Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

Blue O'Clock

สตูดิโอผลิตและพัฒนาสื่อการเรียนรู้ด้านการลงทุน ธุรกิจ จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

How to

ควบคุมชีวิตได้ดั่งใจด้วยการตัดสินใจใน 3 เรื่องนี้ by Tony Robbins

Tony Robbins นักเขียน โค้ช นักพูด ชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ ณ ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $600 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 21,700 ล้านบาท ได้ออกมาให้สัมภาษณ์บนช่อง Youtube ที่ชื่อ Impaulsive โดยตอนหนึ่งเขาได้แชร์ว่า ในชีวิตของคนเรานั้นจะมีการตัดสินใจอยู่ด้วยกัน 3 เรื่อง ที่มันจะสามารถควบคุมชีวิตของคน ๆ หนึ่งทั้งชีวิตได้เลย ซึ่งเรื่องที่เขาจะพูดต่อจากนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อเขาก็ได้ แต่ลองนำทั้งสามข้อที่เขาจะกล่าวต่อจากนี้ไปตั้งคำถามกับตนเองดูว่าเป็นอย่างไร

ซึ่งเขาได้เรียนรู้กฏเกณฑ์ดังกล่าวเมื่อตอนที่เขายังเด็กอยู่ ซึ่งส่วนตัวของเขาเองเขาเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน และก็ไม่ได้มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ที่เขาเติบโตมากับพ่อถึงสี่คน ที่ทั้งพ่อและแม่ของเขานั้น ก็ทะเลาะมีปากมีเสียงกันแทบทุกวี่ทุกวัน ซึ่งเหตุการณ์ในวันดังกล่าว เป็นวันขอบคุณพระเจ้า ที่ครอบครัวของเขาไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อไก่งวงมาฉลองกินกันซะด้วยซ้ำ

จนกระทั่งเสียงเคาะประตูได้ดังขึ้น และตัวของ Tony เองก็สังเกตเห็นผู้ชายตัวใหญ่จากร้านขายของชำใกล้บ้านมาที่หน้าประตู ที่มาพร้อมกับไก่งวงดิบกับกระทะใบใหญ่สำหรับปรุงสุก ในใจเขาก็นึกว่า วันนี้ลาภปากมากเราแล้ว ที่มีไก่งวงมาวางไว้ถึงหน้าบ้าน เขาจึงเรียกให้พ่อของเขาไปเปิดประตูเพื่อรับแขกคนดังกล่าว

แต่พอพ่อของเขาเปิดประตูมากลับมีอารมณ์ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เพราะเขาอารมณ์ฉุนเฉียว โมโห ไม่พอใจในทันที และพูดกับชายดังกล่าวที่หน้าประตูในทำนองว่า “ที่นี่เราไม่รับของบริจาค” แล้วก็ปิดประตูใส่หน้าชายดังกล่าว แต่ประตูดันไปเด้งโดนที่ปลายเท้าของเขาที่ยื่นเลยประตูมา มันจึงเด้งออก นั่นจึงยิ่งทำให้พ่อของเขาโมโหมากขึ้น

และชายจากร้านขายของชำ ก็พยายามพูดว่า “ผมแค่มาส่งของแค่นั้น แล้วผมก็จะไป”

และพ่อของเขาก็พูดเช่นเดิม “เราไม่รับของบริจาค!” แล้วก็ปิดประตูใส่หน้าชายคนดังกล่าวอีกครั้ง แต่ก็ดันไปชนกับหัวใหญ่ของเขาแล้วประตูก็กระเด้งกลับมาอีกครั้งหนึ่ง นั่นจึงยิ่งทำให้คุณพ่อของเขาโมโหหนักยิ่งขึ้นไปอีก

ทันใดนั้นก่อนที่พ่อของเขาจะต่อว่ากลับไป ชายจากร้านขายของชำก็พูดสวนไปทันควันว่า “ได้โปรดครับคุณท่าน อย่าต้องให้ครอบครัวของคุณได้รับความทุกข์ยากและความหิวโหยที่เป็นผลมาจากอีโก้ของคุณเลย ผมขอร้อง”

ทันใดนั้นในใจของ Tony เขาคิดเหตุการณ์ล่วงหน้าเป็นช็อต ๆ เลยว่า พ่อของเขาจะต้องตะบันกำปั้นใส่หน้าชายคนดังกล่าวอย่างแน่นอน

แต่เรื่องราวกลับกลายเป็นว่า คุณพ่อของเขาหันไปดูครอบครัว ลูกและภรรยาของเขา แล้วหันกลับมามองที่ชายหน้าประตู จากนั้น ก็รับอาหารจากชายคนดังกล่าว แล้วก็ปิดประตูลงแบบปกติ

และจากบทเรียนดังกล่าว เขาก็นำหลักการในการตัดสินใจกับเรื่องต่าง ๆ ที่เมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว มันจะส่งผลลัพธ์ออกมาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็มักที่จะตัดสินใจโดยแทบไม่ได้ยั้งคิด จากเรื่องที่ไม่มีอะไร หรือจะกลายเป็นเรื่องดี กลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายขึ้นมาแทน

โดยหลัก ๆ แล้วมันคือเรื่องของการเพ่งโฟกัสของคน ๆ นั้น

โดยเรื่องแรกคือ การโฟกัสในสิ่งที่ตนมีกับสิ่งที่ตนไม่มี

โดย Tony Robbins ได้ตั้งคำถามว่า คุณคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่มักจะโฟกัสในสิ่งที่ตนมีหรือไม่มี มากกว่ากัน?

คำตอบคือ ผู้คนส่วนใหญ่ แม้กระทั่งคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงก็ยังเป็น นั่นก็คือ พวกเขามักโฟกัสในสิ่งที่ตนนั้นไม่มีมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น พอตั้งเป้าว่าจะมีเงินล้าน พวกเขาก็จะไปโฟกัสว่า เมื่อไหร่จะมีสิบล้าน และพอพวกเขามีสิบล้าน พวกเขาก็จะไปโฟกัสต่อไปว่าอยากจะมีสักร้อยล้าน พันล้าน ฯลฯ

ซึ่ง Tony Robbins บอกว่า การที่เราเอาแต่โฟกัสในสิ่งที่ตนไม่มีนั้น ข้อเสียของมันก็คือ เราจะไม่สามารถรักษาความสุขเอาไว้กับตัวได้นาน เพราะเอาแต่ไล่ล่าในสิ่งที่ตนไม่มีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้จักพอ ทั้ง ๆ ที่หลายต่อหลายคนมีในสิ่งที่พวกเขามีเกินความจำเป็นไปมากแล้วก็ตามที

ต่อมาการตัดสินใจเรื่องที่สอง ก็คือ การควบคุม

Tony Robbins ได้ตั้งคำถามต่อมาว่า “แล้วคุณคิดว่า ระหว่างสิ่งที่ควบคุมได้กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ผู้คนส่วนใหญ่มักโฟกัสอย่างไหนมากกว่ากัน?”

คำตอบก็คือ ผู้คนส่วนใหญ่มักโฟกัสในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมมันได้

ซึ่งจากเหตุการณ์โรคระบาด covid-19 ที่ผ่านมาเราก็จะเห็นได้ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ตื่นตระหนกกับหลายต่อหลายเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ในระหว่างที่เกิดโรคระบาด

ซึ่งซึ่งที่ตามมาหลังจากที่เราไปโฟกัสในเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้นั่นก็คือ มันจะเกิดอารมณ์โมโห หงุดหงิด ไม่พอใจ เครียด โกรธแค้น หัวร้อน หดหู่ขึ้นมา

และการตัดสินใจในเรื่องที่สาม ก็คือ การโฟกัสอดีต ปัจจุบัน อนาคต

Tony Robbins ก็ได้ตั้งคำถามสุดท้ายว่า “คุณคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่มักโฟกัสในเรื่องอดีตที่ผ่านมา หรือเหตุการณ์ปัจจุบัน หรือเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต มากกว่ากัน?”

โดย Tony Robbins ก็บอกว่า ถ้าเป็นกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงนั้น พวกเขามักจะคิดถึงในเรื่องของอนาคต เพื่อความก้าวหน้าในชีวิต

แต่ผู้คนที่หดหู่ ท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง ส่วนใหญ่นั้น มักโฟกัสแต่เรื่องในอดีตที่ผ่านมา ที่ในความเป็นจริงต่อให้คิดถึงอดีตแทบตายสุดท้ายเราก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้อยู่ดี แถมคนกลุ่มนี้ยังวิตกกังวลและเครียด เป็นทุกข์กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นอีกด้วย

ดังนั้น จากการตั้งคำถามเพื่อให้ตัดสินใจทั้ง 3 ข้อดังกล่าวข้างต้นนั้น ให้คุณลองเริ่มต้นจากการเปลี่ยนจุดโฟกัสดู ก็คือ

  1. โฟกัสไปที่สิ่งที่คุณมี
  2. โฟกัสไปในเรื่องที่คุณสามารถควบคุมมันได้
  3. และโฟกัสในเหตุการณ์ปัจจุบัน เพื่อที่จะเบนเข็มให้ไปในทิศทางที่คุณใฝ่ฝันเอาไว้

ซึ่งถ้าหากในอดีต พ่อของ Tony Robbins นั้นได้ตัดสินใจชกกำปั้นไปที่หน้าของชายจากร้านขายของชำหน้าประตูดังกล่าว เหตุการณ์มันก็จะออกมาเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่แตกต่างจากเรื่องราวที่เล่าไปก่อนหน้านี้มาอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้น จงตัดสินใจเลือกเส้นทางดังกล่าว อย่างมีสติ เลือกสิ่งที่มีความหมายต่อตนเอง และจงระงับอารมณ์โกรธ โมโห ฉุนเฉียว ก่อนการตัดสินใจในทุก ๆ เรื่อง มันจะทำให้คุณ สามารถควบคุมและเลือกเส้นทางที่ดีให้กับตนเองได้ดั่งใจ

Resources