Site icon Blue O'Clock

หากวันนี้คุณเจ๊ง คุณจะเริ่มต้นใหม่ยังไง by Robert Kiyosaki ผู้เขียน Rich Dad Poor Dad

โรเบิร์ต คิโยซากิ - Robert Kiyosaki

มีคนเคยถาม Robert Kiyosaki ว่า ถ้าหากวันพรุ่งนี้คุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตัวเองนอนอยู่ข้างถนน ไม่มีอะไรเลยสักกะอย่าง ทั้งเงินทอง หน้าที่การงาน ทรัพย์สิน แม้กระทั่งคอนเนคชั่นจากคนรู้จักก็ไม่มีสักคน ซึ่งสิ่งที่คุณเหลืออยู่คือประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญจากงานในสายอาชีพที่คุณเคยทำมา คุณจะสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจากจุดนั้นได้อย่างไร?

โดย Robert Kiyosaki ตอบว่า ไม่ต้องห่วง ผมเคยไปอยู่นะจุด ๆ นั้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ซึ่งเมื่อเหตุการณ์นั้นมันมาถึง คุณจำเป็นที่จะต้องคิดว่า อะไรคือสิ่งที่ต้องการและอะไรคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

ซึ่งตัวเขาเอง หากที่จะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยที่ไม่มีอะไรเลย เขาจะเริ่มต้นจากการไปทำงานที่ร้าน McDonalds โดยแม้ว่าจะมีค่าแรงแค่เพียง $7 หรือ $15 ต่อชั่วโมง นั้นเขาก็ไม่แคร์ เพราะเหตุผลจริง ๆ ที่เขาเลือกที่จะไปทำงานที่นั่นก็เป็นเพราะ McDonalds มีระบบธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก ที่สร้างมาจาก Ray Kroc คนที่เรียนไม่จบระดับชั้นปริญญาตรีซะด้วยซ้ำ แต่สามารถนำพาธุรกิจอาหาร fast food ให้ไปไกลระดับโลกได้ นั่นก็เป็นเพราะพวกเขามีระบบที่ดีที่สุดนั่นเอง

โดยคุณสามารถเข้ามาเรียนรู้ระบบการทำงานภายในองค์กรแห่งนี้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ดังนั้นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะทำงานที่ McDonalds นั้นก็เพราะ เขาเปรียบชีวิตของคนเราคือการเรียนรู้ และคนเราก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การอ่านหนังสือ การพูดคุยกับเหล่าบรรดาผู้ประกอบการ และเขาจะหลีกเลี่ยงการคบค้าสมาคมกับคนที่ชอบบ่น ชอบโทษว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพราะมันไม่ช่วยอะไรเลยในการที่เขาจะกลับมาเป็น Entrepreneur หรือผู้ประกอบการอีกครั้งหนึ่ง

วิธีการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง Business & Tax

Robert Kiyosaki บอกว่า วิธีการเล่นเกมการเงินของเขามีด้วยกันอยู่สองสิ่ง อันดับหนึ่งคือ Business และอันดับที่สองคือ Real Estate นั่นคือเหตุผลที่คุณไม่ต้องถูกภาษีขูดเลือดขูดเนื้อจากรัฐบาล จากการที่คุณทุ่มเททำงานอย่างหนัก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเมื่อคุณทำธุรกิจมีกำไรเข้ามา คุณก็นำเงินไปต่อยอดในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่อเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัท ซึ่งเป็นการลงทุนที่กฎหมายยกเว้นการเก็บภาษี และแน่นอนว่ากฎเหล่านี้ มันไม่แฟร์และไม่ยุติธรรมเลยสักนิดกับพนักงานที่ทำงานประจำหาเช้ากินค่ำอย่างหนัก

ในขณะที่เหล่าบรรดามหาเศรษฐีรู้เกมการเงินที่พวกเขาจะเล่นเป็นอย่างดี เขาจึงเลือกที่จะใช้ Business Model จาก McDonalds มาใช้ในการสร้างความร่ำรวย ซึ่งดูเผิน ๆ คนทั่วไปอาจจะมองว่าธุรกิจของ McDonalds นั้น คือธุรกิจขายแฮมเบอร์เกอร์ แต่แท้ที่จริงแล้วธุรกิจของ McDonalds คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะพวกเขาจะกว้านซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทำเลดี ๆ ราคาสูง ๆ เพื่อปล่อยค่าเช่าให้กับแฟรนส์ไชส์อีกทีหนึ่ง ทำให้กลยุทธ์นี้ สามารถทำให้ McDonalds มีอสังหาริมทรัพย์ในครอบครองที่หลายที่มีที่ดินแพงที่สุดโนโลกอย่างเยอะแยะมากมาย มากกว่าจำนวนโบสถ์ คาทอลิก ซะอีก

ซึ่งแนวคิดนี้ เขาก็คิดเล่น ๆ ว่า เมื่อเขาสามารถทำกำไรจากธุรกิจได้สมมติว่าเป็นจำนวน $1 ล้านดอลล่าร์ฯ แต่พอลองเอาไปคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายแล้วนั้นเป็นเงินจำนวนที่เยอะเอามาก ๆ ดังนั้นหากเขาไม่อยากเสียภาษีก้อนนี้ เขาก็ตัดสินใจนำเงินก้อนนี้ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์สักแห่ง ดังนั้นในทางบัญชีถือว่านำเงินไปลงทุนต่อ นับเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องถูกนำมาคิดภาษี นั่นจึงทำให้เขามั่งคั่งขึ้น รวยขึ้น มีทรัพย์สินที่เป็นอสังหาฯ ในครอบครองมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

เรียนรู้วิธีการปฏิเสธคำว่า ‘ไม่’

และโดยธรรมชาติของการเป็นผู้ประกอบการที่ดีนั้น ส่วนใหญ่จะมีลักษณะและอุปนิสัยที่คล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการจากมุมใดของโลกก็ตามที โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนที่คิดและลงมือทำอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ยกตัวอย่างเช่น มีเพื่อนของเขาอยู่คนหนึ่ง เป็นชาวฝรั่งเศส แต่เขามีโอกาสได้ไปซื้อไร่องุ่นแห่งหนึ่งที่หมู่บ้าน Napa เมือง Sonoma รัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา และพอเขากลับมาที่ฝรั่งเศสก็บอกกับรัฐบาลว่า เขาจะนำเข้าไวน์จำนวนมากมาจากไร่องุ่นของเขาที่อยู่ในอเมริกาเป็นจำนวนมาก โดยจะบรรจุลงในถังหมักไวน์เป็นอย่างดี

แต่รัฐบาลกลับสั่งห้ามเขา เพราะมันผิดกฎหมายไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ดังนั้นเพื่อนของเขาจึงเปลี่ยนวิธีโดยการเจรจาใหม่ว่า งั้นผมจะนำเข้าไวน์แบบใส่ขวดมาแทนละกัน ปรากฎว่าไม่มีเรื่องของการผิดกฎหมาย สามารถนำไวน์บรรจุขวดเข้ามาได้ ทำให้รัฐบาลชุดนั้นก็อึกอักว่าอะไรไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้แหกกฎข้อใดของรัฐบาลเลย

จะเห็นได้ว่า คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่สำคัญ

เรียนรู้วิธีการรับมือกับความล้มเหลว

คุณรู้หรือไม่ว่า ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่นั้นเกิดมาพร้อมกับความผิดหวัง ยกตัวอย่างเช่น

และตัวของ Robert Kiyosaki เองตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจก็เคยติดลบหลายล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

ซึ่งคนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ได้ เพราะพวกเขาถูกสอนมาในโรงเรียนว่าห้ามทำผิดพลาด ใครทำผิดถือว่าโง่ ใครทำผิดถือว่าสอบตก ใครทำผิดถือว่าสอบไม่ผ่าน เป็นคนล้มเหลว ซึ่งมันตรงกันข้ามกับในโลกแห่งความเป็นจริง

เพราะแม้แต่ทารกที่กำลังฝึกยืนนั้น ก็ยังต้องล้มหลายต่อหลายครั้งที่ว่าจะยืนได้อย่างมั่นคง ในขณะที่ระบบการเรียนการศึกษานั้น ออกแบบมาให้ลงโทษคนที่ทำผิดพลาดในห้องเรียน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อจนของเขาที่เรียนจบดอกเตอร์นั้น ถึงล้มเหลวในชีวิตจริง เพราะเขากลัวการทำผิดพลาดนั่นเอง

เรียนรู้วิธีการสร้างทีมและการเป็นผู้เล่นที่ดีในทีม

ความผิดพลาดส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบการทำผิดพลาดก็คือ การตัดสินใจลาออกเพื่อมาเป็นนายตัวเอง ซึ่งอันที่จริงมันไม่ได้แตกต่างอะไรกันสักเท่าไหร่นักระหว่างเป็นพนักงานที่กินเงินเดือนจากนายจ้าง กับออกมากินเงินเดือนที่ตัวเราเองจ่ายเงินเดือนให้นั่นแหละ โดยกว่าร้อยละ 90 ของผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กนั้นมักเป็นผู้ประกอบการฉายเดี่ยวหรือ Solopreneur ที่มักจะพูดว่า ฉันสามารถทำงานทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ฉันจะทำเอง ซึ่งนั่นเป็นเพราะพวกเขาถูกสั่งสอนมาในระบบของโรงเรียนว่าจะต้องเป็นคนที่เก่ง เป็นคนที่เจ๋งกว่าใคร ๆ ในห้องเรียน

ในขณะที่ตัวของ Robert Kiyosaki เองนั้น เขาบอกว่า เขาเรียนจบก็มาได้เป็นเพราะร่วมมือกับเพื่อน ๆ ที่เก่ง ๆ เวลาที่มีการทำโปรเจค ในขณะที่โรงเรียนกลับสอนเราว่า มันคือการลอกมันคือการโกง ผิดกฎร้ายแรงและต้องถูกทำโทษอย่างหนัก

ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้ที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้นั้นคือคนที่มีทีมที่แข็งแกร่ง ดังนั้นหน้าที่ของผู้ประกอบการก็คือ การทำยังไงก็ได้ให้คนเก่ง ๆ เข้ามาร่วมทีมและสามารถทำงานร่วมกันได้

แต่ในขณะที่คนที่เป็นหมอหรือเป็นทนายความที่เรียนจบเกรดสูง ๆ นั้น พวกเขามักจะนั่งทำงานอยู่คนเดียวซะเป็นส่วนใหญ่

อย่าง Lebron James นักบาส NBA ระดับโลกนั้น แม้ว่าตัวเขาจะเก่งกาจ แต่ในช่วงแรกนั้น เขาพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย จนกระทั่งเขาได้ย้ายไปอยู่กับทีมที่แข็งแกร่งจนทำให้เขาสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นที่สำเร็จ ซึ่งจะเห็นได้ว่า การเก่งคนเดียวในทีมนั้นยังไม่เพียงพอต่อความสำเร็จ มันต้องเล่นเป็นทีม

อย่ายอมใช้ชีวิตต่ำกว่ามาตรฐาน

หลายคนเลือกที่จะประหยัด อดออมถึงขั้นขี้เหนียว ทั้ง ๆ ที่ของบางอย่างหากคุณจับจ่ายใช้สอยไปแล้วมันก็ไม่ได้กระทบกับเงินในกระเป๋าของคุณสักเท่าไหร่นัก ซึ่งถ้าหาก ณ ตอนนี้คุณยังไม่สามารถซื้อบางอย่างได้ด้วยความสบายใจได้ คุณก็จงตั้งใจทำงานให้ดีขึ้น ขยันมากขึ้น หารายได้ให้มากขึ้น แล้วจงจ่ายในสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดี รู้สึกมั่นใจ รู้สึกสบาย เพื่อทำให้คุณอยากดีขึ้นไปอีกในทุก ๆ วัน

Resources

Exit mobile version