ประวัติ Walt Disney ผู้ต่อเติมโลกแห่งจินตนาการ ให้กลายเป็นเป็นโลกแห่งความจริง
วอลเตอร์ ดิสนีย์ (Walter Disney) ราชาการ์ตูนโลก ชายผู้ให้กำเนิด มิคกี้เมาส์, พิน็อคคิโอ้, สโนไวท์ และตัวการ์ตูนขวัญใจเด็ก ๆ ทั้งโลก นอกจากนี้เขายังเป็นนักบุกเบิกแอนิเมชั่นของอเมริกา และเป็นบุคคลแรกที่สร้างภาพยนตร์การ์ตูนแบบสี ผู้ก่อตั้ง The Walt Disney Company กับ 22 รางวัลออสการ์ที่ได้รับ ในปี 2017 ที่ผ่านมา บริษัทวอลต์ดิสนีย์ มีรายได้รวมอยู่ที่ 55 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มีทรัพย์สินทั้งหมดรวม 91 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำกำไรไป 8,990 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีมูลค่าราคาตลาดอยู่ที่ 178 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
Walt Disney ในช่วงชีวิตก่อนเริ่มต้นธุรกิจ
วอลเตอร์ เอเลียส ดีสนีย์ (Walter Elias Disney) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Walt Disney นั้น เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี 1901 เป็นชาวอเมริกัน เกิดในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ โดยคุณพ่อของเขา Elias Charles Disney ย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศแคนาดา จนมาพบกับคุณแม่ของเขา Flora Call Disney โดยเขาเป็นลูกชายคนที่ 4 มีพี่ชาย 3 คน คือ Herbert, Raymond, Roy และมีน้องสาว 1 คน ชื่อ Ruth
วอลต์มีความหลงใหลในการวาดภาพมาตั้งแต่ 7 ขวบ ในเวลาว่าง ๆ เขามักจะวาดภาพอยู่เสมอ แถมฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา จึงทำให้ได้มีโอกาสวาดการ์ตูนลงคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน แถมยังเคยขายภาพวาดให้กับเพื่อนบ้านอีกด้วย
และตอนที่ครอบครัวของเขาได้ย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากอยู่ในฟาร์ม วีรกรรมสุดแสบของเขาก็คือการละเลงฝาผนังทั่วบ้านด้วยสีเต็มไปหมด
และใกล้ ๆ ฟาร์มนั้นเอง ก็มีรถไฟวิ่งผ่าน เขาจึงมีโอกาสไปทำงานพิเศษช่วงฤดูร้อนกับบริษัทรถไฟ ด้วยการขายหนังสือพิมพ์ น้ำดื่มและขนม ให้กับผู้โดยสาร
และต่อมาเมื่อครอบครัวของเขาย้ายที่อยู่อีกครั้ง โดยย้ายไปในเมือง Kansas City รัฐ Missouri โดยช่วยพ่อของเขาส่งหนังสือพิมพ์ในเมือง ซึ่งเพาะบ่มให้นิสัยของวอลต์นั้น เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย มีความอดทนและขยันขันแข็ง
ในสมัยวัยหนุ่มนั้น เขามีโอกาสได้เข้าเรียนเกี่ยวกับด้านศิลปะและการถ่ายภาพที่ Kansas City Art Institute ซึ่งเขาหวังว่า สักวันหนึ่ง จะได้เป็นนักเขียนการ์ตูนลงบนหนังสือพิมพ์กับเขาบ้าง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 วอลต์ได้ไปอยู่หน่วยกาชาดของทหารอเมริกัน โดยมีหน้าที่รับส่งผู้ป่วยระหว่างประเทศเยอรมันกับฝรั่งเศษ ว่ากันว่ารถพยาบาลที่เขาขับนั้น เต็มไปด้วยภาพวาดการ์ตูนทั้งคัน แทนที่จะเป็นเครื่องอำพรางให้กับรถ
จนกระทั่งในปี 1919 วอลต์ก็ได้ปลดประจำการและกลับมายังบ้านเกิด โดยที่เค้านั้นได้ตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ว่าจะเอาดีทางด้านศิลปะ แต่ฝันของเขานั้นคุณพ่อไม่เคยสนับสนุนเลย
เริ่มต้นเส้นทางผู้ประกอบของ Walt Disney ที่เจ๊งไม่เป็นท่า
วอลต์จึงออกจากบ้านเพื่อเดินตามฝันของตัวเอง เขาได้พบกับ อับบ์ ไอเวิร์ค (Ub Iwerks) ทั้งสองได้ร่วมมือกันประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยใช้ชื่อว่า Iwerks-Disney Commercial Artists เมื่อปี 1920 แต่ทำได้ไม่นานนักก็ต้องปิดตัวลงเพราะทั้งคู่ขาดประสบการณ์ในการทำธุรกิจและไม่สามารถหาลูกค้าได้มากพอ
หลังจากนั้น Walt ได้เข้าไปทำงานที่ Kansas City Film Ad. และ Iwerks ก็ตามมาทีหลัง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้ในการทำงานในด้านที่เกี่ยวกับการทำภาพยนตร์แอนิเมชั่น โดยทำงานที่นี่เป็นเวลา 2 ปี
วอลต์ได้พยายามเปิดบริษัทใหม่ขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Laugh-O-Gram Film, Inc. ซึ่งจะเน้นการผลิตการ์ตูนสั้นอิงนิยายสำหรับเด็ก ทำร่วมกับ ไอเวิร์ค เพื่อนของเขา แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะหลังจากที่สร้างการ์ตูนเรื่อง Alices’s Wonderland ยังเสร็จไม่สมบูรณ์ บริษัทก็ต้องเจอกับภาวะล้มละลาย จึงต้องปิดตัวลง
เขาจึงตัดสินใจนำกล้องไปขายเพื่อนำเงินที่ได้นั้นเดินทางไปยัง ฮอลลิวูด ทีเมือง LA รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบันเทิง โดยวอลต์ตั้งใจจะหันมาเป็นผู้กำกับโดยคิดจะทิ้งงานทางด้านแอนิเมชั่น แต่ก็ไม่มีบริษัทไหนรับเขาเข้าทำงานเลย วอลต์จึงต้องกลับมาสร้างแอนิเมชั่นต่อ
กำเนิดบริษัท Walt Disney Studios
ต่อมาพวกเขาก็ได้ข่าวว่าบริษัท New York Film ที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายภาพยนตร์ ในเมือง New York กำลังมองหาซีรี่ย์การ์ตูนใหม่ ๆ อยู่ เขาเลยลองส่งผลงาน เรื่อง Alices’s Wonderland ไปที่นิวยอร์คให้กับ มาร์กาเร็ต วิงค์เลอร์ (Margaret Winkler) วอลต์ได้รับการตอบกลับทันทีว่า “ต้องการให้สร้างสรรค์ผลงานให้อีกโดยที่ยึดเอาเนื้อเรื่อง Alices’s Wonderland เป็นหลัก”
เมื่อเจรจาตกลงกันได้ เขากับ Roy Oliver Disney พี่ชายของเขา จึงก่อตั้งบริษัท ในวันที่ 16 ตุลาคม ปี 1923 โดยใช้ว่า “Disney Brothers Studio” และถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งจากการแนะนำของ Roy เป็น “Walt Disney Studios”แทน มีสำนักงานอยู่ในเมือง Hollywood
ในปี 1925 วอลต์ก็ได้จ้าง Lillian Marie Bounds มาทำงานด้านแผ่นฟิล์ม ทั้งสองได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้แต่งงานกันในที่สุด
เมื่อ Walt Disney โดนพาร์ทเนอร์หักหลัง
และเมื่อปี 1927 วอลต์กับ Iwerks ได้สร้างตัวละครใหม่ขึ้นมานั่นก็คือ Oswald the Lucky Rabbit โดยนำกระต่าย Oswald ไปเป็นตัวเอกในซีรี่ย์การ์ตูนถึง 26 ตอน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ทางผู้จัดจำหน่ายก็ได้หยุดให้ทุนในการสร้างซีรี่ย์นี้ โดยได้นำกระต่าย Oswald ไปให้บริษัทอื่นผลิตแทน
Walt กับ Iwerks ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่เจ้ากระต่าย Oswald ตัวนี้นั้น พวกเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาแท้ ๆ แต่ก็ด้วยการที่ด้อยประสบการณ์ในเรื่องของลิขสิทธิ์ในตัวละคร ดังนั้นการเสียกระต่าย Oswald ในครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนอันสำคัญและจดจำไม่มีวันลืมว่าเรื่องของ ลิขสิทธิ์นั้น มันสำคัญมากแค่ไหนต่อผลงานของพวกเขา (แต่ในปี 2006 ทาง Walt Disney ก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์ในการ์ตูน Oswald the Lucky Rabbit รวมไปถึงซีรี่ย์ทั้ง 26 ตอน ที่ Walt Disney เป็นผู้สร้างกลับคืนมาในที่สุด)
Walt Disney ให้กำเนิด Mickey Mouse เจ้าหนูมหัศจรรย์
ในระหว่างนั้นเอง เขาได้คิดค้นตัวการ์ตูนขึ้นมาใหม่ ไอเดียได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ตอนที่เขาเห็นหนูออกมาจากโรงรถ ซึ่งลักษณะของตัวละครนั้นเป็นหนูที่มีใบหูกลมใหญ่มีชื่อว่า Mortimer Mouse แต่ภรรยาของเขาแนะนำว่าควรจะเปลี่ยนชื่อ จึงได้ชื่อใหม่ว่า “Mickey Mouse” โดย Iwerks ได้ทำการดีไซน์เจ้าหนูใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการทำภาพแอนิเมชั่น
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เจ้าหนูตัวน้อยจะกลายเป็นขวัญใจเด็ก ๆ และผู้คนทั่วโลก Mickey Mouse ปรากฎตัวต่อสาธารณชนทั่วโลกผ่านทางการ์ตูนครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 1928 ในเรื่อง Steamboat Willie
จวบจนปัจจุบัน มิกกี้เม้าส์ ก็ได้เข้าไปอยู่ในใจของเด็ก ๆ ทั่วโลก และได้รางวัลชนะเลิศจากเวทีการ์ตูน ประกวดหลายเวที รวมถึงสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ และได้ออกในรายการโทรทัศน์ มิกกี้เมาส์คลับ ทางสถานี ABC ตอกย้ำความยิ่งใหญ่จากรุ่นสู่รุ่นทุกครั้งที่ได้รับชม
และในช่วง ปี 1930-1940 เหล่าผองเพื่อนมิกกี้ก็เกิดตามมาติด ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น มินนี่ เมาส์(Minnie Mouse), กู๊ฟฟี่(Goofy), พลูโต(Pluto) และโดนัลด์ ดั๊ก(Donald Duck) จากนั้นทางดีสนีย์ก็เริ่มโครงการการสร้างหนังการ์ตูนเรื่องยาวอย่างจริงจัง
อาณาจักร Disneyland สวนสนุกของโลก
ในปี 1955 ดีสนีย์ได้บุกเบิกสร้างอาณาจักรสวนสนุกยิ่งใหญ่ของโลก “Disneyland” ขึ้นที่เมือง Anaheim รัฐ California เพื่อต้อนรับเด็ก ๆ จากทั่วโลก
ต่อมาในปี 1964 วอลต์ก็มีโครงการสร้างสวนสนุกแห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม โดยมีพื้นที่กว่า 109 ตารางกิโลเมตรในรัฐฟลอริดา โดยร่วมกันตั้งชื่อสวนสนุกแห่งใหม่กับพี่ชายโดยใช้ชื่อว่า “Walt Disney World”
แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในปี 1966 วอลต์ได้ป่วยเป็นมะเร็งปอดจากการที่เขาสูบบุหรี่มาเป็นเวลานาน และได้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเซนต์โจเซฟ(St. Joseph’s Hospital) ที่ใกล้กับดิสนีย์สตูดิโอ
ก่อนจะได้เสียชีวิตลงหลังจากพึ่งฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิดในวัย 65 ปี ได้เพียง 10 วัน นั่นก็คือวันที่ 15 ธันวาคม ปี 1966 หลังจากวอลต์เสียชีวิต Roy พี่ชายของเขาก็ได้สานต่ออุดมการณ์ต่าง ๆ จนตนเองเสียชีวิตในวันที่ 20 ธันวาคม ปี 1971 ในวัย 78 ปี
Walt Disney Studios กว้านซื้อธุรกิจเพื่อสร้าง Ecosystem ให้แข็งแกร่ง
และตั้งแต่ Robert Allen Iger หรือ บ็อบ ไอเกอร์ เข้ามาเป็น CEO ที่นี่ Walt Disney ตั้งแต่ปี 2005 ถึงปัจจุบัน ก็ได้ขยายอาณาจักรด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัทต่าง ๆ อีกมากมายในวงการภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็น
- Pixar Animation Studios
- Marvel Entertainment and Marvel Studios
- UTV Software Communications
- Lucusfilm Ltd.
- Maker Studios
- BAMTech
- 21st Century Fox
- ABC Entertainment Group
- ESPN Inc.
10 อันดับภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของ Walt Disney
Walt Disney ฝากถึงคนรุ่นใหม่
การที่จะมาถึงจุดนี้ได้วอลต์ต้องอดทน ต่อสู้ และดิ้นรนฟันฝ่าอุปสรรคอย่างมากมาย และยังเป็นคนไม่หยุดนิ่งคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดจึงประสบความสำเร็จและสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของดีสนีย์ที่ส่งต่อเจตจำนงยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้
“All our dreams can come true, if we have the courage to pursue them.”
หมายถึง ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ หากเรามีความกล้าที่จะไล่ตามฝันนั้นไป
Walter Disney – ผู้ก่อตั้ง Walt Disney Studios
Resources :