Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

THE CEO STORY

ประวัติ Brian Chesky ผู้ก่อตั้ง Airbnb เจ้าของธุรกิจห้องพักอันดับต้น ๆ ของโลกที่ไม่มีอสังหาฯ เป็นของตัวเองเลยแม้แต่แห่งเดียว

Brian Chesky จากเด็กหนุ่มถังแตก สู่การเป็น CEO ของบริษัทสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นที่มีมูลค่าบริษัทเกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยใช้เวลาภายในไม่กี่ปี ที่เริ่มต้นจากการที่เป็นคนที่ไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าห้องพัก ซึ่งจะถูกเจ้าของห้องไล่ออกได้ตลอดเวลา แต่ Brian Chesky กับเพื่อนร่วมห้องของเขาเลือกที่จะหาเงินด้วยไอเดียในการแบ่งให้เช่าพื้นที่ห้องพักพร้อมอาหารเช้า ทั้งที่ห้องของพวกเขานั้นไม่มีแม้แต่เตียงนอนด้วยซ้ำ มีเพียงแค่เตียงลม 3 ตัวสำหรับแขกที่จะมาเข้าพัก แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพที่ชื่อ Airbnb ที่เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับการจองห้องพักที่ ณ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าสูงกว่า 29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

Brian Chesky และครอบครัว

Brian Chesky มีชื่อเต็มว่า Brian Joseph Chesky เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1981 ในเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า Niskayuna เขตรัฐ New York ของสหรัฐอเมริกา Brian Chesky เป็นลูกชายคนโตของ Deborah และ Robert H. Chesky แม่ของเขาเป็นชาวอิตาเลียนโดยกำเนิด ส่วนพ่อมีเชื้อสายโปแลนด์ ไบรอันมีน้องสาว 1 คนชื่อว่า Allison

ในวัยเด็กเขามีความชื่นชอบในกีฬาฮ็อคกี้ รวมทั้งงานศิลปะ ดังจะเห็นได้จากการที่หนุ่มน้อยคนนี้ชอบวาดและออกแบบรองเท้า รวมถึงของเล่นใหม่ ก่อนที่ต่อมาจะเริ่มให้ความสนใจกับภูมิสถาปัตยกรรมและการออกแบบตามลำดับ

Brian Chesky ในช่วงวัยเรียน

ในปี 1999 ตอนที่ไบรอัน อายุได้ 18 ปี เขาก็ได้เข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีในหลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์ จากโรงเรียนการออกแบบ Rhode Island School of Design (RISD) ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ได้ช่วยให้ไบรอันได้เติมเต็มความหลงใหลในงานศิลปะดังที่เพื่อนทุกคนจะรู้ดีว่าไม่มีครั้งไหนที่เจอไบรอันแล้วเขาจะไม่ถือสมุดสเก็ตช์ภาพและดินสออยู่ในมือ

ในขณะเดียวกัน ไบรอันได้เริ่มฉายแววความเป็นผู้ประกอบการชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งในระหว่างที่เรียนอยู่นั้น เขาก็ได้ดูแลและขับเคลื่อนการดำเนินกิจการของทีมฮ็อกกี้ NADS ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน RSID โดยในช่วงนั้นทีมกำลังจะถูกยุบ แต่ไบรอันกับเพื่อน ๆ ก็ได้ทำการตลาดแบบสุดแสบ ที่ไม่ว่าใคร ณ ตอนนั้นก็ต้องพูดถึงทีม Hockey โรงเรียนของเขา ด้วยการสร้างมาสค็อต Scrotie ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นจนทำให้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว และนั่นก็เป็นก้าวแรกของไบรอันในฐานะผู้ประกอบการนั่นเอง

ชีวิตของ Brian ในช่วงวัยทำงาน

หลังจากเรียนจบระดับปริญญาตรีใน ปี 2004 ไบรอันในวัย 23 ปี ก็ได้เริ่มต้นทำงานที่บริษัท 3DID ในลอสแองเจลิส ในฐานะนักออกแบบเชิงอุตสาหกรรมและนักวางกลยุทธ์ ต่อมาในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2007 เขาได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่อาศัยที่ซานฟรานซิสโกและเริ่มแชร์อพาร์ทเมนต์กับเพื่อนของเขา Joe Gebbia ซึ่งต่อมาก็คือ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb กับไบรอันนั่นเอง

จุดเริ่มต้นของไอเดียธุรกิจแบ่งห้องให้เช่าหมื่นล้าน

ในช่วงปี 2007 หลังจากย้ายมาซานฟรานซิสโก สองรูมเมทเริ่มประสบปัญหาในการหาเงินจ่ายค่าเช่าห้อง ทำให้พวกเขาต้องมองหาช่องทางในการสร้างรายได้พิเศษ ซึ่งประจวบเหมาะกับช่วงนั้นในเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่มีการจัดประชุม The Industrial Designers Society of America Conference เกี่ยวกับการออกแบบที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ทำให้โรงแรมที่พักในแถบนั้นถูกจับจองเต็มหมด ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมประชุมบางส่วนไม่มีที่พัก Joe Gebbia จึงปิ๊งไอเดีย ในการเปิดห้องพักของตนเอง โดยในห้องพักจะให้บริการเตียงลม 3 ตัวพร้อมอาหารเช้าให้แขกที่เข้ามาพักในคืนแรกซึ่งโจก็ได้ส่งอีเมลหาไบรอันเพื่อนำเสนอไอเดียนี้ โดยโจได้บอกกับไบรอันว่ามันน่าจะพอทำเงินให้พวกเขาได้บ้าง โดยที่ทั้งสองไม่คาดคิดเลยว่าไอเดีย Airbed and Breakfast นี้จะนำไปสู่ธุรกิจมูลค่ากว่า 29 พันล้านเหรียญฯ ในเดือนมกราคม ในปี 2019 ที่ผ่านมา

ไบรอันและโจคิดค่าเช่าเพียง 80 เหรียญฯ ต่อคน สำหรับการเปิดห้องพักให้เช่าในครั้งแรก ซึ่งสิ่งที่พวกเขาคาดหวังก็เป็นจริง เมื่อมีผู้เช่า 3 รายแรกติดต่อเข้ามาพัก ทำให้สองหนุ่มไม่ต้องออกจากห้องพักไปนอนในกล่องกระดาษข้างถนน

เมื่อประสบความสำเร็จในครั้งแรก พวกเขาก็เริ่มคิดว่ามันเป็นไอเดียเข้าท่าที่น่าจะทำเงินได้ ดังนั้นสองหนุ่มจึงได้ขอให้ Nathan Blecharczyk(นาธาน เบลชาร์ชซิค) อดีตรูมเมทเข้ามาช่วยทำให้มันกลายเป็นธุรกิจ จริง ๆ (ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb) แล้ว พวกเขาทำงานกับบริษัทจัดหาเพื่อนร่วมห้องเป็นเวลา 4 เดือน จากนั้นจึงหวนกลับมาทำงานจริงจังกับ AirBed and Breakfast อีกครั้งหนึ่ง

ธุรกิจเริ่มเปิดตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้แทบไม่มีใครรู้จัก แม้เป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังพยายามเปิดตัวธุรกิจอีกครั้งในปี 2008 ในงาน SXSW (South by Southwest Conference & Festivals) แต่มีลูกค้าเพียงสองคนและหนึ่งในนั้นก็คือ ตัวไบรอันเอง แต่ความพยายามของพวกเขายังไม่ลดละ ในช่วงฤดูร้อนของปี 2008 ไบรอัน, โจ และนาธาน ได้นำ AirBed and Breakfast ไปนำเสนอกับนักลงทุนโดยได้ออกแบบแพลตฟอร์มในการจองห้องพักให้ง่ายขึ้นเพียงคลิกแค่ 3 ครั้ง แต่โชคร้ายที่นักลงทุนดูเหมือนยังไม่ค่อยมั่นใจในไอเดียของพวกเขานัก ซึ่งทำให้พวกเขาถูกปฏิเสธไอเดียนี้ไปถึง 8 ครั้ง จากนักลงทุนจำนวน 7 คน แต่ทั้งสามคนก็ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็งอยู่หลายเดือน แต่การดันทุรังนี้ ก็ทำให้พวกเขาตกเป็นหนี้กว่า 25,000 เหรียญฯ (หรือราว ๆ กว่า 8 แสนบาท)

อย่ายอมแพ้ แม้ต้องขายอาหารเช้าซีเรียล ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับธุรกิจแบ่งเช่าห้องพัก

เมื่อสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ย่ำแย่อีกครั้ง แต่เป็นเหมือนประตูที่เปิดให้พวกเขาก้าวเข้าสู่การเริ่มต้นชีวิตครั้งใหม่ โดยในปี 2008 พวกเขาตัดสินใจเปิดตัวบริการ AirBed and Breakfast อีกครั้งในงานประชุม Democratic National Convention ที่เมืองเดนเวอร์ โดยใช้ประสบการณ์จากการเปิดห้องให้พักครั้งแรก อันเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนห้องพักในโรงแรมจึงทำให้ผู้คนต้องมองหาทางเลือกอื่น งานนี้เป็นงานใหญ่ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยจำนวนผู้มาร่วมงานมีจำนวนมากกว่าที่พักที่มีอยู่ในท้องถิ่นถึง 4 เท่า จึงทำให้พวกเขามีโอกาสทำเงินจากการปล่อยห้องพักให้เช่าได้อีกครั้ง แต่งานประชุมนี้มีระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว แม้จะมีผู้เข้าพักเต็มจำนวน แต่ก็ทำเงินได้ไม่เพียงพอที่จะจ่ายหนี้ได้

แต่ในวันหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งสุมหัวหาไอเดียกันอยู่ในครัว พวกเขาก็ปิ๊งไอเดียว่า จะทำอย่างไรจึงจะทำเงินได้ ซึ่งไอเดียนั้นก็คือ การออกแบบและจำหน่ายกล่องซีเรียลรุ่น Limited edition โดยฉวยจังหวะในช่วงหาเสียงเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาโดยออกแบบกล่องซีเรียลที่พิมพ์คำว่า Obama O’s, the Cereal of Change และ Cap’n McCain’s, a Maverick ลงบนกล่อง โดยพวกเขาเป็นออกแบบกล่องซีเรียลเอง และโน้มน้าวให้นักศึกษาที่ UC Berkeley ช่วยพิมพ์ข้อความลงบนกล่องแบบละ 500 กล่อง(รวมเป็น 1,000 กล่อง) ในราคาที่ถูกเพื่อลดต้นทุน โดยกล่องถูกส่งมาในรูปแบบของแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมแบน ๆ ที่จะต้องตัดและประกอบด้วยมือ และซื้อซีเรียลยี่ห้อ Cherrios และ Captain Crunch มาบรรจุลงในกล่องซีเรียลแบบพิเศษของพวกเขาพร้อมทั้งติดราคาจำหน่ายกล่องละ 40 เหรียญฯ

ทั้งสามหนุ่มได้ส่งซีเรียลแพคเกจแบบพิเศษนี้ กระจายไปยังบล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียงจำนวนหลายร้อยคน เพื่อหวังว่าพวกเขาเหล่านั้นจะถ่ายรูปและเขียนถึงกล่องซีเรียลที่พวกเขาออกแบบพิเศษนี้ และก็ดูเหมือนว่าแนวความคิดนี้จะไปได้สวย เพราะมันทำให้ต่อมา กล่องซีเรียล Obama O’s, the Cereal of Change ถูกพูดถึงในวงกว้างและเริ่มเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาด ทำให้กล่องของโอบาม่าที่ผลิตขึ้นมาจำนวน 500 กล่องนั้น หมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน ส่วนกล่องที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมที่เหลือนั้น พวกเขาก็ใช้เป็นอาหารเช้าประทังชีวิตกันไปในช่วงนั้นแทน

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสามหนุ่ม ไบรอัน, โจและนาธานนั้น ก็สามารถทำเงินได้กว่า 30,000 เหรียญฯ (หรือเกือบ ๆ 1 ล้านบาท) แถมยังใช้โอกาสครั้งสำคัญในการนำกล่องซีเรียลไปนำเสนอนักลงทุนเพื่อเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่า หากพวกเขาสามารถโน้มน้าวใจให้คนมาซื้อซีเรียลกล่องละ 40 เหรียญฯ ได้ ก็สามารถโน้มน้าวใจให้คนจองห้องพักของ Air Bed and Breakfast ได้เช่นกัน ซึ่งข้อเสนอวัดใจนี้ก็ไปเข้าตานักลงทุนคนหนึ่งที่ชื่อ Paul Graham ทำให้เขาเชิญสามหนุ่มเข้าร่วม Y Combinator ซึ่งเป็นศูนย์บ่มเพาะบริษัทสตาร์ทอัพ พร้อมกับเงินลงทุนอีก 20,000 เหรียญฯ (ราว ๆ กว่า 6 แสนบาท) โดย Air Bed and Breakfast ใช้เวลาทั้งหมด 3 เดือนแรกของปี 2009 (มกราคม – มีนาคม)เพื่อขับเคลื่อนไอเดียให้ใช้งานได้จริงอย่างสมบูรณ์พร้อมออกสู่ตลาด

และพวกเขาก็ได้ใช้เงินลงทุนก้อนแรกนี้ ในการลงพื้นที่สำรวจตลาดจริง โดยใช้เป็นค่าเดินทางจาก San Francisco บินไปยัง New York โดยพวกเขาลงพื้นที่ด้วยตนเอง และเข้าไปเยี่ยมเยียนและลองพักจริงกับโฮสท์หรือผู้ให้เช่าทุกแห่งในนิวยอร์ค พร้อมทั้งถ่ายรูปมาทำรีวิวด้วย

จนกระทั่งต่อมาในเดือนมีนาคม ปี 2009 นี้นี่เอง ที่หลังจากที่พวกเขาสำรวจและทำการตลาด ก็ทำให้เว็บไซต์มีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 คน และมีที่พักที่เข้าร่วมลงทะเบียนกว่า 2,500 แห่ง และพวกเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อธุรกิจจาก AirBed and Breakfast ไปเป็น Airbnb(ซึ่งเป็นตัวย่อจากชื่อเต็ม) นั่นก็เพราะเพื่อป้องกันผู้เช่าอาจเข้าใจผิดได้ว่า ที่พักทั้งหมดมีแต่ที่นอนลมให้บริการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

และหลังจากที่ซุ่มทำ Airbnb อยู่ 3 เดือนเต็ม ในเดือนที่สี่ April 2009 พวกเขาก็ได้รับเงินลงทุนจาก Sequoia Capital เป็นจำนวนเงิน 600,000 เหรียญฯ (หรือเกือบ ๆ 20 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาบริษัท Aribnb ให้เติบโตมากที่สุด และทั้งสามหนุ่มก็ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เพราะเพียง 4 ปี ให้หลังจากนั้น ซึ่งตรงกับในปี 2011 Airbnb ได้เปิดให้บริการอยู่ใน 89 ประเทศทั่วโลก พร้อมกับจำนวนการจองที่พักบนแพลตฟอร์มของ Airbnb ได้ทะยานสูงกว่า 1 ล้านครั้ง และนอกจากนั้นในปีนี้นี่เองที่ Airbnb ได้รับรางวัลแอพพลิเคชั่นที่โดดเด่นจากงาน SXSW ทำให้ Airbnb ได้รับความสนใจจากนักลงทุนใน Silicon Valley จนกล้าให้เงินลงทุนกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว ๆ 3,700 ล้านบาท) ทำให้มูลค่าของธุรกิจพุ่งสูงขึ้นเป็น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมูลค่าดังกล่าวส่งผลให้ Airbnb กลายเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในระดับยูนิคอร์นของ Silicon Valley ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โดยในเดือนมกราคม ปี 2019 ที่ผ่านมานี้ มูลค่าของ Airbnb ทะยานขึ้นสู่ 29,000,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว ๆ 9.57 แสนล้านบาท) และถึงแม้จะมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านกฎหมายที่พักในหลายประเทศที่ขัดกับผลประโยชน์ธุรกิจโรงแรมและที่พักอาศัย หรือข่าวคราวเกี่ยวกับผู้เช่า Airbnb อันเนื่องมาจากการถูกทำร้าย โดนขโมยของ และอันตรายจากผู้ให้เช่าที่ไม่ประสงค์ดี

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเติบโตของธุรกิจ Airbnb ได้ ทำให้ในปัจจุบันมีพนักงานในบริษัทมากกว่า 2,000 คน จากสำนักงาน 21 แห่งทั่วโลก ที่คอยให้บริการใน 34,000 เมือง ซึ่งกลายเป็นบริษัทที่ให้บริการจองโรงแรมและที่พักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยไม่มีโรงแรมหรือที่พักเป็นของตัวเองเลยแม้แต่แห่งเดียว เรียกได้ว่า ทำให้เจ้าของธุรกิจโรงแรมระดับโลกที่ครองแชมป์มานับทศวรรษต่างก็พากันสะดุ้งโหยงกันเลยทีเดียว

Brian Chesky กับการเป็น CEO ที่ยิ่งใหญ่แห่ง Airbnb

ในปัจจุบันผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสามคน ต่างก็อยู่ในตำแหน่งระดับผู้บริหารชั้นสูง โดย Joe Gebbia ทำหน้าที่เป็น CPO, Nathan Blecharczyk ในตำแหน่ง CSO และ Brian Chesky ในตำแหน่ง CEO ของ Airbnb และนอกจากนั้นไบรอันเองยังเคยติดอันดับหนึ่งใน 100 ของบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกซึ่งจัดอันดับโดย Times ในปี 2015 อีกด้วย

แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาอย่างง่าย ๆ หากย้อนกลับไปนับตั้งแต่ไบรอันเข้ามาก่อร่างสร้างธุรกิจ เขาเองก็ยอมรับว่าในช่วงแรก ๆ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากการก้าวไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ซึ่งจากประสบการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้เขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญ 2 อย่างนั่นก็คือ การลองผิดลองถูก และการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยลงพื้นที่จริง ๆ เรียกได้ว่าหากจะทำธุรกิจที่พัก ก็ต้องไปดูไปเห็นให้ถึงแหล่งต้นตอ

ไบรอันอธิบายว่าแทนที่จะพยายามเรียนรู้ทุกแง่มุมของหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งโดยเฉพาะ เขาพบว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่าหากใช้เวลาในการค้นคว้าและระบุจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดเพียงแห่งเดียว จากนั้นก็มุ่งความสนใจตรงไปยังแหล่งนั้นอย่างเต็มที่ ไบรอันกล่าวว่า “ถ้าคุณเลือกจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง คุณสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้” ดังนั้น จงโฟกัสทีละสิ่งและมุ่งไปให้สุดตัว

นอกจากนั้นไบรอันยังได้ใช้เทคนิคที่เรียกกว่า การสังเคราะห์ความคิดที่แตกต่าง ซึ่งแนวคิดนี้โดยพื้นฐานแล้วจะเป็นการนำไปสู่ข้อมูลที่ไม่คาดคิดในเชิงลึก โดยไบรอันได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจว่า ถ้าหากเขาต้องการหาพนักงานที่มีความสามารถสูงสักคนหนึ่ง เขาเลือกที่จะมองข้ามฝ่ายทรัพยากรบุคคล(Human Resources) แต่จะหาตัวแทนนักกีฬา(Sports Agent) ในการทำหน้าที่นี้แทน เพราะคนเหล่านี้ถูกฝึกให้มองหาแต่คนที่มีความสามารถและทักษะสูงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ ไบรอันยังเผยเคล็ดลับเกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของ Airbnb ที่ออกแบบให้มีความเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นและทำงานอย่างซื่อสัตย์โปร่งใส โดยเขาให้ความสำคัญกับการเดินเล่นและพูดคุยกับพนักงานในสวนสาธารณะ และนอกจากนั้น ไบรอันชอบที่จะรับประทานอาหารที่โรงอาหารของบริษัททุกวันและจะเปลี่ยนที่นั่งไปเรื่อย ๆ เพื่อพบปะพูดคุยกับพนักงานอย่างทั่วถึงในแต่ละแผนก และนอกจากนี้เขาก็ยังให้ความสำคัญในการส่งบันทึกที่เขียนด้วยลายมือตนเองให้กับพนักงานอีกด้วย

และทุกคืนอาทิตย์ ไบรอันจะใช้เวลาในการเคลียร์อีเมลทุกฉบับของบริษัท รวมไปถึงเรื่องใดก็ตามที่น่าสนใจและเขาต้องการที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม เขาก็จะโน้ตเอาไว้และหาคำตอบหรือแหล่งที่สามารถให้คำตอบอย่างรวดเร็วแก่เขาได้ ทำให้ใช้เวลาเพียงคืนวันอาทิตย์เพียงวันเดียว ก็สามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เพราะคนส่วนใหญ่ มักจะใช้เวลาไปกับการตอบอีเมลในทุก ๆ วัน พอรู้ตัวอีกที เวลาก็หมดไปหลายชั่วโมงจนไม่ได้ทำงานที่มันสำคัญกว่าและเร่งด่วนกว่านั่นเอง

และนอกจากนั้น ในช่วงที่บริษัทต้องเจอกับวิกฤต ไบรอันกล่าวถึงวิธีรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายว่า เขาจะใช้วิธีการที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ นั่นก็คือเขาจะไม่ใช้การตัดสินใจที่คนหมู่มากเห็นพ้องด้วย เพราะไบรอันเล็งเห็นว่าการตัดสินใจโดยวิธีนี้ ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพที่ดีนักในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตหนัก ๆ เพราะความเห็นของคนส่วนใหญ่มักจะเป็นการตัดสินใจจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้ง ๆ ที่หากมองโลกในแง่ดี มันยังคงมีวิธีที่ดีกว่านั้นอีกมากมาย ดังนั้นในช่วงวิกฤติ ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท เขาต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปในแนวทางไหนต่อ ซึ่งไบรอันกล่าวว่าหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือ ตนเองมีความพร้อมสำหรับความท้าทายต่าง ๆ ที่เข้ามาและพร้อมรับผิดชอบกับผลที่ตามมาหลังจากที่เขาตัดสินใจไปแล้วนั่นเอง

10 อันดับเคล็ดลับในการทำให้ Airbnb ประสบความสำเร็จสไตล์ Brian Chesky

เคล็ดลับที่ 1 – จงไล่ล่าตามความฝันของคุณไป

ในตอนที่ไบรอันเรียนจบจากโรงเรียนดีไซน์เนอร์และเข้าทำงานในบริษัทต่าง ๆ แต่ในระหว่างนั้นเขาก็มีความฝันมาตลอดว่า อยากจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบและเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ และหลังจากที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ เขาก็ลาออกจากที่ทำงานประจำในเมือง LA แล้วเดินทางไปผจญภัยในดินแดนใหม่ ๆ แล้วเขาก็เริ่มต้น Airbnb ที่ San Francisco

เคล็ดลับที่ 2 – เป็นนักตั้งคำถาม

ไบรอันเล่าว่า เมื่อตอนที่เขาถูกเชิญไปที่ Silicon Valley ใหม่ ๆ นั้น เขาแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับที่นี่ รวมไปถึงศัพท์แสงต่าง ๆ เช่น angel ที่ไม่ใช้แปลว่าเทวดาหรือนางฟ้า แต่หมายถึงนักลงทุนผู้ใจบุญ ซึ่งนอกจากพวกเขาจะลงเงินแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำที่ดีมาก ๆ ในหลาย ๆ ด้านของการทำธุรกิจ และมักจะเป็น Mentor หรือพี่เลี้ยงคุณ และการที่คุณจะได้พี่เลี้ยงที่ดีนั้น ไบรอันบอกว่า คุณจะต้องเป็นคนที่ไร้ยางอาย หรือหน้าด้านหน้าทน ในการตั้งคำถามกับพี่เลี้ยงเหล่านั้น เพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุดในการขับเคลื่นธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะหากคุณมัวเขียมอาย ไม่กล้าถาม เกรงใจ ในท้ายที่สุดคุณก็จะไม่มีความคืบหน้าในชีวิต แต่หากคุณพัฒนาในการตั้งคำถามให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณก็จะพบว่า คุณจะได้คำตอบที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน แล้วคุณจะแปลกใจด้วยซ้ำไปว่า พวกเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณเสมอหากพวกเขาสามารถทำได้

เคล็ดลับที่ 3 – มอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ครั้งแรก

ไบรอันพบว่า การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในครั้งแรกให้แก่ลูกค้านั้น มันย่อมดีกว่าการทำพอถู ๆ ไถ ๆ ไปก่อนแล้วค่อยมาพัฒนากันทีหลัง เพราะประสบการณ์ครั้งแรกของลูกค้านั้น มีได้เพียงครั้งเดียว และเมื่อคุณพบสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่แรกพบได้แล้ว จากนั้นคุณก็ค่อย ๆ ขยายประสบการณ์ที่ดีเหล่านั้นไปสู่ลูกค้าคนอื่น ๆ ต่อไป

เคล็ดลับที่ 4 – การสานต่อไอเดียที่ถูกพิสูจน์มาแล้ว

การเริ่มต้นไอเดียในการให้คนมาเช่าห้องที่มีเพียงเตียงลมกับอาหารเช้านั้น เกิดขึ้นจากการที่ทั้งไบรอันและโจ มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่แสนแพงในเมือง San Francisco ดังนั้นพวกเขาจึงได้ไอเดียว่า ในช่วงที่มีการจัดงานประชุมและเทศกาลนั้น ที่พักส่วนใหญ่ในแถบนั้นจะถูกจองเต็มเกลี้ยงไม่เหลือ พวกเขาจึงสร้างเว็บไซต์ง่าย ๆ พร้อมกับประกาศว่า ใครที่ต้องการที่นอนพร้อมกับอาหารเช้า พวกเขายินดีแบ่งให้เช่า โดยตอนนั้นพวกเขามีแค่เพียงเตียงเป่าลมด้วยซ้ำไป และพวกเขาก็สานต่อไอเดียที่ว่า มันต้องมีเจ้าของห้องอีกหลายคนแน่ ๆ ที่ต้องการเงินค่าเช่าแบบพวกเขา และนั่นก็นำไปสู่การต่อยอดเป็น Airbnb อย่างในปัจจุบัน

เคล็ดลับที่ 5 – รักษาวัฒนธรรมองค์กรเอาไว้

ไบรอันกล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวของการที่บริษัทสตาร์ทอัพเติบโตกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่นั้นก็คือ วัฒนธรรมขององค์กรจะเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ทุกคนที่อิสระในการเสนอความคิดเห็น สามารถเข้าถึงผู้บริหารได้แบบเป็นกันเอง กล้าแสดงออก และมีความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนั้น จะกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีระดับชั้นขององค์กร มีความเป็นเจ้านายกับลูกน้องมากยิ่งขึ้น และหัวหน้าระดับอวุโสก็ไม่ค่อยฟังผู้น้อย และมันนำพาไปสู่การที่พนักงานทำงานแค่เพียงผ่านไปวัน ๆ หรือทยอยกันลาออก จนสุดท้าย จากเดิมที่องค์กรจะกลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น มันก็กลายเป็นแค่อยากจะทำกำไรเข้าบริษัทของตัวเองให้เยอะ ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง

เคล็ดลับที่ 6 – จงออกแบบโลกของคุณขึ้นมาเอง

ไบรอันบอกว่า โลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ เป็นโลกของคนอื่นที่สร้างขึ้น และเราเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยคนหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ว่าโลกจะเป็นอย่างไร คุณก็ใช้ชีวิตไปตามที่พวกเขาออกแบบมา แต่ไบรอันบอกว่า ทุกคนสามารถสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาใหม่ได้เสมอ ว่าโลกที่คุณต้องการอยู่นั้น เป็นแบบใดและต้องมีสิ่งใดบ้างที่คุณอยากให้มี จงเริ่มต้นทำทีละเล็กทีน้อย เหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ทีละชิ้น จนกระทั่งภาพเมืองในฝันของคุณเสร็จสมบูรณ์

เคล็ดลับที่ 7 – เชื่อมั่นในไอเดียของคุณ

ในวันที่สิ้นหวังสุด ๆ เมื่อตอนที่เขาพยายามเปิดตัว AirBed and Breakfast ด้วยกันถึง 3 ครั้ง แต่กลับแทบไม่มีลูกค้าเลยตลอดปี แถมนักลงทุนที่พวกเขาได้พูดคุยด้วยนั้น ต่างก็บอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ จนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พวกเขาเป็นหนี้บัตรเครดิตกว่า 20,000 เหรียญฯ หรือประมาณ 6 แสนกว่าบาท จนเรียกได้ว่า อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ๆ แต่สุดท้าย พวกเขาก็ตัดสินใจหาวิธีระดมทุนเงินทุนเข้าบริษัทด้วยตัวของพวกเขาเอง โดยการขายอาหารกล่องซีเรียลที่พวกเขาออกแบบหน้าปกเอง โดยเป็นภาพการ์ตูนล้อเลียนของ Barack Obama กับ John McCain ที่กำลังหาเสียง ณ ขณะนั้น และสามารถทำเงินให้พวกเขาได้กว่า 30,000 เหรียญฯ ซึ่งนั่นสามารถปลดหนี้บัตรเครดิตได้ทั้งหมด แถมยังเหลือเงินสดไว้ลุยต่อกันอีกเฮือกหนึ่งจนกระทั่ง มีนักลงทุนเข้ามาสนบัสนุนในไอเดียที่พวกเขาเชื่อมั่นจนกลายเป็นบริษัทสตาร์ทอัพระดับยูนิคอนของโลกได้ในที่สุด

เคล็ดลับที่ 8 – จงเป็นคนแปลกแยก

เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้คนพูดถึงไอเดียของคุณที่ยังไม่เป็นในวันนี้ว่า “แกมันบ้า” “มันเป็นไปไม่ได้หรอก” “ไอเดียนี้โคตรห่วย” ผมคิดว่าคุณมาถูกทางแล้ว

เคล็ดลับที่ 9 – ทำให้เหนือความคาดหมายของลูกค้า

หากที่พักระดับห้าดาวของ Airbnb คือความคาดหวังของลูกค้า ที่พวกเขาจะได้รับที่อยู่ที่ต้องการ และเมื่อคุณเดินทางไปถึงที่พักก็สามารถเข้าพักในบ้านได้ในทันที แต่ในขณะที่หากเราพูดถึงระดับที่สูงกว่านั้น เช่น

  • หกดาว – มีรถรับ-ส่ง จากสนามบินไปถึงที่พัก
  • เจ็ดดาว – มีรถลีมูซีน รับส่ง ที่คุณจะรู้สึกได้ราวกับเป็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทในตลาดหุ้นที่ไหนสักแห่ง
  • แปดดาว – มีขบวนควานช้างรับ-ส่ง พร้อมปูพรมแดง เพื่อพาคุณไปขึ้นรถลีมูซีน
  • เก้าดาว – ลงเครื่องบิน พร้อมกับเห็นผู้คนกว่าพันคน พร้อมชูป้ายไฟเป็นชื่อคุณ ราวกับคุณเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก
  • สิบดาว – มีรถลีมูซีนรับ-ส่ง แต่คนขับรถกลับเป็น Elon Musk ที่พร้อมจะพาคุณไปท่องอวกาศ

จากตัวอย่างข้างต้น ไบรอันแสดงให้เห็นว่า อย่าหยุดแค่เพียงระดับที่ทุกคนพึ่งพอใจเป็นปกติอยู่แล้ว แต่จงทำให้เหนือความคาดหมายกว่านั้น เพราะประสบการณ์ที่ดีจะทำให้ผู้คนจดจำไปอีกนานแสนนาน

เคล็ดลับที่ 10 – เป็นมากกว่าห้องพักหลับนอน

ไบรอันได้เล่าเคสหนึ่งจากเจ้าของห้องพักว่า เมื่อตอนที่เมืองของเขาเกิดจราจลภายในเมืองนั้น นอกจากแม่ของเขาจะโทรมาถามไถ่เพื่อความเป็นห่วงว่า ลูกชายของตนยังอยู่ดีไหม เขายังได้รับสายจากอดีตผู้เข้าพักที่ห้องของเขาถึง 7 คน ด้วยกัน ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ใช้บริการ Airbnb นั้น เป็นมากกว่าห้องพักหลับนอน แต่มันเป็นเรื่องของผู้คน ระหว่างเจ้าของบ้านกับผู้เช่าอยู่อาศัยที่เชื่อมต่อกัน ที่ไม่สามารถหาได้จากโรงแรมและห้องพักทั่ว ๆ ไป

ในปี 2018 Brian Chesky ในวัย 37 ปี มีทรัพย์สินอยู่ที่ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว ๆ 120,000 ล้านบาท) ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 568 ของโลกจากนิตยสาร Forbs ที่สร้างฐานะขึ้นมาได้ด้วยตนเอง

Everyone’s got a moment or two in their life where something happens and you make a decision and then your entire life changes.

ในช่วงชีวิตของคนเรานั้น มักจะมีเหตุการณ์อยู่หนึ่งหรือสองครั้งเกิดขึ้น และคุณก็ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่าจะหยุดทำหรือจะไปต่อ และหากคุณเลือกที่จะไปต่อ มันก็สามารถทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

Brian Chesky

แหล่งอ้างอิง