื่อเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นมา หากเราไม่เห็นว่าตัวเองผิด เราก็จะไม่ทำการพัฒนาตนเองให้มันดี เพราะคิดว่าตนเองดีอยู่แล้ว แต่คนอื่นต่างหากที่ไม่ดี ดังนั้น สิ่งที่คนรวยทำก็คือ พวกเขานั่งคิด วิเคราะห์ แยกแยะว่า เพราะอะไร ทำไมจึงเกิดเรื่องผิดพลาด ล้มเหลว ขึ้นมาได้ แล้วจะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้อย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ ซ้ำขึ้นอีก
ข้อที่ 4 – คนรวยโฟกัสที่การลงทุน ไม่ใช่การออมเงิน
คุณคงเคยได้ยินเรื่องราวที่ว่า หากไม่กินกาแฟสตาร์บัคเลยตลอดชีวิต คุณอาจจะมีเงินเก็บเป็นล้าน ซึ่งคุณอาจจะแก่เกินไปจนไม่มีโอกาสได้ใช้เงินก้อนนี้ หรือเงินก้อนนี้ในอนาคตนั้นโดนเงินเฟ้อเล่นงานซะจนมูลค่าลดฮวบ
จริงอยู่ว่า การออมเงินเป็นเรื่องที่ดี แต่หากตอนนี้คุณยังไม่รวย นั่นแสดงว่า คุณไม่ได้มีปัญหาในการออมเงิน แต่คุณกำลังมีปัญหาในการหาเงินต่างหาก เพราะถ้าคุณยังมีรายได้น้อย ๆ อยู่ ต่อให้คุณออมเงินเดือนละ 99% มันก็ไม่ทำให้คุณรวยขึ้นมาได้ ดังนั้น หากยังไม่รวย จงโฟกัสไปที่การสร้างรายได้ก่อน แล้วจากนั้น ให้ศึกษาเรื่องการออมเงินและการใช้เงิน แล้วหลังจากนั้น จงนำเงินไปลงทุน เพื่อให้มันงอกเงยขึ้น
ข้อที่ 5 – คนรวยเป็นคนที่เรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
คุณคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว พวกเขาจะไม่สามารถพัฒนาหรือเติบโตได้อีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขาคิดว่า ตนเองนั้น รู้ไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วบนโลกใบนี้ ในโลกนี้ฉันเก่งที่สุด เจ๋งที่สุด ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว
แต่ในขณะที่คนรวยนั้น ทำตัวเองให้เป็นนำครึ่งแก้ว เพื่อรองรับความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ พวกเขาเก่งในเรื่องของการถามและการฟัง เพราะเมื่อเริ่มต้นด้วยคำถามที่ดี คุณจะได้คำตอบที่ดีเสมอ และการรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการที่เก่งแต่พูดแล้วไม่ฟังใครเลย ในโลกนี้เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า คนรุ่นใหม่ ๆ ย่อมเก่งกว่าคนรุ่นเก่า ๆ อยู่เสมอ อย่าได้ดูแคลนพวกเขา แต่จงเรียนรู้จากพวกเขา แล้วนำเอามาปรับใช้กับชีวิตเราให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ข้อที่ 6 – คนรวยคิดว่าการเกิดมาจนนั้นไม่ผิด แต่ผิดแน่ ๆ หากคุณตายทั้ง ๆ ที่ยังจนอยู่
คนที่ยังไม่รวย หลายคนมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีกับเงินสักเท่าไหร่นัก เช่น คนรวยเป็นคนเห็นแก่ตัว คนรวยเป็นคนเลว คนรวยเป็นคนแล้งน้ำใจ เงินทำให้คนดี ๆ กลายเป็นคนชั่วร้าย เงินเป็นสิ่งที่หากใครมีแล้วจะกลายเป็นคนไม่ดี ซึ่งการคิดแบบนี้ไม่ช่วยให้คุณรวยขึ้นมาได้เลย เพราะเปรียบง่าย ๆ ว่า หากคุณบ่นไม่ชอบหมาแมว แน่นอนว่าคุณก็จะไม่เลี้ยงพวกมันหรือพวกมันก็จะไม่เข้าใกล้คุณ เช่นกัน หากคุณเกลียดเงินหรือมีทัศคติที่ไม่ดีกับเงิน พวกมันก็จะไม่เข้าใกล้คุณเช่นกัน
จริง ๆ แล้ว เงินนั้น เปรียบเสมือนเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ที่จะช่วยให้คน ๆ นั้น สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเงินมันไปอยู่ในมือของคนไม่ดี คนนั้น ๆ ก็จะทำสิ่งชั่วร้ายที่มีผลกระทบต่อผู้คนอย่างมากมาย แต่ในขณะที่หากเงินนั้น ไปอยู่มือของคนดี พวกเขาก็จะสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับโลกนี้ได้อย่างมากมายมหาศาล เช่นกัน
ดังนั้น คุณจะสังเกตเห็นได้ว่า เงินเปรียบเสมือนเป็นเครื่องขยายเสียงต่างหาก ส่วนจะดีจะชั่วนั้น มันอยู่ที่ตัวบุคคล หากคุณสังเกตจากมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง Bill Gates และ Warrent Buffet นั้น เป็นคนที่ใจบุญเป็นอย่างมาก พวกเขาร่วมใจกันบริจาคเงินของตัวเองกว่า 80%-90% ให้แก่องค์กรการกุศล ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนบนโลกใบนี้ได้นับล้าน ๆ ชีวิต เพราะหากคุณไม่รวย คุณจะสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้เพียงหยิบมือ แต่ในขณะที่หากคุณเป็นคนรวยนั้น คุณจะสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อีกมากมายเลยทีเดียว
ข้อที่ 7 – คนรวยเชื่อว่า ฉันเป็นคนลิขิตชีวิตของตนเอง
คุณอาจจะเคยเห็นคนรวยซื้อล็อตเตอรี่บ้างเป็นบางครั้งบางคราว และบางทีก็เห็นซื้อเป็นปึ๊ก ๆ นับสิบใบ ซึ่งพวกเขาซื้อเพื่อความสนุกและความบันเทิงเท่านั้น เพราะหากไม่ถูกรางวัลก็ไม่ได้มีผลกระทบกับคุณภาพชีวิต ณ ตอนนี้ แต่นั่นมันต่างกันลิบลับกับคนทั่วไป ที่ซื้อล็อตเตอรี่ เพื่อที่จะหวังว่า ตรูต้องรวยแน่ ๆ หากถูกรางวัลที่ 1 ฉันจะซื้อบ้าน ซื้อรถ ไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งเอาเข้าจริง การที่ใครสักคนหนึ่งจะถูกรางวัลที่ 1 นั้น มีโอกาสที่จะถูกน้อยมาก ๆ ซึ่งมีโอกาสเพียง 0.0001% เท่านั้น ซึ่งหากคุณต้องการที่จะถูกรางวัลที่ 1 แบบ 100% นั่นก็คือ คุณจะต้องซื้อล็อตเตอรี่จำนวน 1 ล้านใบ! หรือคิดเป็นเงิน 80 ล้าน ซึ่งคุณมีโอกาสที่จะได้รางวัลที่ 1 มูลค่า 6 ล้านบาทอย่างแน่นอน
แต่ในขณะที่คนรวยนั้น พวกเขาเชื่อว่า การที่พวกเขาจะมีบ้าน มีรถ ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ มีเงินเก็บเป็นล้านได้นั้น พวกเขาจะต้องสร้างให้มันเป็นจริงขึ้นมาให้ได้ด้วยลำแข้งของตนเองให้ถึงที่สุด และข่าวดีก็คือ มหาเศรษฐีบนโลกใบนี้กว่าร้อยละ 80 เป็นคนที่สร้างฐานะขึ้นมาได้ด้วยตนเอง โดยไม่ได้รวยมาจากมรดกตกทอดด้วยซ้ำ
ดังนั้น จงเชื่อเถอะว่า คนธรรมดา ๆ อย่างเรา ๆ ก็สามารถเป็นคนรวยได้เช่นกัน
Resources