เหตุผลที่ Warren Buffett ไม่คิดที่จะลงทุนในทองคำเลยแม้แต่น้อย
Warren Buffett ได้เคยตอบคำถามในวันประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท Berkshire Hathaway เอาไว้เมื่อปี 2005 อยู่คำถามหนึ่งว่าทุกวันนี้ค่าเงิน fiat หรือเงินกระดาษจากรัฐบาลในแต่ละประเทศนั้น มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งทางเลือกในการลงทุนแทนที่จะเก็บเป็นเงินสด เราควรจะเก็บเอาไว้ในรูปของทองคำดีหรือไม่?
โดย Warren Buffett ได้ตอบว่า พวกเขาไม่เคยสนใจในการลงทุนใน Gold เลยแม้แต่น้อย ซึ่งผู้คนโดยทั่วไปส่วนใหญ่แล้วมักจะคิดว่า หากมูลค่าของเงินสดมีค่าลดลง การเลือกทองคำไปที่พึ่งแรกนั้นดูน่าจะเป็นอะไรที่ง่ายและดีกว่าการเก็บเงินสดเอาไว้ที่บ้านหรือในบัญชีธนาคาร
ซึ่งในมุมมองของ Warren Buffett นั้นเขามองว่า หากค่าเงินดอลล่าร์อ่อนลง ซึ่งสมมติว่าถ้าค่าเงินดอลล่าร์มี Purchasing Power หรืออำนาจในการจับจ่ายใช้สอยลดลงกว่า 50% สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ในฐานะที่เขาได้ลงทุนในบริษัท See’s Candies ที่เป็นบริษัทขายลูกกวาดแสนอร่อยนั้น ทันทีที่ค่าเงินลดลงกว่าครึ่ง สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบริษัท See’s Candies ก็คือ เขาจะสามารถขายลูกกวาดได้เป็นสองเท่าในราคาคงเดิม แรงงานที่ทำขนมก็ยังทำงานเท่าเดิม ใช้เวลาในการผลิตคงเดิม ซึ่งการผลิตเพื่อส่งออเดอร์ให้ลูกค้าจาก 1 ลังเป็น 2 ลังก็ใช้แรงงานเท่าเดิม
ดังนั้นสิ่งที่เขามองในมุมของการลงทุน Asset หรือทรัพย์สินอะไรสักอย่างนั้น สิ่งที่เขามองก็คือ ทรัพย์สินใดบ้างที่สามารถสร้างประโยชน์ได้แม้ว่าค่าเงินจะลดลง 10%, 50% หรือคนจะหันไปใช้เปลือกหอยแทนเงินก็ตามแต่ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับค่าเงิน มนุษย์ทุกคนก็ยังคงต้องกิน ยังคงต้องดื่ม ยังคงต้องทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อดำเนินชีวิตในประจำวันต่อไปอยู่ดี
ดังนั้น เราจะสังเกตเห็นได้ว่า Warren Buffett นั้นเขามักจะชอบลงทุนในบริษัทที่เป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม อย่างเช่น Coca-Cola ดังนั้น พวกเขาจะไม่ยอมขายความเป็นเจ้าของใน Asset ที่มีค่าดังกล่าว เพื่อไปแลกเปลี่ยนเป็นก้อนโลหะสีทองที่ตัวมันเองทำประโยชน์อะไรแทบจะไม่ได้เลย นอกจากเก็บมันเอาไว้เฉย ๆ หรือเอามาใส่ให้ดูวิบวับตามร่างกาย
ซึ่ง Charlie Munger คู่หูข้างกายของ Warren Buffett ก็เสริมว่า ทองคำนั้น คือตัวเลือกที่โง่เง่าเต่าตุ่นมากที่สุดในการลงทุนในนามบริษัท Berkshire Hathaway เลยทีเดียว
ซึ่ง Warren Buffett ก็ได้เล่าย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่เขายังเด็กอยู่ ตอนที่เขาได้นั่งคุยกันบนโต๊ะอาหารกับครอบครัว ซึ่งอยู่ในช่วงปี 1940 ที่ราคาของทองคำนั้นอยู่ที่ราว ๆ $35 ต่อออนซ์ หรือราว ๆ พันกว่าบาท ซึ่งนอกจากจะต้องหาที่เก็บอย่างปลอดภัยแล้วนั้นก็ยังมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาตลอดหลายสิบปีอีกด้วย พอนำมาคำนวณหักลบกลบหนี้กับอัตราการเติบโตของมันแล้วนั้นมันก็ไม่ได้มากถึงขนาดที่ทำให้เขาน้ำลายไหลได้ ในขณะที่การลงทุนใน Asset ที่สามารถสร้างผลผลิตได้ตลอดหลายสิบปีนั้นเติบโตมีอัตราการเติบโตที่น่าดึงดูดกว่าเยอะ
Resources