Site icon Blue O'Clock

10 ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่อง Race ต้องกล้าวิ่ง นักกีฬาโอลิมปิค 4 เหรียญทองที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริง

race ต้องกล้าวิ่ง

Image credit : iplayallsports

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Race ได้สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพระเอกของเราเป็นนักกีฬากรีฑา มีดีที่การวิ่ง ซึ่งชอบการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ หนังเริ่มเรื่องมาอีกทีก็เริ่มวิ่งแล้ว โดยที่พระเอกของเรานั้น กำลังเดินทางเพื่อไปศึกษาต่อชั้นมหา’ลัย โดยหาเงินส่งตัวเองเรียนและครอบครัวด้วย เนื่องจากพี่แกได้มีภรรยาและลูกสาวเป็นตัวเป็นตนก่อนเรียบร้อยแล้ว

เมื่อพระเะอกของเราเดินทางไปมหา’ลัย OHIO ก็ได้พบกับโค้ชผู้เก่งกาจที่คอยฝึกฝนเหล่าบรรดานักวิ่งทั้งหลายมานักต่อนักแล้ว แม้ว่าในช่วงหลัง ๆ นักวิ่งของเขาจะแพ้ราบคาบก็ตามที จนกระทั่งโค้ชได้มาเห็นโปรไฟล์และฝีเท้าที่จัดจ้านของพระเอกของเรา จึงบอกกับพระเอกไปว่าให้โฟกัสที่เรื่องของการวิ่งเพียงอย่างเดียว ส่วนผลการเรียนไม่ต้องไม่สนใจมันมากนัก รวมไปถึงโค้ชก็ได้ซับพอร์ทและคอยช่วยเหลือพระเอกของเราทุกอย่างรวมไปถึงการได้รับเบี้ยเลี้ยงในฐานะนักกีฬาด้วย เนื่องจากพระเอกของเราต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อส่งเงินไปให้ลูกเมียที่บ้านเกิด

แต่ในช่วงระหว่างนั้นในสมัยของนาซี ที่กำลังจะได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคครั้งที่ 11 ณ เมืองเบอร์ลิน ซึ่งในสมัยนั้นนาซีก็อยู่ในการปกครองของฮิตเลอร์ ที่ภายหลังจากจบกีฬาโอลิมปิคครั้งนี้ ก็ก่อฉนวนนำไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

ในสมัยนั้นเอง สิ่งที่พระเอกต้องเผชิญไม่ใช่แค่เรื่องของการฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียว แต่บวกกับจะต้องสู้กับสังคมอเมริกาในยุคนั้น ที่ยังมีการแบ่งผิวสีอย่างรุนแรงระหว่างคนขาวกับคนดำ ซึ่งแน่นอนว่าที่เยอรมันนั้นหนักกว่า เพราะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์สำหรับชนชาติที่เป็นยิว ส่วนคนดำนั้นไม่ต้องพูดถึง

แต่จนแล้วจนรอด พระเอกของเราก็ได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งกวาดไปทั้งสิ้น 4 เหรียญทอง ทั้งวิ่งหนึ่งร้อยเมตร วิ่งสองร้อยเมตร กระโดดไกล และวิ่งผลัด 4×200 เมตร

แต่แม้ว่าเขาจะได้รับเหรียญทองและเป็นวีระบุรุษของชนชาติอเมริกา ณ ครั้งนั้น เขาก็ยังไม่ได้รับเกียรติเท่ากับคนขาวซึ่งแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน รวมไปถึงกว่าจะได้บันทึกว่าเขาเป็นวีระบุรุษของอเมริกาในกีฬาโอลิมปิค ก็ปาเข้าไปหลายสิบปีกว่าจะได้รับการยอมรับ

10 ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่อง Race ต้องกล้าวิ่ง

1. จงโฟกัสในสิ่งที่สำคัญที่สุดเท่านั้น – ในระหว่างการฝึกฝนการวิ่ง ก็มีอุปสรรคคอยเข้ามาขัดขวางไม่ให้เขาไปสู่การเป็นนักกีฬาที่ดีอยู่หลาย ๆ ต่อหลาย แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องละทิ้งมันไป ปฏิเสธมันไป แล้วโฟกัสที่การฝึกฝนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

2. นักกีฬาที่เก่งไม่ใช่นักกีฬาที่ดีเสมอไป – กล่าวคือ ต่อให้นักกีฬาคนนั้นมีความสามารถมากแค่ไหนก็ตามที แต่ถ้าหากขาดการฝึกซ้อม ท้ายที่สุดก็แพ้ได้ เพราะในทุก ๆ ช่วงอายุคนของคนเรา จะต้องมีคนที่เก่งกว่าเราในยุคสมัยใหม่อยู่เสมอ ดังคำกล่าวที่ว่า “เหนือฟ้า ย่อมมีฟ้า”

3. จงหาโค้ชที่ดี – คุณเชื่อไหมว่า แม้ในชีวิตจริงเราแต่ละคนก็จำเป็นที่จะต้องมีโค้ช มีเมนเทอร์ มีที่ปรึกษาไว้ให้คอยปรึกษาอยู่เสมอ เพราะตัวเราเพียงลำพังคนเดียว ไม่สามารถที่จะเก่งไปได้ซะทุกเรื่อง ดังนั้นโค้ชที่ดี จะช่วยนำพาให้เราก้าวไปสู่จุดที่สูงที่สุดในสายอาชีพนั้น ๆ ได้ จากในเรื่องจะพบว่า โค้ชนักกีฬาที่เปก็นมากกว่าโค้ชนักกีฬา เพราะเมื่อพระเอกของเรามีปัญหา โค้ชก็จะคอยเข้ามาช่วยเหลืออยู่ทุกครั้งไป เพื่อให้บรรลุตามจุดประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ก็คือ เหรียญทองโอลิมปิค

4. เป้าหมายสำคัญแต่ระหว่างการเดินทางไปสู่เป้าหมายสำคัญกว่า – เป้าหมายมีไว้พุ่งชนก็จริง แต่ทำยังไงถึงจะก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้สำเร็จ นั่นก็คือการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง การทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งเอาไว้

5. กีฬามีแพ้มีชนะ – การแข่งขันกีฬาย่อมมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่กว่าที่นักกีฬาจะก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่งได้นั้น ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญก็คือคำสองคำระหว่าง “ขี้แพ้” กับ “ยอมแพ้” มันคนละเรื่องกัน เพราะถ้าหากวันนี้ยังคงเป็นไอขี้แพ้อยู่ นั่นแสดงว่าคุณจะไม่ถอดใจล้มเลิกจนกว่าจะเป็นผู้ชนะ แต่ในขณะที่คนที่ยอมแพ้ ได้ถอดใจไปเรียบร้อยแล้ว และไม่มีโอกาสที่จะชนะได้อีกเลย

6. ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด – ในยามที่เจอมรสุมจากภายนอก ครอบครัวย่อมเป็นที่พึ่งพาได้เสมอ ต่อให้ทะเลาะกันมากแค่ไหน ในท้ายที่สุด สายเลือดเดียวกันก็ย่อมตัดไม่ขาด ดังนั้นครอบครัวที่ดี จะต้องช่วยกันซับพอร์ท ปกป้องและสนับสนุนคนในครอบครัวให้ได้ดีอยู่เสมอ

7. จงให้โอกาสแก่ผู้อื่นอยู่เสมอ – ในเรื่องพระเอกของเราทำผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ปัญหาเรื่องเหยียดผิวสี ปัญหาอาการบาดเจ็บ ปัญหาเรื่องชู้สาว แต่คนเรานั้นก็ย่อมทำผิดพลาดกันได้ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ จะมีใครให้โอกาสและคว้าโอกาสนั้นเอาไว้

8. น้ำใจนักกีฬามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง – ในเรื่องเป็นการแข่งขันระหว่างนักกีฬาของอเมริกากับเยอรมัน แม้ว่าด้านการเมืองทั้งสองประเทศจะไม่ค่อยลงรอยกัน ณ ขณะนั้น แต่ด้วยสปิริตและการมีน้ำใจนักกีฬาของคู่แข่งของพระเอก ก็ส่งผลให้พระเอกได้รับชัยชนะเหนือนักกีฬาชาวเยอรมัน โดยนักกีฬาชาวเยอรมันคนนี้ก็ถึงกับเอ่ยปากออกมาเองเลยว่า “ผมยินดีที่จะแพ้กับคนเก่ง ๆ อย่างคุณ”

9. จงกระหายในชัยชนะอยู่เสมอ – มีอยู่ซีนหนึ่งที่พระเอกพลาดท่าจนเจอกับอาการบาดเจ็บที่ขา ซึ่งโค้ชสั่งให้ยกเลิกการแข่งขันภายในประเทศที่กำลังจะแข่งเร็ว ๆ นี้ แต่ด้วยความที่พระเอกของเราฝึกซ้อมมาตลอดหลายเดือนติดต่อกัน แน่นอนว่าเขาไม่ยอมพลาดในการแข่งขันที่รอคอยมานานแสนนานนี้ได้ จนกระทั่งเขาก็ดื้อรั้น ขอโค้ชลงแข่งขัน จนได้รับชัยชนะในที่สุด แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บอยู่ตาม ซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อฉีกขาดและอาจพักฟื้นอาการบาดเจ็บเป็นเวลาหลายเดือนได้

10. จงเชื่อในเสียงหัวใจของตนเอง – ร้อยคนร้อยความคิด อย่ายอมให้ความคิดของคนอื่นมาบดบังเสียงในหัวใจของคุณ คุณต้องกล้า กล้าที่จะฝ่าฟันอุปสรรคใด ๆ ก็ตามที่จะมาขัดขวางคุณในระหว่างที่คุณกำลังเดินทางไปสู่จุดหมาย “คุณต้องกล้าวิ่ง”

Exit mobile version