ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังถกเถียงกันอยู่ว่า Bitcoin มันคือ scam หรือการหลอกลวงหรือไม่ แต่ก็มีคนส่วนน้อยอีกกลุ่มหนึ่ง ที่พวกเขามองเห็นการเติบโตของ Bitcoin ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว และเมื่อวันเวลาผ่านไปเมื่อ Bitcoin ในปี 2021 มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาท ต่อ 1 เหรียญ ก็ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านในทันที และนี่ก็คือเหล่าบรรดามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจากตลาดเงินดิจิตอล หรือตลาด Cryptocurrency
อันดับที่ 10
Tim Draper คือนักลงทุนใน Silicon Valley โดยเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Venture Capital อย่าง Draper Fisher Jurvetson ที่คอยนำเงินลงทุนไปในบริษัทต่าง ๆ ซึ่งบริษัท Tesla ของ Elon Musk ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่เขาลงทุนเอาไว้ด้วยเช่นกัน
โดยจุดเริ่มต้นของการร่ำรวยแบบพรวดพราดด้วย Bitcoin ของเขานั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 2014 โดยเขาได้เข้าเหรียญ Bitcoin เป็นจำนวนกว่า 29,656 เหรียญ จากหน่วยงานรัฐของสหรัฐอเมริกา ที่ยึดทรัพย์มาจาก Silk Road ซึ่งเป็นตลาดมืดที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันด้วย Bitcoin โดย Tim นั้น ได้เหรียญมาได้ในราคารวมเพียง $18.7 ล้านดอลล่าร์ หรือตกเฉลี่ยเหรียญละ $632 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 19,000 บาทต่อเหรียญเท่านั้น ในขณะที่ ณ ตอนนี้ ราคาของ Bitcoin สูงกว่า 1 ล้านบาทต่อเหรียญเข้าไปแล้ว หรือคิดง่าย ๆ ว่า มูลค่าที่เขาถือครอง Bitcoin อยู่นั้น เพิ่มขึ้นกว่า 5,000% เลยทีเดียว ส่งผลให้ในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 1,100 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 3.3 หมื่นล้านบาท
อันดับที่ 9
Jed McCaleb ผู้บุกเบิกในวงการคริปโตยุคแรก ๆ โดยเขาได้มีส่วนร่วมในการเปิดแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิตอลถึง 3 แห่งด้วยกัน
- 2010 แพลตฟอร์มแรกชื่อว่า Mt. Gox ที่น่าจะเป็นแห่งแรกที่เปิดให้แลกเปลี่ยน Bitcoin และได้ขายกิจการไปในปีต่อมา
- 2012 เขาได้ร่วมก่อตั้งบริษัท Ripple กับ Chris Larsen แต่ด้วยความที่มีแนวคิดไม่ตรงกันกับผู้ร่วมก่อตั้ง จึงทำให้เขาแยกตัวออกมา
- 2014 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Stellar ที่เป็นเจ้าของเหรียญ XLM ที่ถือว่าสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคู่แข่งกับบริษัทเดิมอย่าง Ripple โดยมีจุดประสงค์เดียวกันก็คือ ต้องการสร้างระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนไปมาระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็วในราคาธรรมเนียมที่ถูกที่สุด และในเวลาไม่นาน Stellar ของเขาก็กลายเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลก Cryptocurrency ในขณะที่บริษัท Ripple อยู่ในอันดับที่ 5
โดยในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 1,400 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 4.2 หมื่นล้านบาท
อันดับที่ 8
Barry Silbert ผู้ก่อตั้งบริษัท Grayscale บริษัทดูแลทรัพย์สินดิจิตอล เช่น Bitcoin และ Ethereum เหรียญดิจิตอลอันดับที่ 1 และอันดับที่ 2 ของโลก ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินที่บริษัทเขาครอบครองอยู่นั้นมีมากกว่า 28,000 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือกว่า 8.4 แสนล้านบาท
ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะมาก่อตั้ง Grayscal นั้น เขาได้ขายกิจการแพลตฟอร์มการซื้อขายหุ้นให้กับ Nasdaq ไปเมื่อปี 2015 ทำให้เขามีเงินทุนในการเดินหน้าบริษัท Grayscale อย่างก้าวกระโดด แถมยังเป็นบริษัทรายแรกที่ได้รับอนุญาตตามให้ซื้อขายและลงทุนหลักทรัพย์ด้วย Bitcoin ได้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ ณ ปัจจุบันบริษัทของเขาสามารถสร้างรายได้แล้วมากกว่า $590 ล้านดอลล่าร์ ต่อปี หรือกว่า 1.77 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่งผลให้ในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $1,500 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 4.5 หมื่นล้านบาท
อันดับที่ 7&6
Tyler & Cameron Winklevoss สองพี่น้องฝาแฝดแห่งตระกูล Winklevoss นักพายเรือเหรียญโอลิมปิค ที่หากใครก็ตามที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง The Social Network ที่มีเค้าโครงเรื่องมาจากเรื่องจริงของ Mark Zuckerberg ในการสร้าง Facebook ที่มีข่าวว่า Mark ไปขโมยซอร์สโค้ดของสองพี่น้อง Winklevoss มาเนียนต่อยอดจนกลายเป็น Facebook ที่ยิ่งใหญ่ในภายหลัง ทำให้เกิดคดีฟ้องร้องจนสองพี่น้องได้รับค่าทำขวัญเป็นจำนวนเงินกว่า $65 ล้านเหรียญฯ หรือเกือบ ๆ 2 พันล้านบาท และพวกเขาก็นำเงินที่ได้เพื่อไปทยอยไล่ซื้อ Bitcoin เก็บเอาไว้เรื่อยมา จนกระทั่งพวกเขามี Bitcoin อยู่ในมือกว่า 70,000 เหรียญ และเมื่อปี 2014 พวกเขาก็ยังได้ก่อตั้งกระดานเทรดเพื่อให้ผู้คนเข้ามาซื้อขายเหรียญดิจิตอลที่ชื่อว่า Gemini ที่มีเงินหมุนเวียนในกระดานเทรดมากกว่า $200 ล้านดอลล่าร์ต่อวัน ส่งผลให้พวกเขามีทรัพย์สินคนละ 1,600 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือราว ๆ 4.8 หมื่นล้านบาทต่อคน
อันดับที่ 5
Changpeng Zhao (CZ) อดีตนักพัฒนาซอร์ฟแวร์ชาวจีน ที่ตัดสินใจขายบ้านของตัวเองในเมืองเซียงไฮ้ เพื่อมาทุ่มสุดตัวกับ Bitcoin ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มกระดานเทรดเหรียญดิจิตอลนามว่า Binance ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2017 และใช้เวลาเพียง 180 วัน Binance ก็ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิตอล โดยในปีละ 2019 มีรายงานว่า ในแต่ละวันมีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบของ Binance มากกว่า $500 ล้านเหรียญ หรือกว่า 15,000 ล้านบาทต่อวัน ส่งผลให้ในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 1,900 ล้านเหรียญฯ หรือราว ๆ 57,000 ล้านบาท
อันดับที่ 4
Michael Saylor CEO บริษัท MicroStrategy ที่กำลังได้รับความสนใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก เมื่อเขาได้ประกาศก้องในเดือนธันวาคม ปี 2020 ที่ผ่านมาว่า พวกเขาแบ่งเงินลงทุนใน Bitcoin อย่างจริงจัง โดยการกู้ยืมเงินกว่า $650 ล้านเหรียญฯ บวกกับเงินภายในบริษัท ในการทุ่มซื้อ Bitcoin เป็นจำนวนกว่า 70,784 เหรียญ ตีเป็นราคาที่ต้องจ่ายกว่า 1,100 ล้านเหรียญฯ และหลังจากที่เขาซื้อ Bitcoin มาได้เพียงเดือนเดียว ที่ Bitcoin นั้นมีราคาต่อเหรียญทะลุ 1 ล้านบาท (ประมาณ $33,333) ก็ทำให้เงินที่เคยใช้ซื้อ Bitcoin ไปนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,500 ล้านเหรียญฯ เข้าไปแล้ว
ในขณะที่ส่วนตัวของเขานั้น ก็ใช้เงินตัวเองซื้อ Bitcoin เช่นเดียวกัน โดยเขาได้ซื้อ Bitcoin เป็นจำนวน 17,732 เหรียญ โดยจ่ายเงินไปในราคา $175 ล้านเหรียญฯ แต่ในขณะนี้มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นเป็น $650 ล้านเหรียญฯ หรือเพิ่มขึ้นถึง 371%
ส่งผลให้ในปี 2021 นี้เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $2,000,000,000 หรือราว ๆ 5.6 หมื่นล้านบาท
อันดับที่ 3
Chris Larsen คือผู้ก่อตั้งบริษัท Ripple ที่เป็นบริษัทขับเคลื่อนด้วย Blockchain เจ้าของเหรียญดิจิตอลชื่อดังอย่าง XRP โดยเขาได้ร่วมก่อตั้ง Ripple กับ Jed McCaleb เมื่อปี 2012 โดยจุดประสงค์หลักก็คือ พวกเขาต้องการสร้างการโอนเงินและชำระเงินระหว่างประเทศผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วยเหรียญดิจิตอลอย่าง XRP
ซึ่งหากย้อนกลับไปสมัยก่อน การโอนเงินข้ามระหว่างประเทศนั้น จะใช้เวลาค่อนข้างนานมาก อาจเป็นสัปดาห์ แถมยังโดนค่าธรรมเนียมอีกบานเบอะ แต่ในขณะที่การโอนด้วย XRP นั้น ค่าธรรมเนียมถูกมาก ไม่ถึงบาท ไม่ว่าจะโอนเท่าไหร่ก็ตาม แถมยังใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเงินก็เข้าปลายทางได้อย่างรวดเร็ว โดยในปี 2021 นี้เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 2,900 ล้านเหรียญฯ หรือราว ๆ 8.7 หมื่นล้านบาท
แต่ในเดือนธนวาคม ปี 2020 ที่ผ่านมานี้ บริษัท Ripple และตัวเขาได้ถูกฟ้องร้องจากรัฐบาลว่า พวกเขาได้เสนอขายเหรียญ XRP ให้กับประชาชนทั่วไป โดยที่เหรียญนั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากทาง กลต. พวกเขาจึงถูกกล่าวหาว่า และกำลังสู้คดีกันอยู่ ณ ขณะนี้
อันดับที่ 2
Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้งบริษัท Alameda Research ที่เป็นบริษัทให้บริการด้านการบริหารสินทรัพย์ในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency หรือเงินดิจิตอลโดยตรง ที่เขาก่อตั้งในปี 2017 ตั้งแต่อายุ 28 ปี โดยบริษัทของเขาบริหารกองทุนมูลค่ามากกว่า 2,500 ล้านเหรียญฯ และต่อมาในปี 2019 ตอนที่เขาอายุได้ 30 ปี เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัท FTX ซึ่งเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนอนุพันธ์สกุลเงินดิจิตอลหรือสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี โดยความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขาก็มาจาก FTX และมีเหรียญสกุลดิจิตอลของตนเองที่ชื่อ FTT โดยในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 4,500 ล้านเหรียญฯ หรือราว ๆ 1.35 แสนล้านบาท
อันดับที่ 1
Brian Armstrong (ไบรอัน อาร์มสตรอง) ผู้ก่อตั้ง Coinbase กระดานเทรดเหรียญ cryptocurrency ที่มีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบการซื้อขายต่อวันสูงถึง $3,000 ล้านเหรียญฯ หรือกว่า 9 หมื่นล้านบาทต่อวัน โดยในปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ $6,500 ล้านเหรียญฯ หรือราว ๆ 1.9 แสนล้านบาท ในวัย 38 ปี
Brian คืออดีตพนักงานของสตาร์ทอัพยักษ์ใหญ่อย่าง Airbnb ในตำแหน่งวิศวกรซอร์ฟแวร์ ในปี 2011 และต่อมาในปี 2012 เขาก็ได้ก่อตั้ง Coinbase ขึ้นมา และในปัจจุบัน Coinbase ก็กลายเป็นกระดานเทรดเหรียญ Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา โดยเขาถือหุ้นของบริษัทเอาไว้อยู่เป็นสัดส่วนประมาณ 20% โดยผู้สื่อข่าวอย่าง Forbes ได้เคยถามคำถามกับเขาว่า “เพราะเหตุใดคุณถึงได้กระโดดเข้ามาในวงการธุรกิจนี้” โดย Brian ได้ตอบว่า “I wanted the world to have a global, open financial system that drove innovation and freedom.” หมายถึง “ผมต้องการให้เรื่องของการเงินสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วโลก ที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมได้อย่างอิสระเสรี”
*หมายเหตุ: ความมั่งคั่งจากสินทรัพย์ดิจิตอลของพวกเขาอ้างอิงตามราคา ณ วันที่ 19 มกราคม ปี 2021
Resources
- https://www.forbes.com/sites/jeffkauflin/2021/02/02/meet-the-11-billionaires-cashing-in-on-bitcoins-wild-rise/
- https://www.forbes.com/profile/brian-armstrong/
- https://blockchain-review.co.th/blockchain-review/fortune40brianarmstrong/
- https://www.forbes.com/profile/sam-bankman-fried/
- https://th.blogtienao.com/san-ftx/
- https://www.forbes.com/profile/chris-larsen/
- https://www.forbes.com/profile/changpeng-zhao/
- https://www.tradingview.com/markets/cryptocurrencies/prices-all/