Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

1 เคล็ดวิชาในการฝึกสมอง ให้เงินทองไหลมาเทมา

หากคุณลองสำรวจเงินในกระเป๋าให้ดีกับปีที่ผ่าน ๆ มา คุณอาจจะพบว่า เพดานรายได้ของคุณมันเหมือนกับโดนสตาฟแช่แข็งไว้แทบจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนสักกะที เช่น มีรายได้หลักหมื่นมาหลายปี แต่ทำยังไงก็ไม่ถึงหลักแสนสักกะที หรือบางคนที่ทำธุรกิจได้หลักแสนต่อเดือน ก็ไม่มีวี่แววที่จะทะลุหลักล้านในเร็ว ๆ นี้ได้เลย

สาเหตุแรกที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สมองของเราเคยชินกับกรอบเดิม ๆ ที่เราสบายใจ โดยมันจะพยายามให้เราปลอดภัยและอยู่ในกรอบความคิดเดิม ๆ ซึ่งหากเราลองมองย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังเด็กอยู่ก็จะพบว่า จริง ๆ แล้ว รายได้ของเรานั้น เติบโตตามความคิดของเรา เช่น เมื่อตอนที่เรายังเป็นนักเรียนอยู่ เรายังไม่ค่อยได้คิดเรื่องการหาเงินสักเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่ก็จะได้เงินจากผู้ปกครองซะมากกว่า ซึ่งการได้เงินค่าขนมหลักร้อย หลักพัน ก็ถือว่าเยอะแล้ว แต่พอเรียนจบมามีงานทำ เราได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น สมองของเราก็มีความรู้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถนำความรู้เหล่านั้น ไปหาเงินได้เป็นหมื่น ซึ่งมันอาจจะพัฒนาเป็นแสน เป็นล้านได้ในอนาคต

และนี่ก็คือ 1 เคล็ดลับในการฝึกสมอง ที่จะทำให้เงินในกระเป๋าของคุณนั้นเพิ่มพูนขึ้นมาได้ อย่างต่อเนื่องและไม่มีขีดจำกัด สิ่งนั้นก็คือ “ความรัก”

ใช่ครับ สิ่งที่ Dan Lok สอนเอาไว้ก็คือ ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากความรัก แม้กระทั่งในเรื่องของเงิน ความรักก็สามารถใช้ได้ ซึ่ง Dan ได้เปรียบเทียบเอาไว้ว่า เวลาที่เรามีความรักกับใครสักคนนึง ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว แฟน หรือเพื่อน สิ่งที่เราจะปฏิบัติต่อคนรักนั้น ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ดีงาม

ทีนี้เราลองมาสำรวจกับตัวเราเองว่า ณ ตอนนี้ เรารู้สึกอย่างไรกับคนที่เรารัก

หากตอนนี้คุณรู้สึกว่า

“คุณไม่สามารถบรรดาลความสุขให้แก่ฉันได้”

“คุณไม่สำคัญกับฉันเลยแม้แต่น้อย”

“คุณไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน”

“ฉันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางสำหรับคุณเลยแม้แต่น้อย”

“คุณเป็นคนชั่วร้าย คุณมันปิศาจชัด ๆ”

“ฉันไม่อยากเสียเวลาทั้งชีวิตไปกับคุณ”

“ฉันคงอยู่กับคุณได้ไม่นานนักหรอก”

“มันเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่ฉันกับคุณจะได้อยู่ด้วยกัน”

“ใคร ๆ ก็บอกว่าหากอยู่กับคุณแล้วจะเป็นคนขี้โกง”

“คุณมันเป็นหัวขโมย คุณมันเป็นจอมหลอกลวง”

“ฉันมันไม่คู่ควรกับคุณ ฉันมันไม่ดีพอสำหรับคุณ”

“คุณดีเกินไปที่จะอยู่กับฉัน”

แล้วคุณลองจิตนาการดูเอาว่า คนที่กำลังคุยอยู่กับคุณ เมื่อพวกเขาได้ยินประโยคเหล่านี้ พวกเขายังอยากที่จะใช้ชีวิตร่วมอยู่กับคุณอยู่หรือไม่?

เช่นเดียวกันกับหลักการทำงานของเงิน หากคุณมีทัศคติที่ไม่ดีกับเงิน เงินมันก็จะไม่อยู่กับเรา หรือหากอยู่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก มันก็จากไป

ลองเปลี่ยนประโยคเป็น

“เงินสามารถบรรดาลความสุขให้แก่ฉันได้”

“เงินสำคัญกับฉันมากในเรื่องที่ต้องใช้เงิน”

“คนมีเงินเป็นคนดี ช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างมากมาย”

“ฉันจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงกายเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ”

“เงินคือทักษะที่ฉันจะใช้เวลาเรียนรู้และพัฒนาตลอดชีวิต เพราะตั้งแต่เกิดจนตาย เงินก็เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกช่วงชีวิตเป็นปกติอยู่แล้ว”

“การหาเงินเป็นเรื่องง่าย ๆ”

“ฉันดีพอและคู่ควรกับเงินก้อนนี้”

“เงินจะนำพาให้ฉันไปรู้จักกับเพื่อนที่ดีและสังคมที่ดี”

“เงินสามารถช่วยให้ประหยัดเวลาได้”

และเมื่อคุณเริ่มปรับทัศคติที่คุณมีต่อเงินในเชิงบวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วงแรก ๆ มันออกจะยากอยู่สักหน่อย เพราะพื้นฐานแต่ละคนเกิดมานั้นมีไม่เท่ากัน บางคนเกิดมาก็ติดลบ บางคนเกิดมาพอมีพอกิน บางคนเกิดมาก็ร่ำรวยเลย

แต่ไม่ว่าคุณจะเกิดมาในครอบครัวแบบไหนก็ตามที เส้นกราฟชีวิตของทุกคน ย่อมมีทั้งขาขึ้นและขาลงกันทั้งสิ้น คุณคงเคยได้ยินเรื่องราวที่ว่า บางคนเกิดมายากจน แต่สุดท้ายก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ แต่ในขณะที่ลูกคนรวยหลาย ๆ คน กลับยากจนลงถึงขั้นล้มละลายเป็นยาจกเลยก็มีให้เห็น

ดังนั้น สิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องทำต่อก็คือ การรักษาระดับทางการเงินให้คงที่และดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยดูแลสุขภาพทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยหากยังไม่เห็นภาพ ให้ลองเปรียบเทียบชีวิตคุณกับการทำสวนดอกไม้ให้มันออกดอกสวยงาม คุณก็ต้องเริ่มจากการเลือกพื้นที่ที่จะทำการเพาะปลูก, ดินที่ใช้, เมล็ดพันธุ์ที่ดี, การปลูกที่เหมาะสม, รดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ, ถางหญ้าที่เป็นวัชพืชเพื่อไม่ให้มารบกวนดอกไม้ที่เราปลูก, ใส่ปุ๋ยให้ออกดอกออกผลงาม ๆ คุณก็จะได้สวนดอกไม้ที่ออกดอกออกผลอย่างสม่ำเสมอและสวยงาม ซึ่งเงินนั้น ก็ต้องการดูแลที่ดีด้วยเช่นกัน

“เงินจะไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อยในเรื่องที่ไม่ต้องใช้เงิน แต่เงินจะสำคัญมากถึงมากที่สุดในเรื่องที่ต้องใช้เงิน”

Resources