ไทยอาจโดนจีนกลืนกินภายใน 10 ปี
ในบางสงคราม ไม่มีเสียงระเบิด ไม่มีการนองเลือด ไม่มีความตาย แต่ผลลัพธ์ของมัน…อาจเปลี่ยนอนาคตของทั้งประเทศ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
บทที่ 1: Welcome to Thailand — ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย
ย้อนกลับไปไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนอย่างอบอุ่น ถนนสายหลักในเมืองท่องเที่ยวแน่นขนัดไปด้วยรถบัส นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ และไกด์ชาวจีนที่ใช้โทรโข่งแนะนำสินค้าตามตลาดพื้นเมือง
ไทยเรายิ้มรับ พูดคำว่า “หนีห่าว” อย่างเต็มใจ และเชื่อว่าเม็ดเงินจากจีนจะไหลเข้ามาไม่ขาดสาย สร้างความมั่งคั่งให้ประเทศ ภาพฝันของการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกทำให้เรารู้สึกภูมิใจ
แต่ในขณะเดียวกัน… เรากลับมองข้ามสัญญาณบางอย่างที่อาจบอกเราว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีอะไรมากกว่าแค่เรื่องการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวเหล่านั้น ไม่ได้มาพร้อมแค่กล้องถ่ายรูปและกระเป๋าเดินทาง แต่พวกเขามาพร้อมกับระบบธุรกิจแบบครบวงจร:
- เปิดร้านค้าจีนที่ให้บริการเฉพาะชาวจีน พูดแต่ภาษาจีน
- ใช้แอปการเงินจีน ไม่ผ่านระบบธนาคารของไทย
- จ้างแรงงานจีนในกิจการที่อยู่บนแผ่นดินไทย
- ทำตลาดผ่านเครือข่ายสื่อของจีน
- และที่สำคัญ เป้าหมายไม่ได้หยุดอยู่แค่การมาเที่ยว
ทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนการขยายทางเศรษฐกิจทั่วไป แต่แท้จริงแล้ว มันคือการเปลี่ยนสถานะ… จากผู้มาเยือน กลายเป็นผู้มีอิทธิพลในโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยอย่างเงียบเชียบ
บทที่ 2: No Walls — ไม่มีกำแพงขวางกั้น
ในขณะที่สังคมไทยยังถกเถียงว่า “ควรเปิดประเทศแค่ไหน” ประตูของไทยกลับเปิดกว้างสำหรับชาวจีนไปแล้วแบบไม่มีมาตรการรองรับที่ชัดเจน ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีระบบกลั่นกรองที่มีประสิทธิภาพ
เหมือนน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาโดยไม่มีเขื่อนกั้น
ร้านค้าหลายแห่งมีป้ายเป็นภาษาจีน พนักงานไม่พูดภาษาไทย ลูกค้าก็เป็นคนจีน ระบบการจ่ายเงินผ่าน WeChat Pay หรือ Alipay เชื่อมตรงกับบัญชีในจีน ไม่ผ่านระบบธนาคารไทยเลย
ธุรกิจบางแห่งใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของในเอกสาร แต่การบริหารและผลประโยชน์ทั้งหมดอยู่ในมือกลุ่มทุนจีน โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายที่เรียกว่า “นอมินี”
ในเศรษฐกิจแบบนี้ คนไทยแทบไม่มีบทบาทเลย จะมีก็แค่ “ให้ที่ดิน ให้ทำเล และเงียบไว้” ไม่ต่อต้าน ไม่ตั้งคำถาม ไม่รู้ หรืออาจรู้แต่เลือกที่จะไม่พูด
เรากลายเป็นเพียงผู้เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงในประเทศของตัวเอง ไม่มีพลังในการควบคุม หรือแม้แต่มีส่วนร่วมในผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเรา
บทที่ 3: Lost Land — ดินแดนที่หลุดมือ
ลองจินตนาการถึงคอนโดหรูริมเจ้าพระยา ที่ห้องส่วนใหญ่เป็นของชาวจีน บางคนไม่เคยมาพักจริง เพียงถือไว้เป็น “แผนสำรอง” หากวันหนึ่งต้องย้ายออกจากจีน
ไม่ใช่แค่คอนโดในเมืองใหญ่ แต่รวมถึงบ้านจัดสรร ที่ดินริมทะเล พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ที่ถูกซื้อไว้ผ่านกลุ่มทุนจีนและนอมินีไทย
ในขณะที่ชาวจีนสามารถซื้อด้วยเงินสด คนไทยต้องกู้เงินกว่า 30 ปีเพื่อบ้านหลังเล็ก ๆ สักหลัง และราคาคอนโดที่สูงขึ้นจากความต้องการของต่างชาติ ก็กดดันให้คนรุ่นใหม่ไทยไม่สามารถมีบ้านในเมืองเกิดของตัวเองได้
แผ่นดินที่เคยเป็นของเรา กำลังค่อย ๆ เปลี่ยนมือ โดยที่เราแทบไม่รู้ตัว
บทที่ 4: Stay Forever — ปักหลักถาวร
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนเปลี่ยนไปแล้ว จากนักท่องเที่ยว → นักลงทุน → เจ้าของทรัพย์สิน → พลเมืองถาวร
ครอบครัวจีนจำนวนมากย้ายมาอยู่ไทยอย่างจริงจัง ส่งลูกเรียน เปิดร้าน ใช้แรงงานจีน สร้างสังคมของตัวเอง โดยไม่ต้องปรับตัวเข้ากับคนไทยเลย
บางพื้นที่ในเมืองใหญ่เริ่มเห็นชุมชนจีนขนาดเล็กที่ไม่ปะปนกับชาวไทย สร้างวัฒนธรรมและเครือข่ายธุรกิจแบบแยกขาดจากสังคมหลัก
นี่ไม่ใช่การยึดครองด้วยปืนหรือกองทัพ แต่มันคือการสร้าง “สังคมคู่ขนาน” ที่ค่อย ๆ ซ้อนทับลงมาบนบ้านของเรา
ประเทศไทยได้อะไร?
การลงทุนควรนำมาซึ่งประโยชน์ร่วม แต่ถ้าไม่มีระบบภาษี ไม่มีข้อบังคับเรื่องแรงงาน ไม่มีข้อจำกัดด้านการถือครองทรัพย์สิน หรือการใช้ระบบการเงินของประเทศนั้น ๆ เอง
สิ่งที่เรียกว่า “การลงทุน” อาจกลายเป็นการสูญเสียอย่างช้า ๆ
ประเทศไทยต้องการไม่ใช่แค่เม็ดเงิน แต่ต้องการระบบที่ปกป้องคนไทยให้ได้รับประโยชน์ที่เป็นธรรม มิฉะนั้นเราจะเป็นเพียงผู้ยืนดูแผ่นดินของตัวเองถูกเปลี่ยนมืออย่างเงียบ ๆ
เมื่อเปรียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
เวียดนามจำกัดสิทธิในการถือครองที่ดินของต่างชาติอย่างชัดเจน อินโดนีเซียกำหนดให้การลงทุนต้องสร้างประโยชน์แก่ประชาชน มาเลเซียมีข้อบังคับเกี่ยวกับแรงงานท้องถิ่น
แต่ไทยกลับเปิดกว้างโดยไม่มีทิศทาง ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน และบางครั้ง…เรายื่นมือให้ก่อนที่เขาจะขอ
จุดจบที่เริ่มนับถอยหลัง
นี่ไม่ใช่จุดจบที่ชัดเจนในวันนี้ แต่ถ้าเราไม่เริ่มตั้งคำถาม หากยังปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามแรงโน้มถ่วงของทุนต่างชาติ
ประเทศไทยอาจถูกจีนครอบงำทางเศรษฐกิจและสังคมภายใน 10 ปีข้างหน้า
ไม่ใช่ด้วยรถถัง ไม่ใช่ด้วยทหาร แต่ด้วย “คอนโดหรู” “ใบอนุญาตทางธุรกิจ” และ “ระบบเศรษฐกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาไทยเลยแม้แต่น้อย”
ลองถามตัวเองว่า…
- วันนี้ ใครเป็นเจ้าของที่ดินในเมืองของคุณ?
- ใครเป็นเจ้าของห้องที่คุณเช่าอยู่?
- ใครกำลังควบคุมราคาสินค้าในตลาดท้องถิ่น?
ถ้าคำตอบไม่ใช่คนไทย คำถามที่ใหญ่กว่าคือ: เรายังเหลืออะไรที่เป็นของเราอยู่บ้าง?
Resources
-
https://www.reic.or.th/News/RealEstate/469442?utm_source=chatgpt.com
-
https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/617612?utm_source=chatgpt.com
-
https://www.youtube.com/watch?v=tCqyQJXnCgw&utm_source=chatgpt.com
-
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1169309?utm_source=chatgpt.com
-
https://policywatch.thaipbs.or.th/article/world-35?utm_source=chatgpt.com