คุณอาจสงสัยว่า จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ Bitcoin ทั้งที ไหงเริ่มต้นด้วยเรื่องของเงิน ๆ ทอง ๆ แล้วไอ้เจ้า Inflation มันมาเกี่ยวอะไรกับบิตคอยน์กันละเนี่ย
ซึ่งต้องเกริ่นก่อนว่า สิ่งที่ Dr. Saifedean Ammous ผู้เขียน เขียนในหนังสือที่ชื่อว่า The Bitcoin Standard นั้น ได้บอกเอาไว้ว่า หากต้องการศึกษาและเข้าใจใน Bitcoin คุณจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจในเรื่องของเศรษฐศาสตร์การเงินซะก่อน และนี่คือความรู้จาก Robert Breedlove ผู้ก่อตั้งบริษัท Parallax Digital ผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินและบิตคอยน์ ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านช่อง Youtube ของ Tom Bilyeu
Tom Bilyeu เริ่มต้นด้วยการพูดว่า หลายคนอาจเคยเห็นรายงานค่าเงินเฟ้อจากทางรัฐ หรือจากตำราที่เราเคยร่ำเรียนกันมาว่า ค่าเงินเฟ้อหรือ Inflation นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีค่าอยู่ที่ราว ๆ 2-3% ต่อปี (และในปี 2022 ค่า cpi inflation ของประเทศสหรัฐอเมริกามีค่าสูงถึง 7.5%) ซึ่งหลายคนก็อาจจะยังไม่เข้าใจมากนักว่า ค่าเงินเฟ้อมันมีผลอย่างไรกับเรา ทำไมเราถึงต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้ ทำไมแนวที่คิดสมัยก่อนที่บอกว่าให้เก็บเงินฝั่งตุ่มเอาไว้ในสวนหลังบ้านถึงไม่เวิร์คอีกต่อไป แล้วทำไมการฝากเงินเอาไว้ในบัญชีธนาคารถึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในการรักษามูลค่าของเงิน
Robert คุณช่วยอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยว่า จริง ๆ แล้ว Inflation หรือค่าเงินเฟ้อมันคืออะไร ยังไง
โดย Robert เริ่มต้นด้วยการพูดว่า มันก็ไม่ผิดอะไรถ้าหากคุณยังไม่ค่อยเข้าใจว่า Inflation คืออะไร ซึ่งอันที่จริงแล้ว Inflation มันก็ไม่ได้มีแต่ในมุมเชิงลบเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหากในวันนี้คุณครอบครอง Asset อย่างบ้านหรือที่ดินหรืออสังหาฯ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ นั้น คุณก็คงอยากให้ราคาของมันมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี นั่นคือมันมีค่า Inflation ที่สูงขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นความหมายของคำว่า Inflation แท้จริงแล้วมันสามารถมีได้หลากหลายมุมมอง คุณอาจจะมองว่า มันส่งผลให้สินค้าต่าง ๆ มีราคาที่สูงขึ้น หรือหากมองในมุมของปริมาณ supply ของเงิน fiat หรือเงินกระดาษที่ปริ้นท์ออกมานั้นมีค่าลดลง
แต่ส่วนตัวของ Robert นั้นเขาบอกว่า เวลาที่เขาพูดถึงค่า Inflation นั้น เขามักจะพูดถึงมันในความหมายที่เกี่ยวกับการเพิ่มจำนวน supply หรือปริมาณของเงิน fiat เป็นหลักซะมากกว่า
แล้วเงิน fiat มันคืออะไร มันใช่เงินที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลใช่หรือไม่?
ซึ่งทาง Robert ก็ได้เล่าย้อนถึงที่มาที่ไปในอดีตของการเกิดขึ้นมาของเงิน fiat อย่างเงิน dollar ซึ่งในอดีตโลกของเราในสมัยที่ยังอยู่ใน Gold Standard หรือการใช้ทองคำเป็นเงินในการแลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างคนซึ่งกันและกัน แต่ด้วยความที่ ทองคำนั้น มันใช้งานยาก ขนย้ายยาก พกติดตัวลำบาก แถมยังแบ่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ยาก ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดในการนำเงินดอลล่าร์มาผูกติดกับทองคำ และใช้เงินกระดาษแทนทองคำที่ข้อดีของเงิน fiat ก็คือมันสามารถพกพาได้ง่ายกว่า แบ่งเป็นหน่วยย่อยได้สะดวกกว่า ทำให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นคือคุณสมบัติที่ดีของเงินที่ควรจะเป็น แต่เดี๋ยวเราค่อยไปว่ากันต่อในเรื่องคุณสมบัติของเงินในตัวของ fiat, gold และ bitcoin กันอีกที
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบของเงิน fiat ก็คือ มันจะต้องใช้ ‘Trust’ หรือความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่าง ผู้ที่รับฝากทองคำที่เมื่อพวกเขารับฝากทองคำของเราแล้วพวกเขาก็ให้เงิน fiat หรือเงินกระดาษ ที่เปรียบเสมือนตั๋วแลกทองคำกับเราคืนมา เพื่อที่เราจะสามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ที่ทางร้านค้าเหล่านั้นยอมรับตั๋วกระดาษดังกล่าว
ดังนั้นอำนาจในการควบคุม Economic Energy หรือพลังงานทางเศรษฐกิจก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคนที่รับฝากทองคำ ซึ่งอำนาจนั้นมันก็ดึงดูดให้รัฐบาลหรือใครต่อใครที่อยากจะได้อำนาจในการควบคุมเศรษฐกิจนี้มาไว้ในมือของตน เพราะถ้าหากพวกเขาควบคุมเงินได้ พวกเขาก็ควบคุมเศรษฐกิจได้ และหากพวกเขาควบคุมเศรษฐกิจได้ พวกเขาก็จะมีอำนาจในการควบคุมทุกสิ่งอย่างในพื้นที่ที่ใช้เงิน fiat ของพวกเขาได้
ซึ่งแต่ก่อนเงิน fiat ได้ถูกผูกติดเอาไว้กับทองคำแบบ 1 ต่อ 1 หน่วย โดยสามารถนำเงิน fiat ดังกล่าวมาแลกเป็นทองคำคืนได้ จนกระทั่งในปี 1971 ที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ ณ ขณะนั้นมีประธานาธิบดีนามว่า Richard Nixon ได้ออกมาประกาศว่า ต่อแต่นี้ไปจะยกเลิกการผูกติดค่าเงินดอลล่าร์กับทองคำ นั่นหมายความว่าแต่เดิมทีเวลาที่จะผลิตเงิน fiat ออกมานั้น จะต้องผลิตเท่ากับจำนวนทองคำที่สำรองเอาไว้ในคงคลัง
แต่เมื่อยกเลิกมาตรฐานนี้ไป ทำให้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ นับตั้งแต่นั้นมาก็จะสามารถผลิตเงินดอลล่าร์ออกมาเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการแบบไม่มีจำนวนจำกัด แถมยังเอาเงิน fiat ไปแลกเป็นทองคำแบบในอดีตก็ไม่ได้แล้วด้วย
ดังนั้นประชาชนคนทั่วไป ต่างก็ต้องยอมรับชะตากรรมในการที่จำเป็นที่จะต้องถือและใช้เงิน fiat ไปโดยปริยาย
คำถามก็คือ มีใครบ้างที่อยากจะถือเงินที่นับวันมีแต่มูลค่าของมันจะลดลงเรื่อย ๆ กันบ้างล่ะ
ซึ่ง Tom Bilyeu ที่กำลังนั่งสัมภาษณ์ Robert Breedlove นั้น ก็บอกว่า เขาก็พึ่งมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของ Inflation เมื่อประมาณปีที่แล้วนี่เอง เพราะตั้งแต่เกิดมา รุ่นพ่อรุ่นแม่ของเขาก็ใช้แนวคิดในการฝากความเชื่อมั่นเอาไว้กับรัฐบาลตลอดมา และเขาก็รับแนวคิดนั้นมาโดยที่ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไร ก็คิดแค่เพียงว่า เรียนให้จบ ออกไปหางานทำ ได้เงินมาแล้วก็เก็บใส่กระปุกเอาไว้ที่บ้านอย่างสบายใจก็แค่นั้น
แต่ตั้งแต่รู้ว่าค่าเงินเฟ้อมันส่งผลให้มูลค่าของเงิน fiat ที่เขาอุตส่าห์ใช้แรงใช้เวลาไปแลกมันมากลับมีมูลค่าลดลงเรื่อย ๆ ตอนแรกรัฐบาลก็บอกว่าค่าเงินเฟ้อมันมีแค่ 2%-3% ต่อปี แต่ ณ ตอนนี้มันกลับพุ่งขึ้นเป็น 7.5% ต่อปี แถมมารู้อีกว่า ของหลาย ๆ อย่างกลับมีค่า Inflation สูงกว่า 15%-20% ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 10 ปีซะด้วยซ้ำ มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ ดังนั้น Tom จึงตระหนักได้ว่า ทุกคนควรสนใจหันมาศึกษาและให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการเงิน เพราะมันเกี่ยวข้องกับทุก ๆ คน ที่ยังต้องใช้เงินในชีวิตประจำวันอยู่
แล้วก็จบกันไปกับ Episode ที่ 1 ของซีรี่ย์ Bitcoin Masterclass แล้วพบกันในตอนต่อไปครับ
Resources