FTX ล่มสลาย คือบทเรียนราคาแพง by Michael Saylor | Blue O’Clock Podcast EP. 24
Michael Saylor ผู้ก่อตั้งบริษัท MicroStrategy บริษัทมหาชนที่มี bitcoin มากที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง Yahoo! Finance เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2022 เช้านี้
หลังจากที่ FTX กระดานเทรดคริปโตที่เคยเป็นอันดับที่สองของโลกได้ล่มสลาย ตลาดคริปโตพัง ราคาเหรียญต่าง ๆ ในตลาด crypto แดงเดือด และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ทาง CZ หรือ Changpeng Zhao เจ้าของ Binance ที่เป็นกระดานเทรดคริปโตอันดับ 1 ของโลก ได้ออกมาประกาศจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูตลาด crypto เพื่อช่วยเหลือโปรเจกต์ที่ขาดสภาพคล่องนั้น
ทาง Michael Saylor มีความเห็นอย่างไรบ้าง?
โดยทาง Michael บอกว่า เขาเชื่อว่า ณ ตอนนี้ Binance คือ Exchange หรือกระดานเทรดที่มีการจัดการด้านการเงินที่ดีที่สุด ณ ขณะนี้
แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่เรื่องของ FTX กระดานเทรดคริปโต ที่เป็นเจ้าของเหรียญ FTT ที่ทำให้ตลาดคริปโตพังลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
โดยสิ่งสำคัญก็คือทางกระดานเทรด FTX ที่มีเหรียญ FTT เสมือนเป็นหลักทรัพย์ ที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนใด ๆ เหมือนอย่างพวกหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น การซื้อขายเหรียญ FTT จึงเป็นการเทรดที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
โดยการทำงานของเหรียญแบบ Proof of Stake (PoS) Token ที่เจ้าของเหรียญสามารถเสกเหรียญขึ้นมาเองได้ตามต้องการ
โดยเหรียญ FTT ได้ถูกเสกขึ้นมาจากอากาศเป็นมูลค่ากว่า $8,000 ล้านดอลล่าร์ฯ
ซึ่งนี่ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรม crypto ที่ตลาดจะต้องเรียนรู้จากบทเรียนในครั้งนี้ และอีกเรื่องก็คือ ตลาดก็จะได้รับรู้ว่า crypto นั้นแตกต่างจาก bitcoin อย่างไรด้วย
และแม้ว่าเหตุการณ์การล่มสลายของ FTX FTT นั้น จะส่งผลให้ราคา bitcoin ต่ำลง เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ ตกใจกลัวกับเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยทาง Michael Saylor บอกว่า มันคือเหตุการณ์ที่ bitcoin กำลังย้ายมือ จากผู้ที่อ่อนแอ ไปสู่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า และเขาเชื่อว่า เหล่าบรรดาวาฬทั้งหลายก็กำลังเร่งสะสม bitcoin เพิ่มไปในกระเป๋าของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ราคาของ bitcoin กำลังต่ำ ณ ขณะนี้
ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ มันคล้าย ๆ กับในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2020 ที่ bitcoin ณ ขณะนั้น ยังมีราคาแค่เพียง $4,000 ดอลล่าร์ฯ ต่อ 1 BTC เท่านั้น
แต่ถ้าหากคุณลองเปรียบเทียบ Volume หรือปริมาณเม็ดเงินที่มีการเทรดในแต่ละวันนั้น คุณก็จะพบว่า มันมีเม็ดเงินมากกว่าเดิมราว ๆ 5-10 เท่าเลยทีเดียว
เพราะ ณ ตอนนี้ bitcoin มันได้รับความสนใจจากสถาบันการเงินและนักลงทุนต่าง ๆ ทั่วโลก อย่างคับคั่ง ว่าควรจัดให้ bitcoin เป็นหนึ่งใน asset class หรือเป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งในการลงทุน
ซึ่งทาง Michael Saylor เขามองว่า การล่มสลายของ FTX FTT นั้น จะช่วยส่งเสริม bitcoin เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ตลาดจะได้เรียนรู้ และผู้คนจะได้ตระหนักและได้รู้ถึงประโยชน์ในการซื้อ crypto asset ที่ถูกหนุนหลังด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ด้วยพลังงานไฟฟ้ามากกว่า 10 GW
และนั่นคือความแตกต่างระหว่าง bitcoin เมื่อเทียบกับเหรียญ crypto อื่น ๆ นับหมื่นเหรียญ ที่ไม่มีอะไรรองรับอยู่เบื้องหลังเลย นั่นมันก็เหมือนกับเงิน fiat currency ที่พิมพ์เงินออกมาโดยไม่มีทองคำหรือสินทรัพย์ backup เอาไว้
โดย Michael Saylor บอกว่า SBF หรือ Sam Bankman-Fried นั้น ก็เหมือนกับกรณีของ Jordan Beltford จาก The Wolf of Wall Street ที่เคยเกิดขึ้นในตลาดหุ้นมาก่อนหน้านี้ แต่แค่เปลี่ยนเป็นยุคของ crypto แทน ซึ่งก็น่าจะเอาไปสร้างภาพยนตร์เรื่อง The King of Crypto ได้
ซึ่งเหตุการณ์การล่มสลายของ FTX ในครั้งนี้ เสมือนเป็นตัวเร่งให้ทาง SEC หรือทาง กลต. ของสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแทรง เข้ามาออกกฎควบคุมในตลาด crypto เร็วขึ้นกว่าเดิม
โดยทาง Michael Saylor เขามองว่า ทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมคริปโตนั้น จะมีแนวโน้มในการที่จะต้องถูกควบคุมโดยกฎระเบียบต่าง ๆ จากทาง กลต. ที่เหรียญต่าง ๆ จะต้องลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์อย่างถูกต้อง และกระดานเทรดก็ต้องจดทะเบียนอย่างถูกต้อง และผู้ใช้งานหรือปผู้เทรดบน Exchange ก็ต้องลงทะเบียนอย่างถูกต้อง
ซึ่งถ้ามองในข้อดีของ Exchange หรือกระดานเทรดคริปโตนั้น ก็คือ มันเป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ 365 วันต่อปี ที่สามารถเทรดบนมือถือในราคาหลักร้อยหลักพันบาทได้ ไม่ว่าจะเป็น Android และ iOS ที่ผู้คนทั่วโลกที่มีประชากรเกือบ ๆ แปดพันล้านคนทั่วโลก สามารถเข้าถึงระบบ digital currency นี้ได้
ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีสกุลเงิน fiat ล่มสลายไปแล้ว หรือจะเป็นประเทศยาก หรือเป็นประเทศที่ถูกแบนทางการเงินจากสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าใคร ๆ บนโลกนี้ก็สามารถเข้าถึง digital currency ได้อย่างเท่าเทียม
ซึ่งหากใครก็ตามที่ต้องการจะสร้างเหรียญของตัวเองขึ้นมาในแบรนด์ของตัวเอง ก็เป็นโอกาสที่จะสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นใจในตลาดนี้ โดยทำการลงทะเบียนให้ถูกต้องกับทาง SEC หรือทาง กลต. เพื่อที่จะได้รับการอนุมัติให้สามารถเทรดเหรียญดังกล่าวบนกระดานเทรดที่สามารถเข้าถึงผู้คนทั่วโลกได้แบบความเร็วแสง กับค่าธรรมเนียมอันน้อยนิด
โดยเป็นระบบที่อยู่นอกเหนือจากระบบดั้งเดิมจากธนาคาร ที่ธนาคารนั้นเป็นผู้ผูกขาดในสินทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว เหล่านี้คือสิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมคริปโตฯ
ในขณะที่สิ่งที่แย่ ๆ ได้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมคริปโตฯ ณ ตอนนี้ คือการที่มีแต่คนไร้จริยธรรม ขาดคุณธรรม ขาดความรับผิดชอบ ต่อสิ่งเสียหายที่พวกเขาก่อขึ้น
ที่แต่ก่อนหน้านี้ มีแต่คนบ่น กลต. ว่า จะมาควบคุมอะไรกันนักกันหนา นี่มันระบบเสรี แต่พอเงินคริปโตหาย โดนโกง ก็รับออกมาเรียกร้องให้ กลต. ทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชยความเสียหาย
ดังนั้นทาง Michael Saylor เขาจึงมองว่าทาง SEC หรือทาง กลต. ที่พยายามออกกฎมาควบคุมนั้น พวกเขาน่าจะคิดถูก
เพราะค่าหน่วยกิต ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับตลาดคริปโตในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Terra LUNA, Celcius, Three Arrows และมาตอนนี้ก็ FTX FTT ที่ล่มสลายนั้น มันเป็นมูลค่าความเสียหายที่สูงเหลือเกิน ที่กว่าตลาดจะเรียนรู้ในอุตสาหกรรมนี้
ซึ่ง ณ ตอนนี้ทาง Michael Saylor เขาคิดว่า ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตกนั้น ตอนนี้คงไม่มีใครไม่เข้าใจแล้วว่าการเทรดในกระดานเทรดและเหรียญต่าง ๆ ที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับ กลต. อย่างถูกต้องนั้น มันมีความเสี่ยงมากแค่ไหน
และในท้ายที่สุด Michal ก็บอกว่า เหรียญคริปโตที่สามารถเสกเหรียญจากอากาศกว่าร้อยละ 99 นั้นสุดท้ายแล้วจะล่มสลายหายไปในที่สุด
ซึ่งตลาดนี้ก็จะยังคงเติบโตต่อไป ตลาดต้องเรียนรู้ต่อไป
โดยนักข่าวก็ได้ถามกับ Michael Saylor ว่า เขาคิดว่า Sam ควรติดคุกหรือไม่กับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป
โดยทาง Michael ก็ตอบว่า การที่ใครสักคนหนึ่ง สร้างเงินปลอม ๆ ขึ้นมา ขโมยเงินลูกค้า ทำสวนทางกับสิ่งที่ bitcoin ทำ แหกกฎของทาง SEC หรือทาง กลต. ซึ่งการกระทำดังกล่าวมันไม่เป็นผลดีต่อใครเลยในอุตสาหกรรมนี้
และการที่กระดานเทรด FTX เสกเหรียญ FTT ของตัวเองขึ้นมาจากอากาศ จากศูนย์ แล้วจู่ ๆ ก็เอาเหรียญตัวเองที่ไม่มีค่านั้นไปค้ำประกันได้ แล้วดึงเงินดอลล่าร์ออกมาใช้ซื้อนั่นซื้อนี่ ซื้อ bitcoin ซื้ออสังหาฯ ซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เข้าตัวเอง
เสกเหรียญเองเท่าไหร่ก็ได้ จะกำหนดราคาเหรียญในตลาดเท่าไหร่ก็ได้ เอาเงินที่เสกจากอากาศมาแล้วทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของ เหมือนเป็น CEO ธนาคารของตัวเอง
นี่คือการกระทำไร้ซึ่งจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่ไม่ควรให้คนเช่นนี้เข้ามาในวงการ ในอุตสาหกรรมนี้อีกต่อไป
Resources
- https://youtu.be/2V0P7oBxjIU
- https://th.investing.com/news/cryptocurrency-news/article-94215
- https://cointelegraph.com/news/bitcoin-network-power-demand-falls-to-10-65gw-as-hash-rate-sees-14-drop