Site icon Blue O'Clock

เทคนิคการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิตอย่างรวดเร็ว ด้วย The Feynman Technique | Blue O’Clock x Beyond Training

The Feynman Technique

Warren Buffett เคยกล่าวเอาไว้ว่า “The best investment you can make is in yourself.” แปลได้ว่า “การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตนเอง”

ซึ่งการเรียนรู้ในชีวิตของคนเรานั้นไม่ได้จบอยู่ที่แค่เพียงในสถาบันศึกษา แต่หากเป็นการศึกษาตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะในวัยคนทำงานนั้น ยิ่งจำเป็นที่จะต้องขวนขวายหาความรู้เพื่อพัฒนาให้ตนเองนั้นมีความก้าวหน้าในชีวิตและในหน้าที่การงาน

โดยในคอนเท้นต์นี้ทางอาจารย์บี จาก Beyond Training จึงได้หยิบเทคนิคในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วจาก “The Feynman Technique” ของ Richard Feynman นักฟิสิกส์ที่เคยได้รับรางวัลโนเบล และยังได้รับฉายาว่า “The Great Explainer” คือเป็นผู้ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการที่มีความยากและซับซ้อนมาก ให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่าย โดยการใช้เทคนิคในการเปรียบเทียบให้เห็นภาพและใช้ภาษาที่เรียบง่าย

โดยเขาได้ยึดหลักดังประโยคที่ Albert Einstein เคยกล่าวเอาไว้ว่า “If you can’t explain it simply, you don’t understand it well enough.” หมายถึง ถ้าหากคุณไม่สามารถอธิบายสิ่งที่คุณรู้ให้ออกมาเข้าใจได้ง่ายพอ นั่นหมายถึงว่าคุณไม่ได้เข้าใจมันดีพอ

ซึ่งตัวของ Feynman เองนั้น เขาได้ใช้เทคนิคนี้ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Princeton ที่เขาจะมีสมุดคู่ใจอยู่เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “Notebook of Things I Don’t Know About” สำหรับจดบันทึกเรื่องราวที่เขาไม่เข้าใจ โดยจะแยกสิ่งเหล่านั้นออกเป็นหัวข้อย่อย แล้วค่อย ๆ พยายามทำความเข้าใจเรื่องเหล่านั้น

แต่ในที่สุดเขาก็พึ่งมาเข้าใจหลักการจริง ๆ เมื่อตอนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เมื่อต้องเตรียมสอนให้นักศึกษา จึงพบว่า ตัวเองไม่สามารถหาเทคนิคการสอนที่จะช่วยให้คนที่ไม่มีความรู้มาก่อน เข้าใจที่สิ่งที่เขาสอนได้ สุดท้ายแล้ว เขาจึงตระหนักรู้ได้ว่า ถ้าเราไม่สามารถอธิบายออกมาให้เป็นคำพูดที่เข้าใจได้ง่าย นั่นก็เป็นเพราะความรู้ของเรานั้นยังไม่แน่นมากพอ

และนอกจากนั้นทาง Richard Feynman ก็ได้บอกเอาไว้ว่า หากต้องการที่จะใช้เทคนิคนี้ต้องยอมรับกฎข้อแรกได้ให้ได้ซะก่อนนั่นก็คือ “The first principle is that you must not fool yourself and you are the easiest person to fool.” หมายถึง กฎข้อแรกก็คือคุณห้ามหลอกตัวเองเป็นอันขาด และตัวคุณเองคือคนที่ดันโดนหลอกได้ง่ายที่สุดด้วยเนี่ยนะสิ

โดย Richard Feynman ก็ได้กลั่นกรองประสบการณ์การเรียนรู้ของเขาออกมาเป็น “The Feynman Tecnique” ที่แบ่งออกมาเป็น 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กับตัวเองได้ ดังนี้ก็คือ

ขั้นตอนที่ 1 – Choose a Concept (เลือกหัวข้อที่คุณอยากจะเรียน)

เริ่มจากการเลือกหัวข้อที่อยากเรียนก่อน จากนั้นก็เริ่มต้นเรียนรู้ แล้วเขียนทั้งหมดที่คุณรู้ในเรื่องนั้น และจากนั้น ลองพยายามเขียนในสิ่งที่ยังไม่รู้ และหาคำตอบให้กับมัน

ขั้นตอนที่ 2 – Teach a Toddler (จำลองการอธิบายให้เด็ก ๆ ฟัง)

สิ่งที่จะวัดว่าคุณมีความรู้ในสิ่งเหล่านั้นแน่นพอหรือยัง นั่นก็คือ ให้คุณลองฝึกการเป็นผู้สอน โดยให้คุณลองนึกถึงสถานการณ์ว่าถ้าหากจะต้องไปอธิบายเรื่องเหล่านี้ให้เด็กเล็กวัยหัดเดิน ที่อายุราว ๆ ไม่เกิน 5 ขวบ ฟัง คุณจะใช้วิธีการพูดหรืออธิบายอย่างไร เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจด้วยภาษาที่เรียบง่ายที่สุด

ขั้นตอนที่ 3- Identify Gaps (วิเคราะห์ว่ายังขาดอะไรอยู่)

หากพบว่ามีบางเรื่องที่ติด หรืออธิบายไม่ได้ ให้ย้อนกลับไปเปิดหนังสือทบทวนอีกครั้ง เพราะว่าตรงที่อธิบายไม่ได้นั่นแหละคือตรงที่ความรู้ของคุณยังไม่แน่นมากพอ กลับไปดูตรงที่เป็นปัญหาอีกครั้ง เพื่อที่คุณจะได้อธิบายทุกอย่างออกมาให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนที่ 4 – Review and Simplify (ทบทวนและทำให้ง่ายขึ้น)

ขั้นตอนสุดท้ายคือ การทบทวนและทำให้ง่ายขึ้น พยายามอธิบายด้วยภาษาของคุณเอง และทำการยกตัวอย่างให้ชัดเจน ทำซ้ำวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น เพื่อยืนยันว่าคุณเข้าใจเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้จริง ๆ 

และด้วยเทคนิคของ Feynman นี้ จึงสรุปได้ว่าคุณจะสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้โดย การถ่ายทอดความรู้ให้กับใครซักคนโดยใช้คำศัพท์ที่เรียบง่าย หากติดตรงไหนแปลว่าตรงนั้นแหละคือตรงที่คุณยังไม่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง และพยายามเรียนรู้ กลับไปทำความเข้าใจมันซ้ำ ๆ ก็จะทำให้คุณเข้าใจเรื่องเหล่านั้นได้ในที่สุด ซึ่งวิธีการของ Feynman จะมีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้และเข้าใจทุกอย่างบนโลกได้อย่างรวดเร็วด้วยการทดลองเป็น ผู้ถ่ายทอด

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการดี ๆ เกี่ยวกับการเรียนรู้ ที่อาจารย์บี จาก Beyond training ค้นคว้าข้อมูลมาให้กับคนทำงานยุคใหม่ได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

Resources

Exit mobile version