สำหรับบทความนี้ ผมได้มีโอกาสรับชมคลิปวีดีโอของทาง TED ที่บรรยายโดย Bill Gross ออกมาให้ข้อมูลว่า เพราะอะไรที่ทำให้บริษัทหนึ่งบริษัทสามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงได้ มันมีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลให้บางธุรกิจล้มเหลวไม่เป็นท่าและบางธุรกิจประสบความสำเร็จสูงสุด
โดยก่อนที่เราจะไปกันต่อ ก็ต้องมาทำความรู้จักกับ Bill Gross สักเล็กน้อย ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน และทำไมเราถึงควรฟังคำแนะนำจากเขา โดยข้อมูลจาก Wikipedia บอกเอาไว้ว่า Bill T. Gross นั้นเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน โดยเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ชื่อ Idealab ซึ่งเป็นบริษัทที่บ่มเพาะการสร้างบริษัท Startup ใหม่ ๆ ขึ้นมารวมไปถึงลงทุนในบริษัท Startup อื่น ๆ รวมกันแล้วนับร้อยบริษัท
ทีนี้ กลับเข้าเรื่องของเรากันต่อว่า แล้วมีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลให้ธุรกิจนั้น ๆ ประสบความสำเร็จอย่างสูงกันล่ะ
โดย Bill Gross เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเหล่าบรรดา บริษัท Startup ทั้งหลายนั้น เป็นรูปแบบองค์กรหรือกลุ่มคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดียิ่งขึ้นได้ โดยหากคุณสามารถรวมกลุ่มของคนมีไฟเข้าไว้ด้วยกันบวกกับแรงจูงใจในการขับเคลื่อนโลกแล้วสร้างให้พวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ คุณจะได้เห็นปรากฎการณ์การปลดปล่อยศักยภาพของมนุษย์ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งส่งผลให้พวกเขาเหล่านั้น สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เหลือเชื่อขึ้นมาได้
แต่ คำถามก็คือ หาก Startup มันเจ๋งขนาดนั้น แล้วทำไมบริษัทส่วนใหญ่ยังคงล้มเหลวอยู่เป็นจำนวนมากกันล่ะ แล้วอะไรคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลให้บริษัทสามารถประสบความสำเร็จขึ้นมาได้บ้าง และนั่นมันก็กระตุกต่อมอยากรู้ของเขาเป็นอย่างมากที่จะค้นคว้าหาคำตอบนี้
และเพื่อให้สิ่งที่เขาพูด ดูไม่เป็นเรื่องจินตนาการหรือใส่ความคิดเห็นของตัวเองมากเกินไป Bill Gross จึงได้เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแวดวงการทำธุรกิจ ว่าเขาเริ่มต้นธุรกิจแรกตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ด้วยการขายลูกอมตามป้ายรถเมล์ และช่วงมัธยมปลายเขาก็ได้สร้างอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ และตอนเรียนช่วงมหาวิทยาลัยก็ทำธุรกิจลำโพงขาย และหลังจากเรียนจบก็เริ่มต้นทำบริษัทซอร์ฟแวร์ และย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัท Idealab ขึ้นมา ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เขาก็ได้ทำบริษัทมามากว่า 100 บริษัทเข้าไปแล้ว ซึ่งก็มีทั้งบริษัทที่สำเร็จอย่างมากมาย และบริษัทที่ล้มเหลวอย่างหนักหน่วงเช่นกัน แต่นั่นก็ทำให้เขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อเอามาพัฒนาในบริษัทต่อ ๆ ไป
และ Bill Gross ก็ได้สรุปปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้แต่ละบริษัทประสบความสำเร็จขึ้นมาอยู่ด้วยกัน 5 ปัจจัย ดังนี้คือ
ปัจจัยที่ 1 Ideas ซึ่งตัวเขาสมัยก่อนคิดว่า ไอเดียคือทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นเขาจึงเปิดบริษัทโดยใช้ชื่อว่า Idealab เพราะทุกครั้งที่พูดถึงไอเดียเจ๋ง ๆ พวกเราจะตื่นเต้นกับไอเดียเหล่านั้นมาก ๆ
ปัจจัยที่ 2 Team และเมื่อการดำเนินงานไปได้สักพัก ความสำคัญของไอเดียก็ลดลง จนเขาคิดว่า การทำงานเป็นทีม การลงมือทำ และการปรับตัวต่างหากที่สำคัญกว่าไอเดียเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เขานึกถึงคำพูดของ Mike Tyson ที่เคยพูดเอาไว้ว่า “Everybody has a plan, until they get punched in the face.” ที่แปลได้ว่า ทุกคนไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็มีแพลนกันทั้งนั้น จนกระทั่งพวกเขาโดนชกเข้าที่เบ้าหน้าแบบจัง ๆ ไอ้แผนการที่วางเอาไว้ไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ซึ่ง Bill Gross มองว่า มันค่อนข้างจริงเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเรื่องในแวดวงธุรกิจ โดยเฉพาะตอนที่ลูกค้าของคุณชกเข้าอย่างจังที่หน้าคุณและทีมงานนี่แหละ เล่นจริง เจ็บจริง เป๋ไปเลยก็มี ดังนั้นทีมงานต้องมีความสามารถในการปรับตัวเพื่อรับมือกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ปัจจัยที่ 3 Business Model โดยเริ่มต้นคำถามที่ว่า หากธุรกิจมีแผนการที่จะดึงดูดเงินในกระเป๋าของลูกค้าเข้าบริษัทได้อย่างชัดเจน ลื่นไหลอย่างต่อเนื่อง จะทำให้บริษัทสามารถประสบความสำเร็จได้ ซึ่งปัจจัยนี้เมื่อก่อนเขาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเลย หากต้องการทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ
ปัจจัยที่ 4 Funding ในหลาย ๆ ครั้งบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ก็ต้องหวังเงินลงทุนจากนักลงทุน เพื่อให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด อย่างรวดเร็ว
ปัจจัยที่ 5 Timing ในเรื่องของจังหวะเวลา จะต้องดูว่าไอเดียนั้นมาเร็วเกินไป หรือโลกยังไม่พร้อมสำหรับไอเดียนั้น ๆ หรือเปล่า ซึ่งถ้าหากไอเดียนั้นมันมาเร็วไป แต่คุณเห็นโอกาสล่วงหน้า งานตอนนี้ของคุณก็คือ การบอกให้โลกรู้จักกับมัน ให้ความรู้ ให้การศึกษากับพวกเขาซะ หรือธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่นี้ คุณเข้ามาช้าไปหรือไม่ มีคู่แข่งผุดกันเป็นดอกเห็ด จนกลายเป็น Red Ocean ทะเลแดงเดือดที่แข่งขันได้ยากแล้วหรือยัง
ซึ่งปัจจัยทั้ง 5 นี้ Bill Gross นั้นได้รวบรวมมาจากประสบการณ์การทำกว่า 100 บริษัทที่ผ่านมาด้วยตนเอง บวกกับอีก 100 บริษัทอื่น ๆ ทั่วโลกที่เขาไม่ได้ทำมาเปรียบเทียบข้อมูล โดยให้คะแนนของแต่ละบริษัท แยกเป็น 5 ปัจจัยดังกล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทที่ประสบความสำเร็จมีคะแนนในปัจจัยใดเท่าไหร่บ้าง
โดยบริษัทแถวบนคือกลุ่มบริษัทที่ประสบความสำเร็จมีมูลค่าระดับพันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่แถวล่างคือบริษัทที่ถูกคาดหวังไว้สูงแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ต่อมาคือบริษัทอื่น ๆ ทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จจะถูกจัดอยู่แถวด้านบน ในขณะบริษัทระดับบ๊วยจะอยู่แถวล่าง ซึ่งจะสังเกตได้ว่า แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะสามารถระดมทุนและมีโมเดลธุรกิจที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้อย่างมหาศาล แต่ก็ยังล้มเหลวไม่เป็นท่า
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบข้อมูลก็พบผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
โดยนี่คือการเรียงลำดับของปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดไปน้อยที่สุด จากการเปรียบเทียบกันระหว่างบริษัทที่ประสบความสำเร็จกับบริษัทที่ล้มเหลว
ปัจจัยสำคัญอันดับที่ 1 – Timing มีผลต่อความสำเร็จสูงขึ้น 42%
ปัจจัยสำคัญอันดับที่ 2 – Team / Execution ทีมงานและการลงมือทำนั้นส่งผลต่อความสำเร็จ 32%
ปัจจัยสำคัญอันดับที่ 3 – Idea โดยไอเดียที่มีความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ไม่เหมือนใครนั้น มักจะได้เปรียบมากกว่าไอเดียแย่ ๆ อยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ว่าไอเดียนั้นไม่สำคัญ แต่มันกลับกลายเป็นว่าไอเดียก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้ก็เท่านั้นเอง
ปัจจัยสำคัญอันดับที่ 4 – Business Model ซึ่งจริง ๆ แล้วธุรกิจสามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะไม่มีโมเดลธุรกิจที่แน่ชัด เพราะมันสามารถนำมาทำในภายหลังจากการดำเนินกิจการทีหลังได้
ปัจจัยสำคัญอันดับที่ 5 – Funding ถ้าหากธุรกิจในปัจจุบันยังได้รับการตอบรับที่ดี ลูกค้าอุดหนุนอย่างสม่ำเสมอ เรื่องของเงินทุนก็ถูกยกให้เป็นปัจจัยท้ายสุด เพราะต่อให้ธุรกิจนั้นไม่มีกำไร แต่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับผลตอบรับที่ดีจากตลาด ในยุคนี้คนที่มีเงินพร้อมที่จะลงในธุรกิจที่มีแววรุ่ง ก็มีเงินที่จะลงทุนในบริษัทนั้น ๆ อย่างมากมาย
โดย Bill Gross ได้ยกตัวอย่างจาก Airbnb แพลตฟอร์มการจองที่พัก ที่หากเป็นสมัยก่อน ใคร ๆ ต่างก็คิดกันว่า จู่ ๆ จะมาเปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเข้ามาได้ยังไงกัน ไม่มีใครเขาทำกันหรอก ซึ่งในปัจจุบันก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งสิ่งที่ทำให้ Airbnb ประสบความสำเร็จก็เป็นเพราะ Timing ที่มันเข้ามาในตลาดอย่างถูกที่ถูกเวลาพอดี ซึ่งในช่วงที่เข้ามานั้น เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ และผู้คนก็ต้องการหารายได้เสริมเข้ากระเป๋ากัน เช่นเดียวกันกับกรณีของ Uber ที่กำลังหาคนขับรถเข้าระบบแพลตฟอร์ม ในขณะที่เจ้าของรถต่างก็ต้องการหารายได้พิเศษเสริมเข้ากระเป๋าในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเรื่องของ Timing มันจึงสำคัญมาก
โดยเขายกตัวอย่างจากบริษัทหนึ่งในเครือของเขาที่ล้มเหลวคือ Z.com ซึ่งเป็นบริษัทสื่อบันเทิงออนไลน์ ที่มีทั้งไอเดียที่ยอดเยี่ยม เงินทุนอย่างเยอะแถมมีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน แถมยังมีทีมงานเก่ง ๆ จาก hollywood มาร่วมงานกันอีกหลายคน แต่ก็ดันเปิดตัวธุรกิจในช่วงปี 1999-2000 ที่มีสัญญาญบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตที่ห่วยมาก ๆ ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการดูวีดีโอออนไลน์กันยาว ๆ นาน ๆ แถมเรื่องการแสดงผลบน Browser ก็ยังยุ่งยากมีบัคอย่างมากมาย จนทำให้เขาต้องปิดตัวบริษัทลงในปี 2003 แต่ถัดหลังจากนั้นเพียง 2 ปี ในปี 2005 ทาง Adobe Flash ก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องการแสดงผลบน Browser ได้ แถมการกระจายสัญญาณบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตสามารถกระจายคลอบคลุมมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของอเมริกา และในปี 2005 นี้นี่เอง ที่ได้ถือกำเนิดแพลตฟอร์มอย่าง Youtube ที่มี Timing ที่เหมาะเหม็ง ทั้ง ๆ ที่ตอนเริ่มต้นสร้าง Youtube นั้นมีแต่ไอเดีย แต่ไม่มีโมเดลรายได้ ไม่มีแผนการทำเงินด้วยซ้ำ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างสูง นั่นก็เพราะ Timing มันถูกที่ถูกเวลานั่นเอง
ซึ่งสุดท้าย Bill Gross ได้สรุปเอาไว้ว่า Team สำคัญมาก Execution สำคัญมาก ไอเดียก็สำคัญมากเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็คือ Timing ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องประเมินตลาดอย่างตรงไปตรงมาว่า ณ ขณะนั้น ผู้คนพร้อมที่จะรับกับสิ่งที่เราจะเสนอนี้แล้วหรือยัง และเขาก็หวังว่า ข้อมูลนี้จะช่วยให้คนที่กำลังทำบริษัท Startup หรือกำลังจะเริ่มต้นทำนั้น มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากคุณมีเจตจำนงที่แรงกล้าที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น ก็จะต้องทำให้มันประสบความสำเร็จให้ได้ เพราะถ้าหากทำไม่สำเร็จ มันก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นอยู่ดี
และหากคุณเริ่มซีเรียสและจริงจังกับการเรียนรู้ ในการค้นหาไอเดียสร้างธุรกิจออนไลน์ วันนี้คุณสามารถเข้าถึงพรีเมี่ยมคอนเท้นต์ได้แล้วบน Expertsity.com ในซีรี่ย์ 21 Ideas Online Millionaire 21 ไอเดียเงินล้านออนไลน์ สร้างรายได้จากโน้ตบุ๊คเครื่องเดียว โดยคุณสามารถลงทะเบียนได้ในราคาพิเศษ ตามรายละเอียดที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ – http://bit.ly/21billgross
Resources