ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มักเริ่มต้นจากความล้มเหลวที่ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน| Jack Ma อบรมผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่มหาวิทยาลัย Nairobi ประเทศ Kenya EP.3
จากความเดิมตอนที่แล้ว ใน Episode ที่ 1 และ Episode ที่ 2 ที่ Jack Ma ได้ไปบรรยายให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มหาวิทยาลัย Nairobi ประเทศ Kenya
Jack Ma ได้เล่าถึงความยากลำบากในช่วงวัยเด็กของเขา โดยอธิบายถึงความยากจนข้นแค้น ที่พ่อและแม่ของเขานั้น ให้ค่าขนมเขาไปโรงเรียนเพียง 6-8 ดอลล่าร์ฯ ต่อเดือน หรือประมาณ 200 บาทต่อเดือน เพราะ ณ ตอนนั้น พวกเขาต้องทำงานเลี้ยงคนในครอบครัวถึง 4 คนด้วยกันก็คือ คุณปู่ที่ว่างงาน พี่ชาย น้องสาว
ทำให้ Jack Ma นั้น รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมาตั้งแต่เด็กว่า ทำไมเขาถึงเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ทำไมไม่มีใครมาช่วยเหลือครอบครัวของเขาบ้าง ทำไมเขาถึงไม่สามารถเก็บเงินในบัญชีธนาคารได้เยอะ ๆ แบบคนอื่น ๆ บ้าง ทำไมเขาถึงไม่ได้เกิดมาเป็นลูกของคนรวยอย่างครอบครัวของ Bill Gates รวมไปถึงบริษัทของ Bill Gates อย่าง Microsoft ทำไมถึงแย่งงานแย่งโอกาสในการทำมาหากิน ทำไม ทำไม ทำไม
ซึ่งสิ่งที่ Jack Ma ได้เรียนรู้จากสิ่งนี้ก็คือ การบ่นในทางลบ ๆ เหล่านี้ ไม่เคยได้ช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญคือ เรื่องแย่ ๆ เหล่านี้ไม่ได้มาเป็นพัก ๆ แต่มันมาตลอดเวลา เรื่องแย่ ๆ เรื่องความล้มเหลว เรื่องห่วย ๆ เข้ามาในชีวิตของเขาไม่เคยหยุดหย่อน ดังนั้น สิ่งที่เวิร์คกว่าการบ่นกับเรื่องเหล่านี้ก็คือ การเผชิญหน้ากับมัน การเรียนรู้จากพวกมัน และทำให้ตัวเรานั้นแข็งแกร่งและเติบโตมากยิ่งขึ้น
Jack Ma ได้ยกตัวอย่างความล้มเหลวของเขาที่ผ่านมานั้น มีมากกว่า 30 ครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ตัวเขาเองเคยไปสมัครงานเป็นพนักงานที่ KFC มีผู้ลงสมัครด้วยกันทั้งหมด 24 คน และได้รับเข้าทำงานจำนวน 23 คน เขาคือคนเดียวที่ KFC ไม่รับ (แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ KFC ในประเทศจีน Jack Ma เป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
และตัวเขาเองก็เคยไปสมัครเป็นตำรวจ มีผู้เข้าสมัครทั้งหมด 5 คน และเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เป็นตำรวจ และที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาได้ไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟที่โรงแรมสี่ดาวแห่งหนึ่งในเมืองบ้านเกิดของเขาพร้อมกันกับญาติสนิท ที่เรียนได้เกรดน้อยกว่าเขา แต่กลับได้เข้าทำงานที่โรงแรมแห่งนี้ ส่วน Jack Ma นั้นก็ถูกปฎิเสธอีกเช่นเคย
และแม้ว่าความล้มเหลวต่าง ๆ ที่ผ่านมานั้นจะเจ็บปวดเพียงใด เขาก็จะน้อมรับมันไว้และใช้มันเป็นประสบการณ์ในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ โดย Jack Ma ได้เปรียบเหมือนกับนักมวย ที่ต้องทนทานรับหมัดคู่ต่อสู้ให้ได้และยืนหยัดจนกว่าจะชนะ
ส่วนวิธีการที่ตัวของ Jack Ma ชอบใช้ในการสอนผู้อื่นนั้น เขามีความคิดที่ตรงกันข้ามกับสถาบัน MBA ที่สอนเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ที่มักจะยกกรณีศึกษาของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ที่ประสบความสำเร็จ มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะทำให้ผู้เรียนผู้ฟังนั้นได้เรียนรู้วิธีการไปสู่ความสำเร็จและรู้สึกหึกเหิมว่าจนของพวกเขาเองนั้น ก็สามารถที่จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
แต่ในขณะที่ Jack Ma มักจะถ่ายทอดประสบการณ์การล้มเหลวของเขาที่ผ่านมาให้แก่ผู้ฟัง ผู้เรียน แล้วให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพูดคุย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านั้น อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เอาแต่หนีปัญหา เพราะต่อให้คุณฉลาดแค่ไหน คิดโปรเจ็คใหม่ได้ล้ำเลิศมากแค่ไหน แต่คุณกลับยังคงทำผิดพลาดในเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อยู่ร่ำไป และไม่ยอมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านั้น เพื่อแก้ไขมัน เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีก และเพื่อให้คุณสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์แย่ ๆ เหล่านั้น เพื่อให้ตัวคุณสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ต่อมา Jack Ma ได้ให้ข้อคิดแก่คนรุ่นใหม่ที่อายุยังน้อยอยู่ว่า ยิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจตอนที่อายุน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบ เช่น ตัวของ Jack Ma เมื่อ 20 ปีก่อนที่พึ่งก่อตั้ง Alibaba นั้น ตัวเขาไม่มีความกดดันมากนัก เพราะมีพนักงานแค่เพียง 18 คน แต่ในขณะที่ ณ ปัจจุบันนั้น มีพนักงานมากกว่า 5 หมื่นคนเข้าไปแล้ว ที่เขาต้องรับผิดชอบ ซึ่งนั่นมันทำให้เขาต้องใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจในแต่ละครั้งอย่างระมัดระวัง และใช้เวลาในการตัดสินใจที่นานขึ้น ต่างกับเมื่อตอนเริ่มต้น ที่อยากจะคิด อยากจะทำอะไรก็สามารถลงมือทำได้ทันที เพราะต่อให้ล้มเหลว ความเสียหายก็ไม่ได้มากมายอะไรสักเท่าไหร่
ในขณะที่คนอื่น ๆ นั้นมักจะมองตัวของ Jack Ma ว่า ตัวเขาที่ร่ำรวยในตอนนี้ สามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นหากต้องการ ซึ่ง Jack Ma กลับคิดตรงข้าม เพราะยิ่งบริษัทคุณโตมากขึ้นเท่าไหร่ ก็มีน้อยสิ่งน้อยอย่างที่คุณจะทำได้ เพราะต้องคอยพะวงหน้าพะวงหลังถึงผลกระทบที่จะตามมากับอีกหลายหมื่นครอบครัว อีกหลายแสนชีวิตที่ต้องพึ่งพาบริษัทของเขา
ส่วนใดด้านของ Opportunity หรือโอกาสทางธุรกิจในสมัยก่อนในปี 1999 นั้น อินเตอร์เน็ตยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศจีนด้วยซ้ำ แต่ Jack Ma ที่ได้เคยไปดูงานที่ฝั่งอเมริกามา เขาเห็นว่าอินเตอร์เน็ตมันมาแน่ เขาจึงเอาวิสัยทัศน์กลับมาแชร์แก่เพื่อน ๆ ที่ร่วมก่อตั้ง Alibaba ในยุคแรกที่มีอยู่ด้วยกัน 18 คน เพื่อให้พวกเขาเข้าใจว่า โลกอินเตอร์เน็ตมันคืออะไร การซื้อขายออนไลน์มันจะเกิดขึ้นในลักษณะไหน ซึ่งแน่นอนว่า เพื่อน ๆ ของเขาแต่ละคนนั้น นึกภาพกันแทบไม่ออกว่ามันจะเกิดขึ้นในประเทศจีนได้อย่างไร ในเมื่อระบบการชำระเงินออนไลน์ก็ยังไม่มี ถึงมีก็ไม่มีความน่าเชื่อถือที่คนจะแห่มาใช้, ระบบการขนส่งสินค้าก็ไม่มี แถมในยุคนั้นอินเตอร์เน็ตช้ามาก ๆ ในขณะที่คนรุ่นใหม่สมัยนี้เอาแต่พร่ำบ่นว่าอินเตอร์เน็ตช้าโคตร ๆ ทั้ง ๆ ที่อินเตอร์เน็ตในวันนี้เร็วกว่าและถูกกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนไม่รู้จั้งกี่ร้อยกี่พันเท่า นั่นเป็นเพราะ คนที่ชอบบ่นก็บ่นอยู่วันยังค่ำ ย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน
โดย Alibaba ในวันแรกนั้น Jack Ma เริ่มต้นด้วยความเชื่อว่า เขาเชื่อว่าอินเตอร์เน็ตมาแน่ ค้าขายออนไลน์มาแน่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่คนรอบตัวคุณมักจะบอกคุณว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพ้อเจ้อ เสียเวลาเปล่า นั่นแหละคือสัญญาณที่ดี ที่คุณจะกลายเป็นเจ้าแรก ๆ ที่ลงเล่นในตลาดนั้น ๆ และมีโอกาสประสบความสำเร็จก่อนใคร และในทางกลับกันหากสิ่งนั้นมีแต่คนอยากทำ รักที่จะทำ เห็นด้วยที่จะทำ แห่กันมาทำ นั่นหมายถึงว่า ตลาดได้วายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะใคร ๆ ต่างก็ทำ มันจะเหลือโอกาสน้อยลงมาก หากคุณพึ่งเข้ามาในตลาดนั้น ๆ
ดังนั้น Jack Ma จึงเรียกเพื่อน ๆ ทั้ง 18 คน ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba กลุ่มแรกมาประชุม เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ที่เขามองเห็น และแน่นอนก็มีแต่คนแย้ง ไม่ว่าจะเป็น
“เรายังไม่มีระบบ Payment ชำระเงินออนไลน์” Jack Ma ก็สวนกลับไปว่า “ก็สร้างมันขึ้นมาสิ”
แล้วก็มีอีกคนแย้งขึ้นมาว่า “เรายังไม่มีระบบขนส่งสินค้า” Jack Ma ก็สวนกลับไปอีกว่า “ไม่มีก็สร้างมันขึ้นมาสิ”
ต่อมาก็มีคนแย้งอีกแหละว่า “รัฐบาลไม่เล่นด้วยจะทำยังไง” Jack Ma ก็สวนกลับไปทันควันว่า “งั้นดีเลย งั้นก็ทำให้พวกเขาเข้ามาซับพอร์ทเราให้ได้”
Jack Ma ได้เล่าถึงโปรเจค Taobao ที่เป็นเว็บไซต์ซื้อขายของออนไลน์แบบค้าปลีกทั่วไป (ถ้าใครยังนึกไม่ออก ก็คล้าย ๆ กับ Lazada บ้านเรา) ที่ ณ ตอนนั้น ในปี 2003 ทั้งทีมมีคนอยู่เพียงแค่ 7 คน ที่รับผิดชอบโปรเจคนี้ จนถึงกำหนดการที่จะเปิดตัวเว็บไซต์ในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่กลับยังไม่มีสินค้าประกาศขายลงบนเว็บไซต์เลยสักชิ้น Jack Ma จึงให้ทีมงานทุกคน กลับบ้านไปแล้วไปลิสต์รายการของที่อยู่ในบ้านของแต่ละคนมาว่า ชิ้นไหนขายได้บ้าง แล้วเอามาใส่ข้อมูลลงบนเว็บไซต์ ซึ่งรวม ๆ แล้ว ณ ตอนนั้น ก็มีสินค้าอยู่ด้วยกัน 21 อย่าง และพวกเขาก็เริ่มประกาศขาย แล้วก็ตั้งตารอจนเวลาผ่านไปแล้วประมาณ 3 วัน แต่กลับไม่มีใครเข้ามาซื้อสินค้าเลยสักกะคน พวกเขาเลยทำการซื้อขายสินค้าระหว่างทีมงานกันเองซะเลย ถือว่าเป็นการทดสอบระบบซื้อขายออนไลน์ของเว็บไซต์ไปในตัว
จนกระทั่ง 2-3 สัปดาห์ผ่านไป ก็เริ่มมีพ่อค้าแม่ค้า เริ่มมาประกาศขายของ แต่ก็ยังไม่มีคนซื้ออยู่ดี พวกเขาเลยทำการซื้อของที่มาประกาศขายจากทุกคน พอรู้ตัวอีกที ก็มีของกองในห้องออฟฟิศเต็มไปหมด ซึ่งสิ่งที่ Jack Ma กับทีมงานทำไปนั้น ก็เพื่อทำให้มั่นใจว่า ระบบการซื้อขายและการส่งสินค้านั้นราบรื่นไปได้ด้วยดีและไม่มีปัญหาขาดตกบกพร่อง
และตั้งแต่วันที่เริ่มก่อตั้ง Taobao ในปี 2003 จนถึงปี 2016 เป็นเวลากว่า 13 ปี เว็บไซต์นี้ก็สามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 550 พันล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 16.5 ล้านล้านบาท ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับประเทศที่มี GPD เป็นอันดับที่ 21 ของโลก หรือมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าประเทศอาร์เจนตินาซะอีก ซึ่งนั่นมันทำให้เกิดการจ้างงานในประเทศจีนมากกว่า 33 ล้านอัตรา เพื่อส่งมอบสินค้าที่มีการแพคเก็จต่อเฉลี่ย 65 ล้านกล่องต่อวัน
และทั้งหมดที่ว่ามานั้น เริ่มต้นจากคำว่า ‘ความเชื่อ’ ที่ Jack Ma มีต่อโลกอินเตอร์เน็ต ที่เขาคิดเอาไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนว่ามันจะต้องใหญ่ขึ้นแน่นอน แต่เขาเองก็ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งถ้าถามว่า อินเตอร์เน็ตในวันนี้ ก็ดูใหญ่โตกว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาก แต่หากเทียบกับอนาคตแล้วนั้น มันยังเล็กมาก และส่วนตัวของ Jack Ma เองก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ในอีกไม่ช้า ผู้ประกอบการจำนวนกว่าร้อยละ 80-90 นั้นจะหันมาค้าขายออนไลน์กันแทบทั้งสิ้น โดยจากเดิมคำว่าผู้ประกอบการจะใช้คำว่า Entrepreneur แต่ในอนาคตจะใช้คำว่า Net Entrepreneur แทน
โดยหากในวันนี้ คุณยังค้าขายอยู่แค่เพียงภายในท้องถิ่นหรือภายในประเทศเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพออีกต่อไป คุณจะต้องสามารถค้าขายข้ามชาติได้ด้วย ถึงจะสามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นผู้ประกอบการที่แท้จริง
แล้วมาต่อกันในพาร์ทที่ 4 นะครับ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจในการเรียนรู้การทำวีดีโอแอนิเมชั่นสไตล์ Blue O’Clock
วันนี้คุณสามารถลงทะเบียนเรียนได้ฟรี ได้แล้วในคอร์สที่ชื่อว่า
Basic Whiteboard Animation
และหากดูเวอร์ชั่นฟรีจบแล้ว ต้องการไปต่อและซับพอร์ททีมงาน Blue O’Clock
คุณสามารถลงทะเบียนเรียนได้ในคอร์ส
Advanced Whiteboard Animation
ที่กำลังเปิดให้ลงทะเบียนในราคาพิเศษอยู่ ณ ขณะนี้
โดยคุณสามารถดูรายละเอียดการลงทะเบียนที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
Resources
Pingback: มีโอกาส อยู่ในทุกวิกฤตเสมอ จงมองหามันให้เจอ| Jack Ma อบรมผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่มหาวิทยาลัย Na